กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ชี้แจงแนวทางอะฮฺลิสสุนนะฮ์ฯ
Pages: 1234
ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: As-Zaleek Date: ก.ย. 27, 2010, 01:51 PM
 salam

วะฮาบีสาดโคลนใส่ชีอะฮ์ว่ายิว  ชีอะฮ์เลยบอกว่าวะฮาบีนั่นแหละอะกีดะฮ์ยิว

http://www.muslimthai.com/mnet/content.php?bNo=42&qNo=3641&kword=

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,3872.0.html

พูดถึงเรื่องยิวแล้ว  อะกีดะฮ์ชีอะฮ์และอะกีดะฮ์วะฮาบี  ล้วนมีช่วงโหว่ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง  เราขอชุโกรต่ออัลลอฮ์  ที่ให้ปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ทำหน้าที่เผยแผ่อะกีดะฮ์อิสลามที่บริสุทธิ์  บริสุทธิ์จากการไปเหมือนและคล้ายกับอะกีดะฮ์ยิว
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: As-Zaleek Date: ก.ย. 27, 2010, 02:23 PM
salam

คุณลักษณะและหลักการของพวกยิวหรือยาฮูดีนั้น  จะเชื่อว่าพวกมันเท่านั้นที่จะได้เข้าสวรรค์  พวกมันเท่านั้นที่อยู่ในสัจธรรม  พวกมันเท่านั้นที่เป็นประชาชาติที่อัลเลาะฮ์ทรงเลือก  ดังนั้นพวกมันเท่านั้นที่ได้เข้าสวรรค์  ส่วนพวกอื่นตกนรก เพราะสวรรค์เสมาะสมพวกสำหรับพวกมัน  ส่วนพวกอื่นไม่

อัลเลาะฮ์ตะอาลาจึงทรงประทานอายะฮ์หนึ่งลงมา มีความว่า

قُلْ إِنْ كَانَتْ لَكُمُ الدَّارُ الْآَخِرَةُ عِنْدَ اللَّهِ خَالِصَةً مِنْ دُونِ النَّاسِ فَتَمَنَّوُا الْمَوْتَ إِنْ كُنْتُمْ صَادِقِينَ

"เจ้าจงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) หากสถานที่พำนักแห่งปรโลก(คือสวรรค์) ณ ที่อัลเลาะฮ์เป็นของพวกเจ้าโดยเฉพาะเท่านั้น  มิใช่เป็นของบุคคลอื่นแล้วไซร้  พวกเจ้าก็จงปรารถนาความตายซิ(เพื่อจะได้เข้าสวรรค์ตามที่พวกเจ้าเชื่อ) ถ้าหากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง" [อัลบะก่อเราะฮ์: 95]

ตอนที่ผมสอนตัฟซีรถึงอายะฮ์นี้  ก็บอกกับผู้เรียนในสิ่งที่ผมไม่ได้เตรียมมาอธิบายเลย ความว่า "พวกเราอย่าเป็นเหมือนพวกยิวยาฮูดีย์  ที่ชอบบอกว่าตนเองเท่านั้นที่ได้เข้าสวรรค์และอยู่ในสัจธรรมเพียงกลุ่มเดียว  ส่วนคนอื่นหรือแนวทางอื่นจากตนลงนรก" ในตอนที่พูดนั้นสิ่งที่ผุดขึ้นในใจของผม  ก็คือ นึกถึงชีอะฮ์กับวะฮาบีย์

วัลลอฮุอะลัม

วะฮาบีสร้างเว็บขึ้นมาโต้ชีอะฮ์  โดยใช้ชื่อ  แอนตี้รอฟิเดาะฮ์(ต่อต้านรอฟิเดาะฮ์)  ชีอะฮ์ก็เลยตอบกลับไปว่า  น่าจะใช้ชื่อว่า  แอนตี้อัลลอฮ์ (ต่อต้านอัลลอฮ์) มากกว่า  คือชีอะฮ์พยายามจะบอกว่า แนวทางของตนเท่านั้นที่อยู่ในแนวทางของอัลลอฮ์  ใครต่อต้านพวกชีอะฮ์เท่ากับต่อต้านอัลลอฮ์

