จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: anti-bid'ah Date: มิ.ย. 17, 2009, 08:53 AM
ผมไม่เคยเห็นหน้า อ.ปราโมทย์แต่บาบอคนปัจจุบันบอกว่าแม้ จารเป็นสายใหม่แล้วแต่ท่านมีารยาทดีมาก กล่าวคือผมเป็นศิษย์น้องสถาบันเดียวกับท่านและบาบออยากให้ผมพบกับท่านสักครั้งแต่ก็ยังไม่มีโอกาส บาบอชอบ จารปราโมทย์มากและมักไปเที่ยวบ้านท่านที่นคร
จาก...จดหมายเปิดผนึกถึง อ.อัซฮะรีย์ โดย อใปราโมทย์
ข้อเท็จจริงในจุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ (ที่อ้างว่าเป็นข้อมูลในเชิงลึก) เหมือนขาวกับดำ ...
เมื่อออกจากปอเนาะแล้ว ผมกลับไปอยู่บ้าน, แต่งงานและเดินทางไปมักกะฮ์เพื่อจะเรียนต่อ แต่ในปีนั้น (พ.ศ. 2515 คาบ 2516) ผมและเพื่อน (ซึ่งเป็นศิษย์ของผมคนหนึ่งสมัยเรียนปอเนาะและเป็นเด็กฉะเชิงเทรา) ชื่อมุบาร็อก (จำนามสกุลไม่ได้) โชคร้ายติดต่อเพื่ออยู่และเรียนที่มักกะฮ์ไม่ได้ จึงต้องเดินทางกลับ แล้วผมก็มาเปิดสอนในระบบปอเนาะอยู่ที่บ้านเกิดประมาณ 3 ปี จึงต้องยุติเพราะปัญหาด้านเศรษกิจของครอบครัว จากนั้นผมจึงเดินทางไปอยู่ที่ ต.หัวเขา จังหวัดสงขลา เพื่อประกอบธุรกิจการค้าด้านการประมงตามความถนัดและความต้องการของภรรยา ซึ่งกิจการก็เจริญก้าวหน้าตามลำดับ
ระหว่างนั้น ผมไปมาหาสู่กับบาบอและมามาที่ปอเนาะไม่เคยขาด ...
3. มาประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการประมงอยู่ที่สงขลาได้ประมาณ 2 ปีกว่าๆ ผมจึงเริ่มหันมาสู่แนวทางแห่งซุนนะฮ์ของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม (สมัยก่อนเรียกว่าเป็นคณะใหม่) ซึ่งผมไม่ปฏิเสธว่า เมื่อบาบอทราบข่าวนี้ในตอนแรกท่านก็รู้สึกอึดอัดใจและไม่พอใจบ้าง ถึงกับเรียกผมไปพบแล้วสอบถามเรื่องราวตามที่ท่านได้รับการบอกเล่ามาจากผู้ (ไม่) หวังดี แต่เมื่อผมอธิบายให้ท่านทราบความจริงโดยไม่ปิดบังถึงแนวทางของผมในการเผยแผ่ซุนนะฮ์ ท่านก็เข้าใจ และไม่เคยว่ากล่าวอะไรผมอีก นอกจากครั้งหนึ่ง ได้รับทราบจากภรรยาของผมว่า ท่านเพียงแต่เคยพูดเปรยๆกับเธอว่า .. “บาบอสอนมันมาอย่างนี้ แต่บางอย่างมันทำไม่เหมือนที่บาบอสอน” ...
จากนั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งวันที่ท่านสิ้นชีวิต ไม่เคยปรากฏแม้แต่ครั้งเดียวว่าบาบอจะแสดงท่าทีไม่พอใจหรือโกรธเคืองอะไรผมทั้งสิ้น ตรงกันข้าม ท่านยังโทรศัพท์มาปรึกษาหารือผมในเรื่องต่างๆ, เช่น บางครั้งเมื่อมีผู้มาถามปัญหาศาสนา ท่านก็ขอให้ผมช่วยค้นหาหลักฐานให้เมื่อท่านขี้เกียจค้นหาเอง, เมื่อไม่สบายใจท่านก็โทรฯ ให้ผมไปรับท่านมานอนพักผ่อนที่บ้านผมที่สงขลาครั้งละ 2-3 คืน, และท่านยังเคยโทรศัพท์เรียกผมไปหาเพื่อให้ขับรถนำท่านและมามาไปเที่ยวแถวปัตตานีและยะลาก็หลายครั้ง และก็หลายครั้งที่ผมเคยช่วยเหลือด้านการเงินแก่ท่านหรือลูกๆของท่าน ...
เมื่อบาบอสิ้นชีวิตไป ผมก็ยังไปมาหาสู่, เยี่ยมเยียนมามากับลูกๆของท่านซึ่งเปรียบเสมือนน้องของผมเสมอ จนกระทั่งมามาได้สิ้นชีวิตไปอีกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ...
สรุปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับบาบอ, มามา, ลูกๆของบาบอซึ่งทุกคนรักผมเหมือนพี่ชาย ไม่เคยเลยที่จะร้าวฉาน ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันนี้ -- และไม่ว่าผมจะเป็นคณะเก่าหรือคณะใหม่ -- เพราะทุกคนเข้าใจผม ...
ข้อเท็จจริงจากสิ่งเหล่านี้สืบได้ไม่ยาก เพราะประจักษ์พยานบุคคลที่จะยืนยันในคำกล่าวของผมข้างต้น ยังมีชีวิตอยู่มากมายในตำบลบ้านนา อ.จะนะ จังหวัดสงขลา, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกๆของบาบอซึ่งยังมีชีวิตอยู่เกือบครบถ้วนและยังติดต่อกับผมอยู่เสมอ หากผู้ใดต้องการทราบความจริงก็ยินดีให้เดินทางไปสอบถามที่ โรงเรียนตัสดีกียะฮ์ อ.จะนะได้ตลอดเวลา โดยผมยินดีจะจ่ายค่าพาหนะให้ท่านด้วยทุกบาททุกสตางค์ถ้าเรื่องที่ผมกล่าวมาไม่เป็นความจริง แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงท่านก็ต้องจ่ายของท่านเอาเอง ...
หรือถ้าจะให้สะดวกกว่านี้ ก็โทรศัพท์มาหาผมเพื่อขอเบอร์โทรฯ ลูกๆของบาบอจากผมได้ เพราะเบอร์โทรฯของผมก็มีแจ้งไว้แล้วตอนท้ายบทความแต่ละเรื่อง ...
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: read Date: มิ.ย. 17, 2009, 09:26 AM
salam
ไม่ค่อยเคลีย ครับ
อ่านแล้ว ไม่รู้จุดประสงค์คือะไร ?
ที่มา ที่ไป ก่อนหน้านี้ คือ อะไร ?
ขัดแย้ง อย่างไร ?
ข้างบน เป็น ใครเขียน ? เขียนท่อนไหน ?
ใครอ่านแล้ว งง บ้างครับ ?
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: คะลัคคะลุย Date: มิ.ย. 17, 2009, 09:54 AM
salam
ยี ปราโมทย์ ได้รับข้อมูลบอกเล่ามาจากลูกศิษย์อีกที ศิษย์ของเขาทางเว็บไซต์ก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ล่ะ ปากคนมันยาวกว่าปากกา
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า "เมื่อคนชั่วนำข่าวหนึ่งมายังพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านก็จงตรวจสอบให้ชัดเจน" อัลกุรอาน
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: ya-mann Date: มิ.ย. 17, 2009, 01:47 PM
salam
นี่คือสิ่งที่ท่านอัซฮะรีย์สร้างฟิตนะไว้กับอ.ปราโมทย์
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?PHPSESSID=a0800847079c9b9a491f17bacbb54997&topic=4412.15 ก. พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงดำรัสในซูเราะฮ์อัล-หุญุรอต อายะฮ์ที่ 6 ว่า ...
يَا أَيُّهَاالَّذِيْنَ آمَنُوْا إِنْ جَآءَكُمْ فَاسِقٌ بِنَبَأٍ فَتَبَيَّنُوْا أَنْ تُصِيْبُوْا قَوْمًا بِجَهَالَةٍ فَتُصْبِحُوْا عَلَى مَا فَعَلْتُمْ نَادِمِيْنَ
ศรัทธาชนทั้งหลาย หากคนชั่วคนใดนำข่าวใดมาบอกพวกเจ้า ก็จงสอบสวนให้แน่ชัดก่อน หาไม่แล้วพวกเจ้าจะสร้างเคราะห์กรรมแก่ชนกลุ่มหนึ่งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำลงไป ...
ข. ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า ...
أَتَدْرُوْنَ مَاالْغِيْبَةُ ؟ قَالُوْا : اَللهُ وَرَسُوْلُهُ أَعْلَمُ، قَاَل : ذِكْرُكَ أَخَاكَ بِمَا يَكْرَهُ، قِيْلَ : أَفَرَأَيْتَ إِنْ كَانَ فِىْ أَخِىْ مَا أَقُوْلُ ؟ .. قَالَ : إِنْ كَانَ فِيْهِ مَا تَقُوْلُ فَقَدْ اغْتَبْتَهُ، وَإِنْ لَمْ يَكُنْ فِيْهِ مَا تَقُوْلُ فَقَدْ بَهَتَّهُ ...
