Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: abu-khulus Date: ม.ค. 11, 2011, 12:03 PM

นี่เป็นการตอบคำถามของอ.อาลี เกี่ยวกับการอิสติวาเหนืออะรัชของอัลลอฮฺ ลองอ่านดูนะครับ แล้วพี่น้องมีความคิดเห็นอย่างไร
การอยู่เหนืออะรัชกับการบริสุทธิ์เหนือทิศและสถานที่ของอัลลอฮฺ
16.12.2010 14:32
อัสสะลามุอะลัยกุม
จากที่อ.อาลี บรรยายหนังสืออะกีดะฮฺอัฏฏอฮาวียฺ เกี่ยวกับการอยู่เหนืออะรัชของอัลลอฮฺนั้น อ.อาลีได้อธิบายในเชิงว่า อัลลอฮฺทรงอยู่เหนืออะรัช และจำเป็นที่มุสลิมจะต้องเชื่อว่าอัลลอฮฺนั้น อยู่เหนือฟากฟ้า (ฟิสสะมาอฺ)
จากข้อความในหนังสืออะกีดะฮฺอัฏฏอฮาวียะฮฺอีกเช่นกันที่กล่าวว่า
"และพระองค์ทรงสูงส่งจากการจำกัดขอบเขต จุดหมาย องค์ประกอบ อวัยวะ และชิ้นส่วน ทิศทางทั้งหกไม่เกี่ยวกับพระองค์ ดังเช่นสิ่งอุตริทั้งหลาย" (คัดลอกจากหลักการศรัทธาตามแนวอะฮฺลุซซุนนะอฺวัลญะมาอะฮฺ (หนังสืออธิบายอะกีดะฮฺอัฏฏอฮาวียะฮฺ) โดยอัล-อิศลาหฺสมาคม หน้า 71)
ตกลงว่าการเชื่อว่าอัลลอฮฺทรงอยู่เหนืออะรัช กับการที่อัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์จากทิศและสถานที่นั้น มันขัดแย้งกันหรือไม่?
ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน
ตอบ : การอยู่เหนืออะรัชกับการบริสุทธิ์เหนือทิศและสถานที่ของอัลลอฮฺ
01.01.2011 15:23
وعليكم السلام ورحمة الله و بركاته
คำตอบสำหรับสิ่งที่ถามมาก็ปรากฏอยู่ในหัวข้อคำถามนั่นแหล่ะครับ คือ พระองค์อัลลอฮฺทรงสูงส่งเหนือทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงอยู่เหนืออะรัชซึ่งเป็นสิ่งถูกสร้างที่สูงที่สุด ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงบริสุทธิ์จากทิศทั้งปวงตลอดจนสถานที่ซึ่งไม่อาจห้อมล้อมพระองค์ได้ เพราะพระองค์ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตจำกัดนั้นเอง!'
والله أعلم بالصواب
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: al-azhary Date: ม.ค. 11, 2011, 05:24 PM
คำตอบสำหรับสิ่งที่ถามมาก็ปรากฏอยู่ในหัวข้อคำถามนั่นแหล่ะครับ คือ พระองค์อัลลอฮฺทรงสูงส่งเหนือทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงอยู่เหนืออะรัชซึ่งเป็นสิ่งถูกสร้างที่สูงที่สุด ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงบริสุทธิ์จากทิศทั้งปวงตลอดจนสถานที่ซึ่งไม่อาจห้อมล้อมพระองค์ได้ เพราะพระองค์ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตจำกัดนั้นเอง!'
อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ผมอยากบอกกับพี่น้องว่า ตามทัศนะของกระผม (อัลอัซฮะรีย์)นั้น ถือว่าเป็นบทสรุปหลักอะกีดะฮ์ที่ อ.อะลี ได้ตอบอย่างกระจ่าง และยืนยันความเชื่อในหัวใจถึงความบริสุทธิ์ในคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ตะอาลา
แต่ผมขอวิเคราะห์บางอย่างในเชิงวิชาการเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจตรงกันดังนี้
คือผมไม่คิดว่าอะรัชเป็นมัคโลคที่สูงสุด เพื่อยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงอยู่สูงที่สุด เพราะก่อนมีบัลลังก์นั้นพระองค์ก็สูงส่งอยู่แล้ว เพราะมิใช่หมายถึงอัลเลาะฮ์พึ่งมีซีฟัตอยู่เหนือบัลลังก์ในช่วงเวลาที่สร้างบัลลังก์เสร็จ แต่สำหรับผมอยากใช้คำว่าอะรัชเป็นสิ่งถูกสร้างที่ใหญ่ที่สุด เพราะมัคโลคที่อยู่เหนือหรืออยู่บนอะรัชนั้น ยังมี "บันทึกของอัลเลาะฮ์ตะอาลา" อีกอย่างหนึ่ง ที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวยืนยันไว้
ท่านอะบูฮุร็อยเราะห์ ได้กล่าวรายงานว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَمَّا قَضَى اللَّهُ الْخَلْقَ كَتَبَ فِي كِتَابِهِ
فَهُوَ عِنْدَهُ فَوْقَ الْعَرْشِ إِنَّ رَحْمَتِي غَلَبَتْ غَضَبِي
“แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ในขณะที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างมัคโลคทั้งหลายแล้ว พระองค์ก็ทรง(ใช้ให้ปากกา)บันทึกใน
บันทึกของพระองค์ที่อยู่บนบัลลังก์ว่า แท้จริงความเมตตาของข้าได้พิชิตความพิโรธของข้า” รายงานโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม
ดังนั้นการกล่าวว่าเหนืออะรัชนั้น ไม่มีอะไรแล้ว ต้องพิจารณาก่อน เพราะเมื่อได้อ่านฮะดีษนี้ ก็ปรากฏว่ายังมีบันทึกของอัลเลาะฮ์อยู่เหนือบัลลังก์ซึ่งไม่จำเป็นต้องฝืนตีความแต่ประการใด
ในหนังสือ ชัรห์ อัลอะกีดะฮ์ อัฏเฏาะหาวียะฮ์ ของปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์(ซึ่งมัซฮับเดียวกับอิหม่ามอัฏเฏาะหาวีย์) นาม อัลลามะฮ์ อับดุลฆ่อนีย์ อัลฆ่อนีมีย์ ร่อหิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวตัวบทของ มะตั่นอัฏเฏาะหาวีย์ ของท่านอิหม่ามอัฏเฏาะหะวีย์ความว่า
وَهُوَ عَزَّ وَجَلَّ مُسْتَغْنٍ عَنِ الْعَرْشِ وَمَا دُوْنَهُ، مُحِيْطٌ بِكُلِّ شَيْءٍ
وَبِمَا فَوْقَهُ وَقَدْ أَعْجَزَ عَنِ الإِحَاطَةِ خَلْقَهُ
"และพระองค์ ผู้ทรงเกรียงไกรและยิ่งใหญ่ ไม่ต้องการบัลลังก์และสิ่งที่อยู่ใต้บัลลังก์ (ความรู้ของพระองค์)ทรงห้อมล้อมทุกๆ สิ่ง
และ(ความรู้ของพระองค์ทรงห้อมล้อม)สิ่งที่อยู่เหนือบัลลังก์ และแท้จริงพระองค์ทรงทำให้อ่อนแอกับมัคโลคของพระองค์จากการ(รู้)อย่างครอบคลุม(เกี่ยวกับแก่นแท้ของพระองค์ ดังนั้นพระองค์ทรงบริสุทธิ์ที่จะพรรณาถึงอย่างแท้จริงได้)" ชัรห์ อัลอะกีดะฮ์ อัฏเฏาะหาวียะฮ์ หน้า 116.