พอไปฟังรายการทีวีบรรจง(ซึ่งนำเสนอแนวทางวะฮาบี)  แล้วพูดประเด็นที่มีคนค้านในการนำเสนอของพวกเขา  อาจารย์วะฮาบีนามอะไรไม่รู้ลืมไปแล้ว (มีคำว่า ศิดดิก) อยู่ด้วย  ก็เลยตอบกลับไปว่า  ใครที่ค้าน ก็เท่ากับอัลลอฮ์และร่อซูล

เอากันเข้าไประหว่างการอวดอ้างความชอบธรรมของชีอะฮ์และวะฮาบี

Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: บาชีร Date: ต.ค. 09, 2010, 05:53 AM
อ่าๆ ดุเด็ดเผ็ดร้อน
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: nuree Date: ต.ค. 09, 2010, 10:44 AM
 :salam:
พูดถึงเรื่องยิวแล้ว  อะกีดะฮ์ชีอะฮ์และอะกีดะฮ์วะฮาบี  ล้วนมีช่วงโหว่ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง  เราขอชุโกรต่ออัลลอฮ์  ที่ให้ปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ทำหน้าที่เผยแผ่อะกีดะฮ์อิสลามที่บริสุทธิ์  บริสุทธิ์จากการไปเหมือนและคล้ายกับอะกีดะฮ์ยิว .......
.........................................
ก็แสดงว่า ผู้ที่ ตามปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ....
ได้เข้า สวรรค์ อย่างอื่น ตกนรก ไปหมด
มา ชา อัลเลาะห์
 :salam:
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: al-azhary Date: ต.ค. 09, 2010, 11:30 AM
ก็แสดงว่า ผู้ที่ ตามปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ....
ได้เข้า สวรรค์ อย่างอื่น ตกนรก ไปหมด
มา ชา อัลเลาะห์


คุณ nuree  อย่าเอาตรรกะหรือรสนิยมหรือหลักการของคุณมายัดเยียดให้แก่พวกเราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์  ที่บอกว่าแนวทางของตนเท่านั้นท่ี่ถูกส่วนแนวทางอื่นจากตนผิดและตกนรก

เราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ไม่เคยบอกว่าแนวทางตนเองเท่านั้นที่ถูก  แนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ยังให้เกียรติแนวทางของอัลมุตูรีดียะฮ์และอัลอะษะรียะฮ์(อัลมุเฟาวิเฎาะฮ์) ว่าอยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ด้วยเช่นกัน  เพราะพวกเขาล้วนแต่มีเป้าหมายเดียว  คืออะกีดะฮ์ที่บริสุทธิ์  

ส่วนแนวทางอื่นที่เราได้วิพากวิจารณ์ตามหลักวิชาการนั้น  เราเพียงแค่นำเสนอให้พี่น้องได้ทราบตามหน้าที่แต่ไม่มีสิทธิ์ในการใช้ตรรกที่ว่า  "เมื่อแนวทางฉันถูกเท่านั้น แนวทางอื่นจึงผิด  เมื่อผิดแล้วลงนรก"  

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

 مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ

"ผู้ทรงสิทธิอำนาจในการตอบแทน" อัลฟาติหะฮ์ 4

เราละหมาดกันทุกวัน  อ่านอายะฮ์กันทุกวัน  แต่เราเข้าไม่ถึงแก่นแท้สิ่งที่เราอ่านในละหมาด  อัลเลาะฮ์ทรงยืนยันแก่พระองค์ว่า  พระองค์คือผู้ทรงสิทธิในการตอบแทนสวรรค์และการลงโทษด้วยไฟนรก  แต่ทำไมพี่น้องมุสลิมบางกลุ่มถึง  ใช้อำนาจสิทธินี้ในโลกดุนยาโดยฮุกุมพี่น้องมุสลิมต่างทัศนะว่าลงนรกเสียแล้ว  มารยาทระหว่างเราผู้เป็นบ่าวที่มีต่ออัลเลาะฮ์ไปอยู่ในใหนแล้วครับ  วัลอิยาซุบิลลาฮ์