พวกท่านทราบหรือไม่ว่า นินทา คืออะไร? .. พวกเขา (บรรดาเศาะหาบะฮ์) กล่าวว่า .. อัลลอฮ์และรอซู้ลของพระองค์เท่านั้นที่รู้ยิ่ง, ท่านจึงกล่าวว่า .. (การนินทาก็คือ) การที่ท่านพูดเรื่องพี่น้อง(มุสลิม)ของท่านในสิ่งที่เขารังเกียจ, มีผู้ถามว่า .. โปรดบอกฉันด้วยว่า ก็ถ้าสิ่งที่ฉันพูดนั้นมันมีอยู่จริงในตัวพี่น้องของฉัน (จะเรียกว่านินทาหรือไม่?) ท่านก็ตอบว่า .. ถ้าสิ่งที่ท่านพูดมีอยู่จริงในตัวเขา ท่านก็นินทาเขา, และถ้าสิ่งที่ท่านพูดไม่มีอยู่จริงในตัวเขา ท่านก็ใส่ร้ายเขา ...
(บันทึกโดย ท่านมุสลิม โดยรายงานมาจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร.ฎ.) ...
ค. ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลัม ยังเคยกล่าวอีกว่า ...
إِنَّ مِمَّا أَدْرَكَ النَّاسُ مِنْ كَلاَمِ النُّبُوَّةِ اْلأُوْلَى : إِذَا لَمْ تَسْتَحِ فَاصْنَعْ مَا شِئْتَ
แท้จริง หนึ่งจากสิ่งที่ประชาชนได้รับมาจากคำพูดของนบีย์ท่าน
ก่อนๆก็คือ เมื่อท่านไม่ละอาย ก็จงทำ(ทุกอย่าง) ที่ท่านต้องการเถิด ...
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์ โดยรายงานมาจากท่านอบูมัสอูด อัล-อันศอรีย์ ร.ฎ.) ...
4. ในส่วนของผู้ที่กล่าวว่า ตนเองฏออัตกับบาบอจนกระทั่งได้รับความรัก, ความพึงพอใจจากบาบอตลอดมา ผมก็ยินดีด้วยและขออวยพรให้เป็นจริงอย่างนั้นเถิด ...
แต่ .. ถ้าคำว่า ฏออัต ดังกล่าว หมายถึงว่า ตนเองเชื่อทุกอย่างที่บาบอพูด, คือบาบอว่าได้ก็ได้ บาบอว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ .. โดยไม่กล้าขัดแย้งอะไรเลย ทั้งๆที่บางครั้งอาจจะมองเห็นแล้วว่า คำพูดหรือการกระทำบางอย่างของบาบอไม่น่าจะถูกต้อง สิ่งที่ผมกลัวก็คือ การฏออัตในลักษณะนี้มันจะเป็นเหมือนโองการที่พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.ทรงดำรัสไว้ในซูเราะฮ์อัต-เตาบะฮ์ อายะฮ์ที่ 31 ที่ว่า ...
إِتَّخَذُوْا أَحْبَارَهُمْ وَرُهْبَانَهُمْ أَرْبَابًا مِنْ دُوْنِ اللهِ
พวกเขา (ชาวยิวและชาวคริ
สต์) ได้ยึดเอาบรรดาผู้รู้ของพวกเขาและบาดหลวงของพวกเขา เป็นพระเจ้าที่อื่นจากอัลลอฮ์ ..
ซึ่งได้รับคำอธิบายจากท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า ความหมายโองการดังกล่าว มิได้หมายความว่าพวกเขาทำนมาซและถือศีลอดเพื่อบรรดาผู้รู้หรือบาดหลวงเหล่านั้น แต่หมายถึงว่าพวกเขายอมฏออัต(คือเชื่อฟัง) ทุกอย่างที่ผู้รู้หรือบาทหลวงของพวกเขากล่าว นั่นแหละคือความหมายที่ว่ายึดเอาผู้รู้หรือบาดหลวงเป็นพระเจ้า ...
(จากหนังสือ อัส-สุนัน วัลมุบตะดะอาต หน้า 7) ...
5. ในส่วนที่ อ.อัซฮะรีย์กล่าวว่า ความรู้ของผมอาจจะไม่บะรอกะฮ์นั้น ...
เรื่องนี้ผมขอขอบคุณ อ.อัซฮะรีย์เป็นอย่างมากที่เป็นห่วงและหวังดีต่อผม ...
เรื่องความมีบะรอกะฮ์หรือไม่มีบะรอกะฮ์ในวิชาความรู้ของผู้ใด เจ้าตัวไม่อาจจะคิดเอาเอง, ทึกทักเอาเอง, หรือคิดแบบเข้าข้างตนเองได้หรอกว่า ความรู้ของตนมีบะรอกะฮ์หรือไม่ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ในเรื่องนี้ ...
