Re: ปริศนา "เมฆจานบิน" กับ "หินเดินได้" By: nada-yoru Date: ต.ค. 07, 2009, 03:45 PM
เดี๋ยวนี้ยังเดินอยู่อีกไหม น่าจะเอากล้องไปติดตั้งแล้วเฝ้าดูแบบ realtime น่ะค่ะ
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้จะเกิดขึ้นทุก2-3ปีครั้งค่ะ
หินบางก้อนใช้เวลา3-4ปีในการเคลื่อนที่น่ะค่ะ...
อาศัยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งลมทั้งฝนตามที่เขาต้ังสมมติฐานกันไว้น่ะค่ะ
การจะได้ภาพเวลาที่เคลื่อนไหวมาคงไม่ง่ายนักนะคะคิดว่่า

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
^_________^
Re: ปริศนา "เมฆจานบิน" กับ "หินเดินได้" By: a d n a n Date: ธ.ค. 28, 2009, 03:08 PM
salam
มาดูปริศนาของ"หินเดินได้"กันค่ะ
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้(Sailing Stone)

Sailing Stones เป็น 1 ใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็นปริศนา
ที่เกิดขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park)
ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ส่งที่พบก็คือ จะพบร่องรอยการเคลื่อนที่ของก้อนหิน
ที่ทิ้งไว้บนดินเหนียวที่แห้งเป็นทางยาว โดยปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้
จะเกิดขึ้นทุก 2 - 3 ปี ครั้ง และหินบางก้อนก็ใช้เวลากว่า 3 - 4 ปี
ในการเคลื่อนที่

แผนที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park)
"ข้อมูลเกี่ยวกับเรซแทรค พลาย่า (Racetrack Playa)"
เรซ แทรค พลาย่า เป็นแอ่งทะเลสาบที่ค่อนข้างราบและแห้งแล้ง
มีความยาวในแนวเหนือ-ใต้ประมาณ 4 กิโลเมตร และกว้าง
ในแนวตะวันออก-ตะวันตกประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะพื้นผิว
เป็นระแหงโคลน (mud cracks) ส่วนมากประกอบด้วยตะกอนขนาดทรายแป้ง
(silt) และดินเหนียว (clay)
สภาพภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง มีปริมาณน้ำฝนเพียงสองนิ้วต่อปี
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝนตก น้ำปริมาณมากจะไหลจากภูเขาสูงชัน
ที่อยู่ล้อมรอบเรซแทรค พลาย่าลงมาปกคลุมพื้นที่แอ่งจนกลายเป็นทะเลสาบตื้น
ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งขณะนั้นบริเวณพื้นแอ่งจะเต็มไปด้วย
ดินเหนียวที่เหลวและอ่อนนุ่ม
"ปรากฏการณ์ หินเดินได้ เกิดจากมนุษย์ หรือ สัตว์ หรือไม่"
จากลักษณะรูปร่างของร่องรอยการไถลของหินนั้นบ่งบอกได้ว่า
หินก้อนนั้นต้องเคลื่อนที่ในช่วงที่พื้นของเรซแทรค พลาย่านั้นถูกปกคลุม
ด้วยดินเหนียวอ่อนนุ่ม ถ้าเป็นฝีมือของคนหรือสัตว์จะต้องมีร่องรอย
ของการเหยียบย่ำรบกวนชั้นดินเหนียวด้วย
แต่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานร่องรอยจากคนหรือสัตว์
ที่จะช่วยให้หินเคลื่อนที่เลย มีเพียงร่องรอยการไถลของหินเท่านั้น


จะเห็นว่า หินทุกก้อน ไม่มีร่องรอย ของการเข้าไปรบกวน
หรือทำการเคลื่ยนย้ายโดยคน หรือสัตว์ เพราะไม่มี รอยเท้า
และพื้นที่ก็กว้างเกินกว่าจะใช้ไม้หรือวัตถุเขี่ยถึง
"สมมุติฐานของ การเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้"
1.ทางสมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก ลม ตัวการที่นิยมนำมาใช้อธิบายปรากฎการณ์นี้
ก็คือ ลม โดยส่วนมากลมที่พัดผ่านบริเวณนี้จะมีทิศทางพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้
ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และร่องรอยการไถลของหินก็มีทิศทางขนาดเดียว
กับทิศทางของลมนี้ด้วย แต่ ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคน
ได้แย้งว่ากระแสลมใน เรซแทรค พลาย่า สามารถทำให้เดินน้อยกว่า 5 เซ็นติเมตร
และถ้าต้องการให้ดินเดินได้เป็นระยะตามที่ปรากฏ
จะต้องมีกระแสลมแรงกว่า 145 กิโลเมตร / ชั่วโมง


จะเห็นว่าหินบางก้อนไม่ได้เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรง ตามกระแสลมเสมอไป
แต่นั้นก็อาจจากการที่กระแสลมเปลี่ยนทิศก็เป็นไปได้

หินบางก้อนมีขนาดใหญ่กว่า 100 กิโลกรัม ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ได้
บางสมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก น้ำแข็ง คนกลุ่มหนึ่งให้ข้อมูลว่า
เคยเห็นเรซแทรค พลาย่าถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั้นบางๆ
แนวคิดหนึ่งอธิบายว่าเมื่อน้ำรอบก้อนหินแข็งตัวและแต่ต่อมามีลมพัดผ่าน
ผิวด้านบนของน้ำแข็ง ทำให้แผ่นน้ำแข็งได้ลากก้อนหินนั้นไปด้วย
จึงเกิดรอยครูดไถลบนพื้นผิวแอ่ง นักวิจัยบางคนพบร่องรอยไถลของหินหลายก้อน
ที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ด้วย
แต่อย่างไรก็ตามการเคลื่อนย้ายแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้น
คาดว่าจะต้องมีการทิ้งร่องรอยบนพื้นผิวแอ่งในทิศทางอื่นๆด้วย
แต่ก็ยังไม่พบร่องรอย


และนั่นจึงทำให้มันยังคง เป็นปริศนาที่ต้องมีการศึกษาและหาคำตอบกันอีกต่อไป
____________________________
ข้อมูลอ้างอิง ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้
http://en.wikipedia.org/wiki/Sailing_stones
http://geothai.net/2009/index.php?option=com_content&view=article&id=73:2009-01-27-19-33-56&catid=56:rocks&Itemid=100006
และ
http://wowboom.blogspot.com/2009/06/1-sailing-stones.html
วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
^___________^
อุตส่าดั้นด้นหาข้อมูลในกูเกิล ไม่ยักกะรู้ บอร์ดนี้ก็มี ญาซากัลลอฮุค็อยร็อน