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสเช่นกันว่า

فَيَغْفِرُ لِمَن يَشَاءُ وَيُعَذِّبُ مَن يَشَاءُ وَاللّهُ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

"แล้วพระองค์ก็ทรงให้อภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงลงโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์  และอัลเลาะฮ์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง" อัลบะกอเราะฮ์ 284

ดังนั้น  อัลเลาะฮ์ผู้ทรงตัดสินอภัยโทษและลงโทษ  พระองค์ทรงเป็นผู้ตัดสินว่าใครได้เข้าสวรรค์และใครลงนรก  หากพระองค์ทรงให้เราเข้าสวรรค์ก็เป็นเพราะความโปรดปรานของพระองค์เท่านั้น  และหากพระองค์ทรงให้ลงนรกก็เป็นเพราะความยุติธรรมของพระองค์  ฉะนั้นเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินพี่น้องมุสลิมลงนรก

อัลอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ระบุไว้ในหนังสือเญาฮะเราะฮ์อัตเตาฮีด  ของท่านอิมามอัลลักกอนีย์  ความว่า

وَمَنْ يَمُتْ وَلَمْ يَتُبْ مِنْ ذَنْبِهِ. فَأَمْرُهُ مُفَوَّضٌ لِرَبِّهِ

"ผู้ใดตายโดยไม่เตาบะฮ์จากบาปของเขา  ดังนั้นการงานของเขาถูกมอบหมายแด่ผู้อภิบาลของเขา"


Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: whb Date: ต.ค. 09, 2010, 04:13 PM
พูดถึงเรื่องยิวแล้ว  อะกีดะฮ์ชีอะฮ์และอะกีดะฮ์วะฮาบี  ล้วนมีช่วงโหว่ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง  เราขอชุโกรต่ออัลลอฮ์  ที่ให้ปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ทำหน้าที่เผยแผ่อะกีดะฮ์อิสลามที่บริสุทธิ์  บริสุทธิ์จากการไปเหมือนและคล้ายกับอะกีดะฮ์ยิว



ช่องโหว่ที่คุณหมายถึง  เพราะขาดสิ่งที่พวกคุณอุตริกรรมขึ้นมาใหม่รึป่าววว  คุณ As-Zaleek
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: Beechern Date: ต.ค. 09, 2010, 04:39 PM
เสียดสีเก่งจริงๆ
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: บาชีร Date: ต.ค. 09, 2010, 04:45 PM
เสียดสีเก่งจริงๆ

ชื่อเขาบอกอยู่แล้ว
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: whb Date: ต.ค. 09, 2010, 05:08 PM
หรือไม่จริงล่ะครับ

อะไรที่เราไม่ยอมรับให้กระทำ..แต่พวกคุณกระทำ

พวกคุณก็จะกล่าวว่า  นี่คือช่องโหว่ของวะฮาบีย์?
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: ILHAM Date: ต.ค. 09, 2010, 05:33 PM
เขาพูดถึงเรื่องอากีดัฮ เกี่ยวไรกับการกระทำ อย่ามามั่ว
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: As-Zaleek Date: ต.ค. 09, 2010, 05:46 PM
ช่องโหว่ที่คุณหมายถึง  เพราะขาดสิ่งที่พวกคุณอุตริกรรมขึ้นมาใหม่รึป่าววว  คุณ As-Zaleek

ไม่ใช่น่ะ  แต่ช่องโหว่ที่ทำให้อะมัลไม่มีประสิทธิภาพ  คืออุตริกรรมในเรื่องของอะกีดะฮ์  ไปเหมือนไปคลายคลึงกับยิวต่างหาก
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: nuree Date: ต.ค. 10, 2010, 10:40 AM