สำหรับผมเชื่อว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าจะแสวงหาความรู้มิใช่เพื่ออัลลอฮ์ แต่เพื่อนำความรู้นั้นไปกระทำหรือพูดในสิ่งที่เป็นความถูกใจของมนุษย์ (คือเน้นความ ถูกใจ ของมนุษย์เป็นหลัก แต่มิได้เน้นความ ถูกต้อง ของอัลลอฮ์), หรือแสวงหาความรู้โดยมีเจตนาเพื่อจะนำมันไปเป็นเครื่องมือสำหรับโต้แย้งกับผู้อื่น, หรือสร้างความสับสนให้ผู้ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในศาสนา ผมคิดว่าความรู้ลักษณะนี้แหละที่ไม่น่าจะมีบะรอกะฮ์ ...
ท่านศาสดามุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมเคยกล่าวว่า ...
مَنِ الْتَمَسَ رِضَااللهِ بِسَخَطِ النَّاسِ كَفَاهُ اللهُ مُؤْنَةَ النَّاسِ، وَمَنِ الْتَمَسَ رِضَاالنَّاسِ بِسَخَطِ اللهِ وَكَلَهُ اللهُ إِلَى النَّاسِ ..
ผู้
ใดก็ตามที่แสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ ด้วย(การพูดหรือทำใน)สิ่งที่มนุษย์รังเกียจ พระองค์อัลลอฮ์ก็จะให้เพียงพอแก่เขาจากการพึ่งพาเพื่อนมนุษย์, และผู้ใดแสวงหาความโปรดปรานจากมนุษย์ด้วย (การพูดหรือทำ) สิ่งที่อัลลอฮ์กริ้ว พระองค์ก็จะมอบหมายเขาให้แก่มนุษย์ไป ...
(บันทึกโดยท่านอัต-ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 2540 โดยรายงานมาจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ.) ...
(คำว่า สิ่งที่อัลลอฮ์กริ้ว ผมว่าน่าจะหมายถึงการไม่ปฏิบัติตามหรือการปฏิเสธซุนนะฮ์ของท่านรอซู้ลฯ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมด้วยนะ) ...
และท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ยังกล่าวอีกว่า ...
مَنْ طَلَبَ الْعِلْمَ لِيُجَارِىَ بِهِ الْعُلَمَاءَ أَوْ لِيُمَارِىَ بِهِ السُّفَهَاءَ وَيَصْرِفَ بِهِ وُجُوْهَ النَّاسِ إِلَيْهِ أَدْخَلَهُ اللهُ النَّارَ
ผู้ใดก็ตามที่แสวงหาความรู้ (โดยมีเจตนา)เพื่อจะใช้มัน(เป็นเครื่องมือ)ในการโต้แย้งกับนักวิชาการด้วยกัน หรือเพื่อสร้างความสับสนแก่ผู้ด้อยความรู้และเพื่อหวังจะให้ประชาชนหันมาหาเขา (คือยอมรับในความเก่งกาจของเขา) พระองค์อัลลอฮ์ก็จะนำเขาใส่ลงในนรก ...
(บันทึกโดย ท่านอัต-ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 2805 โดยรายงานมาจากท่านกะอับ บินมาลิก ร.ฎ.ด้วยสายรายงานที่เฎาะอีฟ แต่ภาพรวมของหะดีษนี้ถือว่าเป็นหะดีษหะซัน ดังคำกล่าวของท่านอัล-อัลบานีย์ในหนังสือ เศาะเหี๊ยะฮ์อัต-ติรฺมีซีย์ เล่มที่ 2 หน้า 337) ..
ผมมั่นใจเป็นการส่วนตัวว่า อ.อัซฮะรีย์ คงไม่ใช่เป็นบุคคลในลักษณะดังกล่าวนี้อย่างแน่นอน ...
อ้างจาก
www.mureed.comจากจดหมายเปิกผนึกถึงอ.อัซฮะรีย็โดยอ.ปราโมทย์ศรีอุทัย
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: ya-mann Date: มิ.ย. 17, 2009, 01:53 PM
salam
ตลก!!ถ้าผมเดาไม่ผิดลิงอ้างที่ผมนำมาให้ดูที่ท่านอัซฮะรีย์และบรรดาสมาชิกเคยให้ร้ายอ.ปราโมทย์ในกระทู้เรื่องสงสารอ.ปราโมทย์โดนลบทิ้งไปแล้วจึงเข้าไปดูไม่ได้ที่นี่ยังจะหาความอิคลาศได้อยู่อีกหรือ?
?
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: read Date: มิ.ย. 17, 2009, 02:14 PM
ผมได้ที่มาและที่ไป แล้วครับ
มันอยู่ตรงนี้ นี่เอง
จดหมายเปิดผนึกถึง อ.อัซฮะรีย์ โดย อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: al-azhary Date: มิ.ย. 17, 2009, 02:28 PM
salam
ตลก!!ถ้าผมเดาไม่ผิดลิงอ้างที่ผมนำมาให้ดูที่ท่านอัซฮะรีย์และบรรดาสมาชิกเคยให้ร้ายอ.ปราโมทย์ในกระทู้เรื่องสงสารอ.ปราโมทย์โดนลบทิ้งไปแล้วจึงเข้าไปดูไม่ได้ที่นี่ยังจะหาความอิคลาศได้อยู่อีกหรือ?