ถ้อยคำที่ว่า
مُحِيْطٌ بِكُلِّ شَيْءٍ وَبِمَا فَوْقَهُ
"(ความรู้ของพระองค์)ทรงห้อมล้อมทุกๆ สิ่งและ(ความรู้ของพระองค์ทรงห้อมล้อม)สิ่งที่อยู่เหนือบัลลังก์"
แต่ในหนังสือชัรห์อัลอะกีดะฮ์อัฏเฏาะหาวียะฮ์ของอะบีลอิซฺ ฉบับที่วะฮาบีย์ปัจจุบันยึดถือและอ้างว่าเป็นอะกีดะฮ์สะลัฟ(แต่มีปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ท่านอื่นๆ บอกว่าไม่ใช่ยืนยันอะกีดะฮ์สะลัฟ) ได้ทำการวิจารณ์และไม่เอาถ้อยคำที่ว่า "(ความรู้ของพระองค์ทรงห้อมล้อม)สิ่งที่อยู่เหนือบัลลังก์" และบอกเป็นนัยที่ว่า ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนืออะรัชอีกแล้ว แต่ตามนัยยะของฮะดีษซอฮิห์นั้น ได้ยืนยันว่า ยังมีบันทึกของอัลเลาะฮ์อยู่บนหรืออยู่เหนือบัลลังก์ด้วย ยิ่งกว่านั้น ซีฟัตพลัง เดชานุภาพ อำนาจปกครองของพระองค์ก็ยังอยู่เหนือบัลลังก์เช่นเดียวกัน ซึ่งฟัตอุลมุ(การรอบรู้)ของพระองค์ ก็ยังเกี่ยวข้องหยั่งรู้ถึงอำนาจหรือเดชานุภาพ (อัลกุดเราะฮ์)ของพระองค์อีกด้วย พูดสำนวนง่ายๆ คือ อัลเลาะฮ์ทรงรู้ว่าพระองค์ทรงมีกุดเราะฮ์ที่อยู่เหนือบัลลังก์
เมื่อมีฮะดีษที่ซอฮิห์ยืนยันว่า บันทึกของอัลเลาะฮ์อยู่เหนือบัลลังก์ แต่ก็ยังมีการพูดกันว่าอัลเลาะฮ์อยู่เหนือบัลลังก์ แล้วการอยู่ "เหนือ" ของบันทึกจะแตกต่างกับคุณลักษณะการอยู่ "เหนือ" ของอัลเลาะฮ์ตะอาลาอย่างไร? แต่เป็นที่ทราบดีของผู้มีสติปัญญาว่า การอยู่ "เหนือ" ของ "บันทึก" นั้น เป็นการอยู่เหนือแบบรูปธรรม(อยู่เหนือทิศบนของอะรัช) ( اَلْفَوْقُ الْحِسِّيُّ ) เหมือนการอยู่เหนือของนกที่บนเหนือศีรษะของเรา ไม่ใช่อยู่เหนือแบบนามธรรม อยู่เหนือแบบสูงส่ง ( اَلْفَوْقُ الْمَعْنَوِيُّ ) ดังนั้นถ้าหากบอกว่าอัลเลาะฮ์ทรงอยู่เหนือบัลลังค์แบบรูปธรรม แต่พระองค์ทรงอยู่ไกลโพ้นขึ้นไปอีกจนหลุดพ้นจากวงจรของมัคโลคจักรวาลทั้งหลาย ซึ่งผมไม่เห็นความแตกต่างและคล้ายคลึงระหว่าง การอยู่เหนือบัลลังก์ของบันทึก กับการอยู่เหนือบัลลังก์ของอัลเลาะฮ์ นอกจากแตกต่างเรื่องความห่างไกลเท่านั้น ซึ่งการพรรณาแบบนี้ ไม่พ้นจากการ "ตัชบีฮ์" (พรรณาคุณลักษณะของมัคโลคไปคล้ายคลึงกับอัลเลาะฮ์) ซึ่งเป็นหลักอะกีดะฮ์ที่บิดอะฮ์
ท่านอิหม่ามอัฏเฏาะบะรีย์ อุลามาอฺสะลัฟ กล่าวว่า
وَقَدْ بَيَّنَّا أَنَّ كُلَّ شَيْءٍ عالٍ
بِالْقَهْرِ وَغَلَبَةٍ عَلَى شَيْءٍ، فَإِنَّ الْعَرَبَ تَقُوْلُ:
هُوَ فَوْقَهُ"เราได้อธิบายมาแล้วว่า แท้จริงทุกๆ ที่สูง
ด้วยอำนาจและพิชิตเหนือทุกๆ สิ่งนั้น คนอาหรับ(ทั่วไปในยุคสะลัฟ)จะพูดว่า
สิ่งนั้น(หรือผู้นั้น)อยู่เหนือสิ่งนั้น(คือเหนือด้วยอำนาจและการพิชิต)" ตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์ หรือ ญามิอุลบะยาน ฟี ตะวีลิลกุรอาน 13/42
นี้คือหลักทั่วไปในการใช้คำว่า فَوْقَ ของท่านอิหม่ามอัฏเฏาะบะรีย์ คืออยู่เหนือแบบนามธรรมด้วยการมีอำนาจและพิชิตไม่ใช่รูปธรรมที่อยู่มีสถานที่อยู่สูงกว่าสิ่งหนึ่ง
