Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: nada-yoru Date: ม.ค. 05, 2010, 11:57 AM

Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: ILHAM Date: ม.ค. 05, 2010, 12:20 PM
อย่าซ้ำเติมพี่เขาสิ เดี๋ยวตกใจตกจากคานหรอก
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: กอ-กล้วย Date: ม.ค. 06, 2010, 03:28 PM
5555+ ชอบใจกลอนที่น้องนาดาแปลงอ่ะคะ

ว่าแต่ก๊ะถามถึงนินจาฮาโตริ กับเฮนเบะ ไหงกลายไปเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "ที่สูงของบ้าน" ไปได้นิ
ที่ก๊ะอยากได้เคล็ดลับวิชาแยกร่างของฮาโตริ เพราะอยากทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกันนะคะ (ไม่เกี่ยวกับกิ๊กเยอะนะคะ

) เรื่องงานบ้านอ่ะไม่ต้องใช้วิชาแยกร่างหรอกคะ จิ๊บ ๆ
แต่เรื่องเที่ยวนี่คะสำคัญ เอาวิชาแยกร่างมาใช้ไว้เที่ยวร่างหนึ่ง ทำแล็ปร่างหนึ่ง โดยอาศัยร่มของเฮนเบะพาไปยังที่ต่าง ๆ ที่อยากจะไปอย่างสะดวกรวดเร็วคะ

Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: nada-yoru Date: ม.ค. 06, 2010, 03:45 PM
salam
เอามาให้คนที่กำลังจะได้เป็นทายาท เอ๊ย กำลังจะขึ้นไปบนที่สูงของบ้าน
อ่านเอาไว้แต่เนิ่นๆน่ะค่ะ
จะได้ไม่ผวาตกใจ ตกบันไดคอเคล็ดไปเสียก่อนจะปีนไปถึงที่อ่ะค่ะพี่กอกล้วย
(แบบว่าเห็นแววไงคะ) 5555
สำหรับนาดาโยรุหรือโด่โด่คนนี้
เรื่องเที่ยว ร่างนั้นสำคัญไฉน เงินและเวลาบวกสุขภาพเข้าไปด้วยนี่สิคะ
ไม่ค่อยจะมีและมีไม่เคยพอ อิอิ...
หากมีเวลาและเงิน คงไม่ต้องแยกร่างเลยค่ะ...
ไปทั้งๆอย่างนั้นได้สบาย (หากว่าร่างกายสบายดีนะคะ) 5555
ว่าแต่จะเอาร่มวิเศษจริงๆเหรอคะ...ไม่รู้ว่าเฮนเบะให้ใครไปซะแล้วรึยัง

Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: ILHAM Date: ม.ค. 06, 2010, 03:59 PM
คงให้คนบนคานใช้ร่มโดดลงมาแล้วมั้ง
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: กอ-กล้วย Date: ม.ค. 06, 2010, 04:06 PM
ก๊ะชอบการ์ตูนตัวนี้มากเลยอ่ะ มันน่ารักกกกกก ตัวอ้วน ๆ กลม ๆ
ตอนเรียนป.ตรี มีเพื่อน(ชาย)ที่เรียนด้วยกัน ลักษณะท่าทางเหมือนเฮนเบะที่สุด แถมเป็นคนอารมณ์ดี จิตใจดี
ไม่ได้คิดคนเดียวนะ เพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกัน เขาก็ว่าเหมือนอ่ะ น่ารัก...

Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: nada-yoru Date: ม.ค. 11, 2010, 01:46 PM
salam
"คำขอโทษที่ 1001" กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว โลกของเรายังไม่มีคนอย่างเราๆอาศัยอยู่หรอก
โลกในสมัยนั้นเป็นโลกของเจ้าคำขอโทษและเจ้าให้อภัย
หน้าตาของเจ้าคำขอโทษเหมือนเมฆผืนใหญ่
ส่วนหน้าตาเจ้าให้อภัยเป็นหัวใจดวงโต...
จะว่าไปมันก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากโลกในสมัยนี้หรอก
นอกจากว่ามันไม่มีตึกรามบ้านช่อง ไม่มีสิงห์สาราสัตว์ และไม่มีเรา...
เมืองของเจ้าคำขอโทษและเจ้าให้อภัยจึงอยู่ในโลกที่มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า
ทะเล ภูเขา สายลม สายฝน และแสงแดด...
แต่ถึงจะมีกันอยู่แค่นั้น เจ้าคำขอโทษกับเจ้าให้อภัยก็ไม่เจอกันหรอกนะ
บ้านเมืองของมันถูกแยกให้ห่างออกจากกันด้วยแม่น้ำสายใหญ่
เมืองของเจ้าคำขอโทษอยู่ทางซ้ายของโลก
ส่วนเมืองของเจ้าให้อภัยก็อยู่ทางขวา
เจ้าคำขอโทษกับเจ้าให้อภัยจึงเห็นหน้ากันอยู่ลิบๆ
และต่างก็คิดจินตนาการถึงความเป็นไปของอีกฝ่าย...
โดยไม่มีใครคิดจะข้ามแม่น้ำอันเชื่ยวกรากไปหากัน...
อืม...จะว่าไม่มีใครซะทีเดียวก็คงจะไม่
ครั้งหนึ่งในยุคบุกเบิก เจ้าคำขอโทษที่ 1 ผู้เป็นต้นตระกูลของคำขอโทษทั้งหลาย
ได้เคยพยายามว่ายน้ำข้ามฝั่งไปหาเจ้าให้อภัย ด้วยว่าตอนนั้นมันเหงา
และอยากจะมีเพื่อนเล่น...
วันนั้นเจ้าคำขอโทษที่ 1 เดินมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ
"น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย...ไหลเชี่ยวเชียวแฮะ...แต่เป็นไงเป็นกัน
ยังไงซะ วันนี้ ฉันก็ต้องข้ามไปยังฝั่งโน้นให้ได้!!"เจ้าคำขอโทษที่ 1 พูดกับตัวเองในใจ จุดหมายของสายตาเพ่งไปที่เจ้าให้อภัย
ที่ยืนไกลลิบๆอยู่ฝั่งตรงข้าม...
"ซูม!!!"เสียงเจ้าคำขอโทษที่ 1 กระโดดลงแม่น้ำ และพยายามดำลงไปให้ลึก
เพื่อหนีกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
"บุ๋...ม...บุ๋มๆ" ถึงจุดกึ่งกลางของแม่น้ำแล้ว
"ค่อกๆ แอ๊...กๆ" เกือบถึงอีกฝั่งแล้ว เจ้าคำขอโทษที่ 1 โผล่ขึ้นผิวน้ำ
สำลักและตะเกียกตะกายหาที่เกาะเกี่ยว
...แต่....
เจ้าคำขอโทษทำไม่สำเร็จ สายน้ำแรงเกินกว่าจะทานไหว
อันที่จริงเจ้าคำขอโทษอาจทำสำเร็จก็ได้
ถ้าเจ้าให้อภัยว่ายน้ำมาจากฝั่งของตัวเองสักหน่อย และคว้ามือเจ้าคำขอโทษไว้...
ถ้าเจ้าให้อภัยก้าวขาลงแม่น้ำ แทนที่จะยืนมองอย่่างเฉยชา
โลกอาจไม่ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง
เจ้าคำขอโทษและเจ้าให้อภัยคงได้เป็นเพื่อนกัน...
เวลาผ่านไป...
จนถึงสมัยของเจ้าคำขอโทษที่ 1000...
แม่น้ำยังคงเชี่ยวกรากเช่นในสมัยของเจ้าคำขอโทษที่ 1...
สถานการณ์ไม่เคยเปลี่ยน...
โลกยังคงถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง แม่น้ำยังคงขวางกั้น...