?
salam
ผมไม่ได้ลบกระทู้นี้ เพียงแค่ซ่อนกระทู้ไว้ในบอร์ดลับเท่านั้นเอง ตอนนี้ผมก็นำมันมาเปิดเผยอีกครั้ง ตามที่คุณต้องการครับ
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=4088.0
อัลอัมดุลิลลาฮ์ ที่ผมไม่ได้ลบแต่ต้องการเปิดเผยสิ่งที่ผมได้เคยพูดไว้ ดังนั้นหากประเด็นมันจุดขึ้นมาอีก ผมก็ขอนำมันมาเสนออีกโดยไม่ขอตอบโต้อะไรชี้แจงอะไร หรือต้องหาข้อมูลมาเพื่อหักล้าง เพราะมันไม่มีผลดีอะไร เพียงแต่ผมรับฟัง อ.ปราโมทย์ เขาเท่านั้น
เมื่อ อ.ปราโมทย์ เขาชี้แจงนำเสนอต่อหน้าสาธารณะ ผมก็เปิดกระทู้นี้ให้พี่น้องออกความเห็นต่อล่ะกันนะครับ เพื่อจะได้เปิดเผยข้อเท็จจริงล่ะกัน เพราะหากปิดกระผมเอาไว้ผมก็ถูกกล่าวหาอยู่ดี ดังนั้นขออนุญาตเปิดกระทู้ล่ะกันน่ะ สักพักก็ขอปิดประทู้ต่อคร้าบ
วัสลาม
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: read Date: มิ.ย. 17, 2009, 02:30 PM
salam
ตลก!!ถ้าผมเดาไม่ผิดลิงอ้างที่ผมนำมาให้ดูที่ท่านอัซฮะรีย์และบรรดาสมาชิกเคยให้ร้ายอ.ปราโมทย์ในกระทู้เรื่องสงสารอ.ปราโมทย์โดนลบทิ้งไปแล้วจึงเข้าไปดูไม่ได้ที่นี่ยังจะหาความอิคลาศได้อยู่อีกหรือ?
?
ทำไมครับ ถ้ากระทู้อยู่ มันแสดงถึงความอิคลาศ ตรงไหนครับ
ผมอยากถามว่า คุณเข้าใจคำว่า ความอิคลาศ อย่างไรครับ
กระทู้ ที่ก่อฟิตนะ กระทู้ไร้สาระ ถ้าจะลบ มันไม่อิคลาศอย่างไรครับ
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: al-firdaus~* Date: มิ.ย. 17, 2009, 02:38 PM
ความจริงไม่อยากเพิ่มเติมอะไรนะคะ
แต่มีความรู้สึกว่า เรากำลังฟังความข้างเดียว คือ ทางด้านของอ.ปราโมทย์
ไม่ใช่จะบอกว่าไม่เชื่อ แต่หากไม่มีมูล (ในเรื่องที่เป็นประเด็น ) ก็คงไม่มีใครอยากแสดงความคิดเห็นหรอกค่ะ
คือพอได้ข้อมูลมา แล้วมาบอกเล่า...เนียตที่แท้จริงคงอยากให้เป็นอุทาหรณ์ต่อคนเป็นลูกศิษย์น่ะ ไม่ได้มีเจตนาต้องการดิสเครดิตประการใดแน่ๆ
ยังงัยๆ อาจมีการผิดพลาดทางข้อมูลกันได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากสิ่งใดไม่มีมูล คนทางเราก็ไม่นำเป็นประเด็นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: al-azhary Date: มิ.ย. 17, 2009, 02:44 PM
salam
ตลก!!ถ้าผมเดาไม่ผิดลิงอ้างที่ผมนำมาให้ดูที่ท่านอัซฮะรีย์และบรรดาสมาชิกเคยให้ร้ายอ.ปราโมทย์ในกระทู้เรื่องสงสารอ.ปราโมทย์โดนลบทิ้งไปแล้วจึงเข้าไปดูไม่ได้ที่นี่ยังจะหาความอิคลาศได้อยู่อีกหรือ?
?