 :salam:
     เสียดาย ที่ท่านศาสนทูต ไม่ได้สอน สีฟัต 20 ให้แก่เรา ไม่ยังงัน พวกเรา คงไม่ต้องมานั้งเถียงกันว่าใครผิดใครถูก
หรือในทางกลับกัน เราก็จะตีกันจนรู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะเป็น วิชาที่ใช้กาลามเป็นหลัก ในการค้นหาพระเจ้า(ซบ)
และสนับสนุนด้วยอายัตอัลกุรอ่าน ถ้าไม่มีอัลกุรอ่านมาสนับสนุนในเรืองนี้.
   แต่ท่านศาสนทูต ได้นำอากีดะห์ ที่เป็นอัลกุรอ่านเป็นหลัก และสนับสนุนด้วยความคิด จึงทำให้สังคมในยุค
ซอฮาบะห์ไม่มีการขัเแย้งในเรื่องนี้ จึงไม่มีการอธิบายให้เราได้เห็นมากนัก.มีอยู่น้อยนิดก็ยังมีผู้ที่ให้ความเห็นว่า
ไม่สมบูรณ์บาง ไม่ถูกต้องบ้าง
และเราจะมั้นใจได้อย่างไรว่าถูกต้อง หากว่า อากีดะห์ของเราไม่เหมือนกับที่ท่านศาสนทูตได้สอนเราไว้....
 :salam:
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: al-azhary Date: ต.ค. 10, 2010, 11:56 AM

 :salam:
     เสียดาย ที่ท่านศาสนทูต ไม่ได้สอน สีฟัต 20 ให้แก่เรา ไม่ยังงัน พวกเรา คงไม่ต้องมานั้งเถียงกันว่าใครผิดใครถูก
หรือในทางกลับกัน เราก็จะตีกันจนรู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะเป็น วิชาที่ใช้กาลามเป็นหลัก ในการค้นหาพระเจ้า(ซบ)
และสนับสนุนด้วยอายัตอัลกุรอ่าน ถ้าไม่มีอัลกุรอ่านมาสนับสนุนในเรืองนี้.
   แต่ท่านศาสนทูต ได้นำอากีดะห์ ที่เป็นอัลกุรอ่านเป็นหลัก และสนับสนุนด้วยความคิด จึงทำให้สังคมในยุค
ซอฮาบะห์ไม่มีการขัเแย้งในเรื่องนี้ จึงไม่มีการอธิบายให้เราได้เห็นมากนัก.มีอยู่น้อยนิดก็ยังมีผู้ที่ให้ความเห็นว่า
ไม่สมบูรณ์บาง ไม่ถูกต้องบ้าง
และเราจะมั้นใจได้อย่างไรว่าถูกต้อง หากว่า อากีดะห์ของเราไม่เหมือนกับที่ท่านศาสนทูตได้สอนเราไว้....
 :salam:

วะอะลัยกุมุสลาม

ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ไม่ได้สอนว่า เตาฮีดมี 3 ประเภทตามที่วะฮาบีย์สอนเช่นเดียวกัน

ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้สอนซีฟัต 20  ซึ่งเหมือนกับที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ไม่ได้สอนรุ่กุ่นการอาบน้ำละหมาดมี 6 ประการ  และท่านร่อซูลุลอฮ์ก็ไม่ได้สอนว่า รุ่กุ่นละหมาดมี 13 ประการ  ดังนั้นถึงแม้ว่านบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้สอนว่ารุ่กุ่นอาบน้ำละหมาดมี 6 ประการ แต่ทั้ง 6 ประการนั้นมีอัลกุรอานและซุนนะฮ์ระบุเอาไว้  และแม้ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่เคยสอนว่ารุ่กุ่นละหมาดมี 13 ประการ  แต่มีอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ได้ระบุเอาไว้

เฉกเช่นเดียวกัน  แม้ว่าท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้สอนว่าซีฟัตที่จำเป็นต้องรู้เป็นอย่างน้อยมี 20 แต่ซีฟัตทั้ง 20 นั้น มีอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนและเด็ดขาดหากผู้ใดปฏิเสธสักซีฟัตเดียวถือว่าเป็นกาเฟร