ท่านอัฏเฏาะบะรีย์กล่าวเช่นกันว่า
فَإِنْ زَعَمَ أَنَّ ذَلِكَ لَيْسَ بِإِقْبَالِ فِعْل وَلَكِنَّهُ إقْبَال تَدْبِير , قِيلَ لَهُ : فَكَذَلِكَ فَقُلْ :
عَلَا عَلَيْهَا عُلُوّ مُلْك وَسُلْطَان لَا عُلُوّ انْتِقَال وَزَوَال
"ดังนั้น ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า ท่านอ้างว่า การตีความคำว่า "اِسْتَوَى" นั้น คือ การมุ่งหน้า . ฉะนั้น หรือว่าพระองค์ทรงผินหลังให้กับฟากฟ้า จากนั้นพระองค์ก็มุ่งไปยังฟากฟ้า?? แต่หากเขาอ้างว่า ดังกล่าวนั้น ไม่ใช่การมุ่งหน้าแบบกระทำ(มุ่งหน้า) แต่เป็นการมุ่งบริหาร. (ท่านอัฏเฏาะบะรีย์จึงกล่าวตอบโต้ว่า) ก็ให้กล่าวแก่เขาว่า ดังนั้น แบบนั้นแหละ(คือการให้ความหมายว่าเป็นการมุ่งกระทำเชิงบริหาร) ท่านก็จงกล่าวว่า "
พระองค์ทรงสูงส่งเหนือฟากฟ้า แบบการสูงส่งของการปกครองและอำนาจ (ไม่ใช่อยู่สูงแบบมีสถานที่) ไม่ใช่สูงแบบเคลื่อนย้ายและก็หายไป" ดู ตัฟซีร เฏาะบะรีย์ เล่ม 1/430
ดังนั้นการอยู่สูงของอัลเลาะฮ์ คือสูงแบบอำนาจปกครองตามทัศนะของสะลัฟอย่างท่านอัฏเฏาะบะรีย์ และการอยู่สูงด้วยอำนาจและพิชิตเหนือทุกๆ สิ่งนั้น คนอาหรับทั่วไปในยุคสะลัฟ(ตามการยืนยันของท่านอิหม่ามอัฏเฏาะบะรีย์) จะใช้คำว่า فوق "เหนือ" ดังนั้นอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรง(อิสติวาอฺ)สูงส่ง ซึ่งไม่ใช่สูงแบบมีสถานที่เหนือบัลลังก์(แบบรูปธรรม) แต่สูงส่งด้วยอำนาจการปกครองเหนือบัลลังค์ตามที่ปราชญ์สะลัฟอย่างท่านอัฏเฏาะบะรีย์ได้ยืนยันไว้
ดังนั้นเมื่อเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ไม่เกี่ยวข้องกับมัคโลค ไม่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา และไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่ ไม่มีรูปแบบวิธีการ ไม่มีการเหมือน และคล้ายคลึง ดังกล่าวนั่นแหละบ่งชี้ว่า "อัลเลาะฮ์ทรงสูงส่ง" พระองค์ทรงมีอยู่และสูงส่งเกินกว่าที่สติปัญญาของเราจะไปสัมผัสรับรู้ฮะกีกัตได้
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
اللَّهُمَّ أَنْتَ الْأَوَّلُ فَلَيْسَ قَبْلَكَ شَيْءٌ وَأَنْتَ الْآخِرُ فَلَيْسَ بَعْدَكَ شَيْءٌ وَأَنْتَ الظَّاهِرُ فَلَيْسَ فَوْقَكَ شَيْءٌ وَأَنْتَ الْبَاطِنُ فَلَيْسَ دُونَكَ شَيْءٌ
“โอ้อัลเลาะฮ์ พระองค์ทรงแรกสุด ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่ก่อนพระองค์, และพระองค์ทรงสุดท้าย ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดหลังจากพระองค์, และพระองค์ทรงปรากฏ ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์, และพระองค์ทรงเร้นลับ ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้พระองค์” รายงานโดยมุสลิม