ทำไมครับ ถ้ากระทู้อยู่ มันแสดงถึงความอิคลาศ ตรงไหนครับ
ผมอยากถามว่า คุณเข้าใจคำว่า ความอิคลาศ อย่างไรครับ
กระทู้ ที่ก่อฟิตนะ กระทู้ไร้สาระ ถ้าจะลบมันไม่อิคลาศอย่างไรครับ
เมื่อกระทู้แบบนี้ ถูกปิดก็ถูกศิษย์ อ.ปราโมทย์ กล่าวหา แต่เมื่อนำมาเปิดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะถูกกล่าวหาสร้างกระทู้ฟิตนะฮ์อีกหรือเปล่า? เพราะเมื่อทราบว่ากระทู้แบบนี้ไม่บังควร ก็จึงรีบปิดโดยเร็ว แต่ศิษย์ของ อ.ปราโมทย์ เอาไปรายงานเสียก่อน เลยโต้กลับมาเช่นนี้
สรุปกระทู้เหล่านี้ จึงไม่รู้จะปิดหรือเปิดต่อไปกันแน่ ก็ลองดูกันไปก่อนครับ
สิ่งที่ผมได้เคยพูดก็คืออ่านไป ก็รู้ทันทีว่า วิพาษไปก็เพื่อเอาชนะแบบชนิดให้ขาดลอย คิดว่าอีกฝ่ายคงดิ้นไม่หลุดแน่ และไม่มีทางโต้กลับได้ เห้อๆ ประเด็นย่อยแท้ๆ จะเอาอะไรกันนักกันหนาเชียวคร๊าบพี่น้อง - วัสสลาม
salam
อ.ปราโมทย์ แกอายุเยอะแล้ว สู่วัยชราภาพมากแล้ว ลูกชายของเขาก็รุ่นพี่ผม ดังนั้นจะเสวนาโต้คนอายุเยอะอย่างนี้ จะใช้ถ้อยคำแบบดุเดือดไม่ได้
เพราะผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะสุภาพตลอดไปหรอกครับ ดุเดือดทุกเมื่อ แต่พยายามเก็บมันเอาไว้ให้อยู่เท่านั้นเอง แต่จะมาเสวนาเพื่อให้เสียรางวัดนั้น ผมไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะเชื่อเสมอว่าคนเราจะรู้มากแค่ใหน หากอัลเลาะฮ์ให้เขาตกต่ำ เขาก็จะตกต่ำครับ
อ.ปราโมทย์พูดว่า เขาเคยเรียนปอเนาะ เคยสอนแบบปอเนาะ อันนี้ผมรู้ประวัติเบื้องลึกของแกมาตั้งแต่ผมเรียนอิบติอาอีย์แล้ว ดังนั้นหากเรามีครูหรือเรียนกับบาบอปอเนาะ ผมจะไม่ทำให้บาบอไล่กระผมออกจากปอเนาะโดยบาบอไม่พอใจหรือออกจากปอเนาะถูกบาบอประณามตามหลังมาครับ ความรู้มันจะไม่บะรอกะฮ์ครับ อัลฮัมดุลิลลาฮ์ครับที่ผมก็ได้เรียนปอเนาะมาเต็ม ๆ แม้ผมจะออกจากปอเนาะแล้ว ปัจจุบันบาบอก็ยังเขียนข้อความภาษาอาหรับถึงผมและยังเรียกแทนชื่อผมว่า وَلَدِيْ (วะละดี) "ลูกของฉัน" เรียกว่า (ฮะบีบี) حَبِيْبِيْ "ที่รักของฉัน" อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ปัจจุบันความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา ยังคงประโยชน์ ได้มีการเผยแผ่และแบ่งปันแก่พี่น้องมุสลิมอยู่ทุกวัน นั่นเพราะผมคิดว่าบาบอและบรรดาครู ยังริฎอ(พอใจ)ในตัวของเรา หากมิเช่นนั้น ความรู้คงไร้วิญญาณ คนอื่นอาจจะได้บริโภคความรู้แต่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์จากความรู้นั้น
วัสลามครับ
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: al-firdaus~* Date: มิ.ย. 17, 2009, 03:09 PM
ดังนั้นหากเรามีครูหรือเรียนกับบาบอปอเนาะ ผมจะไม่ทำให้บาบอไล่กระผมออกจากปอเนาะโดยบาบอไม่พอใจหรือออกจากปอเนาะถูกบาบอประณามตามหลังมาครับ ความรู้มันจะไม่บะรอกะฮ์ครับ
ตรงนี้จากที่ได้อ่านจะเห็นได้ว่า
บังเขาไม่ได้กล่าวชื่อเจาะจงโดยตรงว่า อ.ปราโมทย์ ถูกไล่ออก แต่เพียงแค่กล่าวว่า
หากเรียนปอเนาะแล้วนั้น บังเขาจะไม่ทำให้บาบอไล่ออกและจะต้องทำให้บาบอพอใจ
ส่วนลูกศิษย์ อ.ปราโมทย์ ได้ตีความอย่างไรนั้น ก็แล้วแต่เขา เพราะการนินทาต้องเอ่ยชื่อชัดเจนตรงไปตรงมา 
จะมาบอกว่าเป็นการนินทา ก็ดูเป็นความอธรรม
การนินทานั้น คือการกล่าวชื่อชัดเจนว่า "อ.ปราโมทย์ ถูกไล่ออกจากปอเนาะ นั่นเขาเรียกการนินทา"
แต่บังไม่ได้เอ่ยชื่อเลยนะคะ
สิ่งที่บังกล่าวมานั้น เป็นภาษาเชิงเปรียบเทียบที่ไม่ระบุนามใด...เข้าใจ๋มะลูกศิษย์ที่น่ารัก... 