แต่เจ้าคำขอโทษที่ 1000 ไม่คิดเช่นนั้น มันคิดว่า...
"สิ่งที่คนบอกต่อๆกันมาว่าเป็นไปไม่ได้...ใช่ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นไปได้ในสักวัน"แต่ไม่มีใครคิเช่นนั้น ใครๆต่างคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องคบหากับเจ้าให้อภัย
คำขอโทษที่ 1000 จึงกลายเป็นคำขอโทษที่นอกคอก...
...แต่ก็เป็นคำขอโทษที่ทุกคนจะต้องจดจำไปชั่วชีวิต...นั่นก็เพราะ...เจ้าคำขอโทษที่ 1000 พยายามทำในสิ่งที่ใครๆ
บอกมันว่าเป็นไปไม่ได้....
"ซูม !!" ณ ริมฝั่งแม่น้ำ คำขอโทษนอกคอกกระโจนลงแม่น้ำด้วยความมุ่งมั่น
มันว่ายน้ำข้ามฝั่งอย่างที่ต้นตระกูลเคยได้ทำ...
ว่่าย ว่าย และว่าย อย่างไม่ลดละ
...กระทั่งใกล้จะถึงอีกฝั่ง ความอ่อนล้าและกระแสน้ำ
ก็ฉุดร่างให้ร่วงลงสู่ก้นของแม่น้ำ
"บุ๋มๆ บุ๋...ม อ๊อกๆ" เจ้าคำขอโทษที่ 1000 สำลักน้ำ และตะเกียกตะกาย
คงคิดว่ามันจะลอยตามน้ำไปเหมือนเจ้าคำขอโทษที่ 1 ล่ะสิ !ไม่หรอก!!! ...หลานของเจ้าให้อภัยไม่เฉยชา ขี้กลัว
หรือเก็บความรู้สึกเก่งอย่างทวดของมัน
เจ้าให้อภัยที่คอยเฝ้าดูอยู่อีกฝั่งจึงกระโดดลงแม่น้ำ
และดำผุดดำว่ายเพื่อไปรับตัวของเจ้าคำขอโทษไว้...
ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าให้อภัย วันนั้นเจ้าคำขอโทษที่ 1000
จึงสามารถข้ามฝั่งสำเร็จ และได้มีเพื่อนใหม่สมใจ
ทั้งยังค้นพบอีกว่า...เมื่อคำขอโทษอยู่กับให้อภัยแล้ว
พลังอันสุดวิเศษจะเกิดขึ้น มันเป็นพลังสีขาวที่ช่วยให้เนรมิตทุกสิ่งทุกอย่าง
ได้อย่่างง่ายดาย...
และมันคงเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะไม่ร่วมกันสร้างสะพานข้ามแม่น้ำร่วมกัน !!!
ใช่เวลาไม่นาน...หลังจากสร้างสะพานเสร็จ
โลกที่ถูกแบ่งเป็นสองก็กลายเป็นหนึ่ง
เจ้าคำขอโทษทั้งหลายเดินทางสัญจรผ่านไปผ่านมากับเจ้าให้อภัย
...โลกทั้งโลกจึงได้เป็นเพื่อนกัน...หลายวันผ่่านไป เจ้าคำขอโทษที่ 1000
ได้เดินมาเจอกับเจ้าให้อภัยผู้ใจดีอีกครั้งหนึ่งที่กลางสะพาน
"ขอโทษนะ ขอโทษที่ให้แบกภาระหนักๆนี้...
ขอโทษที่ปล่อยให้พยายามฝ่ายเดียวมาตั้งนาน...
ขอโทษแทนทวดฉันที่ปล่อยให้คำขอโทษที่ 1 ลอยตามน้ำไป
โดยไม่ช่วยอะไร ขอโทษจริงๆ" เจ้าให้อภัยพูดขึ้น
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันให้อภัยได้เสมอ ก็เธอสอนฉันเดีี๋ยวนี้ให้รู้จักการให้อภัย
ฉันจะนับคำขอโทษของเธอเป็นคำขอโทษที่ 1001 ต่อจากฉัน"เจ้าคำขอโทษยิ้มและเอื้อมมือไปตบไหล่เจ้าให้อภัยเบาๆ
ทุกวันนี้ เจ้าคำขอโทษและเจ้าให้อภัยจึงอยู่คู่กันในโลกโดยไม่แยกจากกันไปไหน
แม้ว่่าหน้าตาของมันจะเปลี่ยนไปจนเราไม่อาจรู้ได้
และแม้ว่าตึกรามบ้านช่องของพวกเราจะแย่งที่อยู่อาศัยของมันไปเสียหมดสิ้น
แต่มันก็มีที่อยู่อาศัยแห่งใหม่...
"...ที่ที่นั้น...อยู่ในจิตใจดีดีของเราทุกคน..."จบแล้วจ้า...
Whatever will be, will be.............