ท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์กล่าวว่า
وَاسْتَدَلَّ بَعْضُ أَصْحِابِنَا فِيْ نَفْيِ الْمَكَانِ عَنْهُ بِقَوْلِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ (أَنْتَ الظَّاهِرُ فَلَيْسَ فَوْقَكَ شَيْءٌ وَأَنْتَ الْبَاطِنُ فَلَيْسَ دُوْنَكَ شَيْءٌ) وَإِذَا لَمْ يَكُنْ فَوْقَهُ شَيْءٌ وَلاَ دُوْنَهُ شَيْءٌ لَمْ يَكُنْ فِيْ مَكَانٍ
“ปราชญ์ (อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์)บางส่วนแห่งเรา ได้อ้างอิงหลักฐานในการปฏิเสธการมีสถานที่ให้กับอัลเลาะฮ์ ด้วยคำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า “โอ้อัลเลาะฮ์ พระองค์ทรงปรากฏ ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์, และพระองค์ทรงเร้นลับ ดังนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้พระองค์” เมื่อไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้พระองค์ แน่นอนว่าพระองค์ไม่มีสถานที่” อัลอัสมาอฺ วัสซิฟาต หน้า 400
วัลลอฮุอะลัม
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: Al Fatoni Date: ม.ค. 12, 2011, 11:36 AM
ตราบใดที่เรายังคงสับสนในเรื่องการสติปัญญาของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลจมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์กับพวกบิดอะฮ์มุอ์ตะซิละฮ์แล้ว แล้วมองว่ามันเป็นแบบเดียวกันแล้ว เชื่อได้ว่า เราจะคุยกันไม่รู้เรื่องแน่นอน และการหาข้อสรุปก็อย่าหวังว่าจะเกิดขึ้น มากสุดที่เกิดขึ้นได้ก็คือ "การเงียบ" แต่การเงียบไม่ใช่การแก้ปัญหาความไม่ลงรอยให้สงบลงได้เสมอ - วัลลอฮุอะอ์ลัม
natural:แต่ "การเงียบ" ก็ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีเกิดขึ้น
ไม่จำเป็นและไม่สำคัญที่จะต้องไปอธิบาย(ตามมาด้วยการเถียงกัน)
กับคนที่มีความเชื่อความศรัทธาเห็นต่างไปจากเรานี่คับ 
จริงๆ แล้ว การที่จะเงียบหรือจะไม่เงียบต่อสิ่งใดๆ ก็ตามนั้น บางครั้งการเงียบก็ย่อมดีกว่า แต่บางครั้งการไม่เงียบก็ย่อมดีกว่า ฉะนั้น ก็ขอให้พิจารณาไปตามแต่สถานการณ์ของสิ่งๆ นั้น เพราะบางครั้งในสิ่งเดียวกัน บางเวลา เราก็ไม่ควรเงียบกับมัน แต่บางเวลาก็ควรเงียบไว้จะดีกว่า - วัลลอฮุอะอ์ลัม
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: anti-bid'ah Date: ม.ค. 12, 2011, 05:18 PM
คุณๆ จะว่าอย่างไรต่อ บทสนทนาเรื่องจริงต่อไป
อาจารย์ จากซุเราะฮิ อัลฟุรกอน อายัต ๕๙ ความว่า อัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้า แผ่น และระหว่างทั้งสองภายใน ๖ วัน หลัง จากนั้นพระองค์ประทับเหนืออะรัช
ลูกศิษย์ แสดงว่าก่อนที่จะสร้างเสร็ดสิ่งเหล่านั้น อัลลอฮฺไม่ได้อยู่เหนืออะรัชน่ะสิครับ พึ่งจะมาอยู่ใช่ไหมครับ
อาจารย์ ถูกต้องน่ะครับ
ลูกศิษย์ แสดงว่าอัลลอฮฺเคลื่อนไหวหรืออพยพโยกย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งนั้นคืออะรัชน่ะสิครับ