ส่วนการใช้สติปัญญามาสนับสนุนซีฟัต 20 ด้วยนั้น  เพราะว่าสติปัญญาคนดีๆ นั้น  เขาจะเชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีซีฟัต 20 แม้กระทั่งผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมก็ตาม  เช่น  ผมถามว่า  "อัลเลาะฮ์ทรงเดชานุภาพ คุณจะเชื่อไหม?"  คนสติปัญญาดีๆ ก็จะเชื่อในทันทีเพราะรู้เลยว่า หากอัลเลาะฮ์ไม่ทรงเดชานุภาพ พระองค์ก็อ่อนแอ  ซึ่งเป็นไปไม่ได้  แต่คุณ nuree อาจจะบอกว่า  "ฉันยังไม่เชื่อหรอกว่าอัลเลาะฮ์ทรงเดชานุภาพ  จนกว่าจะไปศึกษาอัลกุรอานและซุนนะฮ์ก่อน  เมื่อเจออัลกุรอานและซุนนะฮ์ระบุว่าอัลเลาะฮ์ทรงเดชานุภาพ  ถึงจะเชื่อ.  จะเอาแบบนี้ใช่ไหม?

ซีฟัต 20 ถูกประพันธ์ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความสะดวกง่ายดายแต่คนเอาวามทั่วไป  ในการรู้จักคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ตะอาลาในเบื้องต้นตามที่สติปัญญาของพวกเขาสะดวกจะรับได้  และยังเป็นการประพันธ์เพื่อโต้ตอบพวกปรัชญาและพวกนอกศาสนาในเรื่องการปฏิเสธพระเจ้า  ซึ่งเป็นที่ทราบดีกว่าพวกปรัชญากรีกและพวกนอกศาสนานั้น  เขาไม่ยอมรับอัลกุรอานและซุนนะฮ์  แต่พวกเขามีสติปัญญา  ปราชญ์แห่งศาสนาอิสลาม  จึงใช้หลักสติปัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  ซึ่งสติปัญญาประหนึ่งนูรรัศมีที่คอยเข้าใจ  จุดประกาย  ส่องหลักการของอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ให้เจริดจรัสให้หัวใจของเรายิ่งขึ้นนั่นเอง  และเมื่อศึกษาซีฟัต 20 ได้แตกฉานแล้ว  ก็เลื่อนระดับไปสู่การศึกษาซีฟัตอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นฟัรดูกิฟายะฮ์  เช่น หนังสืออัลอัสมาอฺ วัสซิฟาต ของท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์  เป็นต้น ซึ่งก็แล้วแต่ความสะดวกที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาจะเปิดให้เราได้ศึกษาในระดับสูงขึ้นไป

ถ้าหากพี่น้องถามว่า  ทำไมวะฮาบีย์จึงไม่ชอบซีฟัต 20 ทั้งที่วะฮาบีย์ไม่กล้าปฏิเสธสักซีฟัตเดียว  นั่นก็เพราะว่า  ซีฟัต 20 ได้ไปค้านและแฉหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์  เนื่องจากซีฟัต 20 ได้ปฏิเสธการตัชบีฮ์ (การพรรณาคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ไปคล้ายคลึงกับมัคโลค)  ได้ปฏิเสธการตัจญฺซีม(การพรรณาอัลเลาะฮ์เป็นรูปร่าง)  ได้ปฏิเสธการมีสิ่งที่บังเกิดขึ้นมาใหม่ ณ ที่ซาตของอัลเลาะฮ์ (เช่น วะฮาบีย์บอกว่า  อัลกุรอานนั้นบังเกิดขึ้นมาใหม่ อัลเลาะฮ์ทรงมีซีฟัตกะลามใหม่ๆ (คำพูดใหม่ๆ) เกิดขึ้นมา ณ ที่ซาตของอัลเลาะฮ์)  ปฏิเสธการให้ความหมายว่า อัลเลาะฮ์นั่ง ประทับ สถิต บนบัลลังก์  เป็นต้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซีฟัต 20 จะไปปฏิเสธอะกีดะฮ์ที่เหมือนคล้ายกับยิวและคริสต์

วัลลอฮุอะลัม
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: ILHAM Date: ต.ค. 10, 2010, 12:09 PM
เด็ดขาดมากบัง พูดไม่ออกเลย
Re: ชีอะฮ์และวะฮาบีกับอะกีดะฮ์ยิว By: nuree Date: ต.ค. 14, 2010, 08:53 PM
 :salam:
คุณ azhary หมายความว่า ถ้าไม่รู้ซีฟัต 20 ก็จะตอบ พวกปัญญากรีกไม่ได้อย่างนัน้หรือครับ