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: คนอยากรู้ Date: มิ.ย. 17, 2009, 03:24 PM
salam
ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนครับ
ปัญหาที่เกิดขึ้นจนนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างอ.ปราโมทย์กับอ.อัลอัชฮารีย์ตามที่ผมได้ติดตามนั้นเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน
1.กลุ่มผู้ยึดถือและเคารพ อ.ปราโมทย์โดยนำข่าวต่างๆไปบอกทั้งด้านวาจาและลายลักษณ์อักษร ซึ่งการนำข่าวไปบอกนั้น แน่นอน
เขาคือต้นเหตุแห่งการฟิตนะและเป็นการนินทาหากมีการกล่าวถึงบุคคลที่3และหากพูดเกินจริงนั้นคือการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งโทษทัณท์
ของการกระทำนั้นทั้งผู้ไปบอกยนั้นย่อมรู้ดีว่าเป็นอย่างไร
2.ความตะอัสสุบในเรื่องการยึดถือทัศนะโดยเฉพาะด้านอุศุลลุ้ลฟิกฮ์ในปัญหาคีลาฟต่างในสิ่งที่ปฏิบัติที่แตกต่างกัน เวปอะลิสซุนนะวัญญามะอะ
ซึ่งมีอ.อัชฮารีย์เป็นผู้หนึ่งในกลุ่มที่พยายามลดปัญหาการขัดแย้งที่เกิดจากการกระทำที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มหรือแนวทางที่ไม่ได้สังกัดทัศนะหนึ่งทัศนะใด
หรือที่เรียกกันติดปากว่ากลุ่มที่เดินตามการเผยแพร่ของท่านมุฮำมัด บินอับดุลวาฮาบ(วาฮาบียะ)โดยสลแกนของเขาก็คือ ไม่ต้องมีมัสหับทั้งสี่มีแต่มัสหับกีตาบุลลอฮ์และซุนนะนบี
ความแตกต่างคือ มัสหับทั้งสี่ ใช้หลักการต่างจากแนวทางนี้คือ
1>อัลกรุอ่าน 2.อัซซุนนะ 3.อิจญมาอ์ 4.กิยาส
แต่กลุ่มวาฮาบีนั้น เอาเฉพาะอัลกรุอ่านและอัชซุนนะ โดยเอาอุลามะที่สนับแนวทางของตนมาอ้างอิง
ประเด็นคิลาฟระหว่างการกระทำและมุมมองทั้งสองกลุ่มเลยเกิดขึ้นมากมาย กุล่มวาฮาบียจะมองว่าสิ่งไหนที่ไม่มีหลักฐานระบุชัดเจนในการปฏิบัติด้านศาสนาในทัศนของเขาถือว่า นั้นคือบิดอะ
โดยพยายามเอา หลักฐานจากทัศนะของอีม่ามทั้งสี่ หรือบรรดาสานุศิษย์มาอ้างอิง และให้น้ำหนักไปยังทัศนะที่เขากล่าวอ้าง
ทั้งที่บางอย่างจ้าวชองทัศนะได้ยอมรับในสิ่งดังกล่าวและตลอดบรรดาสานุศิษย์เองก็ปฏิบัติตามกันมา
และนี้คือที่มาของประเด็นการอ่านอัลกรุอ่านที่กุบุร
และที่มาของประเด็นใหม่ ตือ ความขัดแย้งเรื่อง
การคืนคำ ของท่านอิหม่ามอะห์มัด (รฮ) ซึ่งอ.อัซฮะรีย์ถือว่า
ท่านอิหม่ามอะห์มัดได้คืนคำแล้ว
โดยอ้างรายงานของท่านอิบนุกุดามะฮ์ อัล-เญาฮะรีย์, ท่านอะลีย์ บินมูซา อัล-หัดดาด และท่านอุษมาน บินอะห์มัด อัล-มูศิลีย์ (และยืนยันว่า 3 ท่านนี้เป็นศิษย์ของท่านอิหม่ามอะห์มัด)
แต่อ.ปราโมทย์กลับกล่าวว่า
การคืนคำดังกล่าวไม่น่าจะถูกต้อง ด้วยเหตุผลที่ว่า 2 ท่านหลังนั้นแม้จะเป็นศิษย์ของท่านอิหม่ามอะห์มัด แต่ก็ไม่ปรากฏมีชื่ออยู่ในตำราบันทึก
ประวัติผู้รายงานหะดีษเล่มใด, ซึ่งอ.ปราโมทย์ปฏิเสธว่า รายชื่อของท่าน ท่านอิบนุกุดามะฮ์ อัล-เญาฮะรีย์, ท่านอะลีย์ บินมูซา อัล-หัดดาด และท่านอุษมาน บินอะห์มัด อัล-มูศิลีย์
ไม่ได้เป็นศิษย์ของท่านอะหมัด(รฮ)ซึ่ง อ.ปราโมทย์ยอมรับเฉพาะ2 ท่านคือท่านอิบนุฮานิอ์และท่านอบูดาวูด โดยอ้างว่า เพราะทั้งสองท่านนี้สิ้นชีวิตหลังอิหม่ามอะห์มัดคนละ 24 ปีและ 34 ปีตามลำดับ ...