อาจารย์ ถูกต้องน่ะครับ อัลลอฮฺเคลื่อนที่ไง
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: al-azhary Date: ม.ค. 12, 2011, 05:54 PM
คุณๆ จะว่าอย่างไรต่อ บทสนทนาเรื่องจริงต่อไป
อาจารย์ จากซุเราะฮิ อัลฟุรกอน อายัต ๕๙ ความว่า อัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้า แผ่น และระหว่างทั้งสองภายใน ๖ วัน หลัง จากนั้นพระองค์ประทับเหนืออะรัช
ลูกศิษย์ แสดงว่าก่อนที่จะสร้างเสร็ดสิ่งเหล่านั้น อัลลอฮฺไม่ได้อยู่เหนืออะรัชน่ะสิครับ พึ่งจะมาอยู่ใช่ไหมครับ
อาจารย์ ถูกต้องน่ะครับ
ลูกศิษย์ แสดงว่าอัลลอฮฺเคลื่อนไหวหรืออพยพโยกย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งนั้นคืออะรัชน่ะสิครับ
อาจารย์ ถูกต้องน่ะครับ อัลลอฮฺเคลื่อนที่ไง
สะละฟุศศอลิห์ เช่น ท่านอัฏเฏาะบะรีย์และท่าน ๆ อื่นๆ ปฏิเสธการเคลื่อนที่ให้กับอัลเลาะฮ์ แต่วะฮาบีย์(ในตำราวะฮาบีย์)ในปัจจุบันยืนยันการเคลื่อนที่ให้กับพระองค์ ทั้งที่อัลเลาะฮ์ไม่เคยพรรณาแก่พระองค์เองเลยว่า "ทรงเคลื่อนที่"
ดังนั้นอะกีดะฮ์ของอาจารย์ที่น้องว่ามานั้น อยู่ในแนวทางบิดอะฮ์ ไม่ใช่ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
วัลลอฮุอะลัม
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: anti-bid'ah Date: ม.ค. 12, 2011, 06:09 PM
คุณๆ จะว่าอย่างไรต่อ บทสนทนาเรื่องจริงต่อไป
อาจารย์ จากซุเราะฮิ อัลฟุรกอน อายัต ๕๙ ความว่า อัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้า แผ่น และระหว่างทั้งสองภายใน ๖ วัน หลัง จากนั้นพระองค์ประทับเหนืออะรัช
ลูกศิษย์ แสดงว่าก่อนที่จะสร้างเสร็ดสิ่งเหล่านั้น อัลลอฮฺไม่ได้อยู่เหนืออะรัชน่ะสิครับ พึ่งจะมาอยู่ใช่ไหมครับ
อาจารย์ ถูกต้องน่ะครับ
ลูกศิษย์ แสดงว่าอัลลอฮฺเคลื่อนไหวหรืออพยพโยกย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งนั้นคืออะรัชน่ะสิครับ
อาจารย์ ถูกต้องน่ะครับ อัลลอฮฺเคลื่อนที่ไง
สะละฟุศศอลิห์ เช่น ท่านอัฏเฏาะบะรีย์และท่าน ๆ อื่นๆ ปฏิเสธการเคลื่อนที่ให้กับอัลเลาะฮ์ แต่วะฮาบีย์(ในตำราวะฮาบีย์)ในปัจจุบันยืนยันการเคลื่อนที่ให้กับพระองค์ ทั้งที่อัลเลาะฮ์ไม่เคยพรรณาแก่พระองค์เองเลยว่า "ทรงเคลื่อนที่"
ดังนั้นอะกีดะฮ์ของอาจารย์ที่น้องว่ามานั้น อยู่ในแนวทางบิดอะฮ์ ไม่ใช่ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
วัลลอฮุอะลัม
เขาอ้างโองการที่อัลลอฮิตรัสว่า อิสตาวาอิลัซซามาอฺ
และคำว่าสลัฟ สำหรับเขา คือนบีและซอฮาบะฮ์
เท่านั้น เพราะฉะนั้นท่านอัฏเฏาะบะรีย์และท่าน ๆ อื่นๆหมดสิทธิ
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: al-azhary Date: ม.ค. 12, 2011, 06:19 PM
เขาอ้างโองการที่อัลลอฮิตรัสว่า อิสตาวาอิลัซซามาอฺ