ที่มา: FW mail
วัสลามค่ะ
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: al-islah Date: ม.ค. 11, 2010, 08:59 PM
แล้วมีใครเคยได้ยินเรื่องราวของ
กิสอุมัยรีบ้าง ที่ในหนังสือคุณค่าอาม้าลก็มีบทกลอนของเค้า อยากรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง ใครรู้ช่วยบอกหน่อย
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: nada-yoru Date: ม.ค. 12, 2010, 03:32 AM
0.0
dho_dho
เปลี่ยนเปนชื่อเดิมตั้งแต่เมื่อไรนั้น
แล้วเปลี่ยนกลับทำมัยหรือ
แต่ก้อดีเพราะชินกับชื่อนี้มากกว่า
และเป็นชื่อแรกที่เรารู้จักกัน

Q sera sera
เหนมี Whatever will be, will be..........
เลยมาต่อให้

เอาไว้ฉลองเหยียบ 2000 กระทู้ ข้อหาโพสไม่ดูตาม้าตาเรืออ่ะจิโคลงเคลงเหอ
เพราะพอเห็นอีกที ก็

ตอนนี้คง 2001 แว้ววววววววววววววว

ช่างเข้ากับนิทานเรื่องล่าสุดเนอะ...
"คำขอโทษที่ 1001" กับ "คำขอพร่ามที่ 2001" อิอิ
ปล.1 ครบ 2000 ที่กระทู้ "ต้นไม้ ต้นไม้ ต้นไม้" ซะงั้น
ปล.2
กิสอุมัยรี คือใครคะ

วัสลามค่ะ
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: al-islah Date: ม.ค. 12, 2010, 06:47 PM
salam
กิสอุมัยรีคือ อาบิดคนนึง ที่ไปตกหลุมรักไลลา เท่าที่ผมฟังมาหนะ นานแล้วเหมือนกัน แต่พอจำได้ ถ้าไม่มีใครเล่า ค่อยมาเล่าให้ฟัง
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: ILHAM Date: ม.ค. 12, 2010, 06:52 PM
อ้อจำได้แล้ว เขาแต่งกลอนออกมาใช่มั๊ย
แบบว่า แค่เห็นประตูบ้านก็ชื่นใจ อะไรประมาณนั้น จำไม่ได้แล้ว
ผมจดกลอนไว้ด้วย
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: nada-yoru Date: ม.ค. 12, 2010, 06:59 PM
วะอะลัยกุมมุสลามค่ะ
มาปูเสื่อรออ่านค่ะ

วัสลามค่ะ
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: muhibbah Date: ม.ค. 12, 2010, 10:10 PM
ปูเสื่อด้วยคนดิ
อยากฟังด้วย
เคยฟังครั้งนึงแล้ว
แต่นานมากแล้ว
ลืมแล้วด้วย
อย่านานหละ เด๋วหลับซะก่อน

Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: rayes Date: ม.ค. 12, 2010, 10:36 PM
ในคุณค่าอาม้าลไม่ได้มีทั้งเรื่องนะครับ ที่ผมเจอมีไม่กี่บรรทัด แค่ยกมาเปรียบเทียบเป็นตัวอย่าง
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง) By: ILHAM Date: ม.ค. 12, 2010, 10:46 PM
ยกกลอนนั้นมาเลย อร่อยที