จนกลายเป็นข้อพิพาท ของการไม่ยอมรับ ในสิ่งที่
ท่านอิบนุกุดามะฮ์ อัล-เญาฮะรีย์, ท่านอะลีย์ บินมูซา อัล-หัดดาด และท่านอุษมาน บินอะห์มัด อัล-มูศิลีย์ รายงานไว้ซึ่งในความเป็นจริง อ.ปราโมทย์ไม่ได้สังกัดทัศนะใดๆแต่ก็เอาทัศนะของอีม่ามอะหมัดและสานุศิษย์ของอีหม่ามอะหมัด มาใช้เพื่อตอบโต้การอ่านอัลกรุอ่านที่กุบุร ทั้งที่ทัศนะทั้งสี่เห็นด้วยว่าอนุญาตให้กระทำได้[/b][/color]
เฮ้อ น่าจะจบไปแล้วน้ะถ้าไม่มีใครคาบข่าวงไปสร้างฟิตนะต่อ วัลอิยาซุบิ้ลลา....
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: al-firdaus~* Date: มิ.ย. 17, 2009, 03:26 PM
5. ในส่วนที่ อ.อัซฮะรีย์กล่าวว่า ความรู้ของผมอาจจะไม่บะรอกะฮ์นั้น ...
เรื่องนี้ผมขอขอบคุณ อ.อัซฮะรีย์เป็นอย่างมากที่เป็นห่วงและหวังดีต่อผม ...
เรื่องความมีบะรอกะฮ์หรือไม่มีบะรอกะฮ์ในวิชาความรู้ของผู้ใด เจ้าตัวไม่อาจจะคิดเอาเอง, ทึกทักเอาเอง, หรือคิดแบบเข้าข้างตนเองได้หรอกว่า ความรู้ของตนมีบะรอกะฮ์หรือไม่ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ในเรื่องนี้ ...
นี่คือตัวอย่างของการจับโน่นนี่มาชนเป็นเรื่องเป็นราว
บังเขาไปพูดตอนไหนเนี่ย ว่าความรู้ของอ.ปราโมทย์ไม่บะรอกะฮ์
สาเหตุมาจากลูกศิษย์ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วถ่ายทอดให้อ.ปราโมทย์... 
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: al-firdaus~* Date: มิ.ย. 17, 2009, 03:42 PM
สิ่งนี้มิสาหัสกว่าหรือ...เหตุไฉน มิใคร่ครวญ 
Re: จุดนี้จึงขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของ อ.อัซฮะรีย์ By: คนอยากรู้ Date: มิ.ย. 17, 2009, 03:44 PM
เท่าที่ทราบ ไม่ว่าจะเปลี่ยนนิคนามใดก็ตามคนๆนั้นก็เป็นคนๆเดียวกันที่ชอบสร้างฟิตนะให้พี่น้องผู้ศรัทธาทะเลาะกันเอง ซึ่งเขาไม่เคยละความพยายามที่จะเอาชนะกันในประเด็นของเรื่องคีลาฟ
อ.ปราโมทย์ท่านเป็นอาวุโส ท่านเองก็ไม่อยากที่จะขัดแย้งกับใครในบั้นปลายของชีวิต แต่ชนวนมันมาจากลูกศิษย์ของท่านนั้นเองที่กำลังจะเอาไฟไปเผาตัวเอง โดยไม่รู้ตัว
คีลาฟต่างทัศนะด้านฟิกฮ์ในเชิงความเห็นนั้นไม่ใช่เรื่อง ที่ต้องทำให้ต้องตกศาสนาแต่อย่างใด แต่คีลาฟด้านอากีดะนั้นสำคัญกว่า ...ประเด็นอื่นๆมากมาย
ทำไมลูกศิษย์อ.ปราโมทย์ ไม่มุ่งสนใจในเรื่องเตาฮีดบ้างนะ