และคำว่าสลัฟ สำหรับเขา คือนบีและซอฮาบะฮ์เท่านั้น เพราะฉะนั้นท่านอัฏเฏาะบะรีย์และท่าน ๆ อื่นๆหมดสิทธิ
ในอายะฮ์ดังกล่าว ไม่มีระบุคำว่า "เคลื่อนไหว" หากอาจารย์คนนั้นยึดนะบีและซอฮาบะฮ์เป็นสะลัฟ ใหนลองยกหลักฐานคำพูดของท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมและศอฮาบะฮ์มาซิ ที่บอกว่า อัลเลาะฮ์ทรงเคลื่อนไหวเคลื่อนย้าย ดังนั้นถ้าหากมี เราก็ยอมรับ แต่ถ้าหากไม่มี อัลเลาะฮ์ก็จะสอบสวนอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ดังกล่าว
บังได้ความรู้ไหม่ ที่อาจารย์คนนั้น มีทัศนะว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมและศอฮาบะฮ์เท่านั้น เป็นสะลัฟ ส่วนอิหม่ามชาฟิอีย์ อิหม่ามอะห์มัด อิหม่ามมาลิก อิหม่ามอะบูฮะนีฟะฮ์ ไม่ใช่สะลัฟ หรือว่าอิหม่ามทั้งสี่เป็นแค่ค่อลัฟ ตามทัศนะของอาจารย์คนนั้น?!
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: anti-bid'ah Date: ม.ค. 12, 2011, 08:15 PM

ثُمَّ اسْتَوَى إِلَى السَّمَآءِ وَهِىَ دُخَانٌ فَقَالَ لَهَا وَلِلاٌّرْضِ ائْتِيَا طَوْعاً أَوْ كَرْهاً
41:11 Then He rose over (Istawa ila) the heaven when it was smoke, and said to it and to the earth: "Come both of you willingly or unwillingly.''
นี่คือโองการที่บอกว่าอัลลอฮฺมี
การโยกย้ายเคลื่อนที่สู่ฟากฟ้า(อาจารย์แปลว่าเหนือชั้นฟ้า คืออะรัชเพื่อโยงให้เข้ากันกกับซูเราะอัลฟุรกอน ๕๙)
อาจารย์บอกว่าถ้าเรื่องอกีดะฮิต้องงยึดตามสลัฟ(นบีหรือศอฮาบะฮิเท่านั้น)ถ้าเรื่องฟิกฮิยึดตามสลัฟ(คนในยุค ๓๐๐ปีหลังฮิจเราะฮฺแสดงว่าอุลามาอฺหลายท่านติดโพลนี้ด้วย)
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: As-Zaleek Date: ม.ค. 12, 2011, 10:14 PM

ثُمَّ اسْتَوَى إِلَى السَّمَآءِ وَهِىَ دُخَانٌ فَقَالَ لَهَا وَلِلاٌّرْضِ ائْتِيَا طَوْعاً أَوْ كَرْهاً
41:11 Then He rose over (Istawa ila) the heaven when it was smoke, and said to it and to the earth: "Come both of you willingly or unwillingly.''
นี่คือโองการที่บอกว่าอัลลอฮฺมีการโยกย้ายเคลื่อนที่สู่ฟากฟ้า(อาจารย์แปลว่าเหนือชั้นฟ้า คืออะรัชเพื่อโยงให้เข้ากันกกับซูเราะอัลฟุรกอน ๕๙)
อาจารย์บอกว่าถ้าเรื่องอกีดะฮิต้องงยึดตามสลัฟ(นบีหรือศอฮาบะฮิเท่านั้น)ถ้าเรื่องฟิกฮิยึดตามสลัฟ(คนในยุค ๓๐๐ปีหลังฮิจเราะฮฺแสดงว่าอุลามาอฺหลายท่านติดโพลนี้ด้วย)
อาจารย์คุณแปลแปลกจัง...อัลกุรอานบอกว่า อิสตะวาอิลัสสะมาอฺเท่านั้น แต่อาจารย์คุณเสริมมาว่า แบบมีการโยกย้ายเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการยืนยันรูปแบบวิธีการอย่างชัดเจน...ซึ่งเป็นแนวทางอะกีดะฮ์บิดอะฮ์...และไม่มีซอฮาบะฮ์คนใดบอกว่า อิสตะวา คือาการเคลื่อนที่...และท่านนบี(ซ.ล.)ก็ไม่เคยอธิบายเลยว่า มันคือการเคลื่อนที่โยกย้าย...
และคำพูดที่ว่า ...เรื่องอะกีดะฮ์ต้องยึดตามสะลัฟ(นบีหรือศอฮาบะฮ์เท่านั้น) เป็นคำพูดไม่ถูกต้อง...เพราะเรื่องอะกีดะฮ์เรื่องของอัลลอฮ์ต้องยึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์เท่านั้น...ส่วนความเข้าใจตัวบทอัลกุรอานและซุนนะฮ์ก็ยึดตามสะลัฟ
คำพูดที่ว่า "ศอฮาบะฮ์คือสะลัฟนั้น ถูกต้อง" แต่ไปบอกว่า นบีคือบุคคลในยุคสะลัฟนั้นไม่ถูกต้อง...
เมื่อนบีและศอฮาบะฮ์ ไม่ได้อธิบายว่า อิสตะวาอิลัสสมา ไม่ใช่แบบการเคลื่อนไหว...จึงไม่อนุญาตอ้างว่า การเคลื่อนที่โยกย้ายเป็นคำพูดของนบีและศอฮาบะฮ์...เพราะอาจารย์คนนั้นจะกลายเป็นคนโกหกโดยปริยาย...
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: al-azhary Date: ม.ค. 13, 2011, 01:18 PM

ثُمَّ اسْتَوَى إِلَى السَّمَآءِ وَهِىَ دُخَانٌ فَقَالَ لَهَا وَلِلاٌّرْضِ ائْتِيَا طَوْعاً أَوْ كَرْهاً
41:11 Then He rose over (Istawa ila) the heaven when it was smoke, and said to it and to the earth: "Come both of you willingly or unwillingly.''
นี่คือโองการที่บอกว่าอัลลอฮฺมีการโยกย้ายเคลื่อนที่สู่ฟากฟ้า(อาจารย์แปลว่าเหนือชั้นฟ้า คืออะรัชเพื่อโยงให้เข้ากันกกับซูเราะอัลฟุรกอน ๕๙)
อาจารย์บอกว่าถ้าเรื่องอกีดะฮิต้องงยึดตามสลัฟ(นบีหรือศอฮาบะฮิเท่านั้น)ถ้าเรื่องฟิกฮิยึดตามสลัฟ(คนในยุค ๓๐๐ปีหลังฮิจเราะฮฺแสดงว่าอุลามาอฺหลายท่านติดโพลนี้ด้วย)
ไม่ทราบว่า สะลัฟตามหลักวิชาการอะกีดะฮ์ คือ "ท่านนะบีและศอฮาบะฮ์เท่านั้น" เอาหลักฐานมาจากใหน อ้างอิงมาจากตำราใหน หรืออาจารย์คนนั้นจินตนาการหลักการขึ้นมาเอง?
ส่วนอายะฮ์อัลกุรอานที่น้องอ้างอิงมานั้น ในซูเราะฮ์ฟุศศิลัต อายะฮ์ ที่ 9-11 นั้น สรุปได้ว่า "ที่ถูกต้องนั้น คืออัลเลาะฮ์ทรงสร้างไอหมอกของฟ้ากฟ้าเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็ทรงสร้างแผ่นดิน หลังจากนั้นพระองค์ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้าในลักษณะที่มันเป็นไอหมอก แล้วทำการสร้างบรรดาชั้นฟากฟ้า หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงบันดาลให้แผ่นดินราบเรียบ" ดู ตัฟซีร อัลกุรฏุบีย์
การมุ่งสู่ฟากฟ้านั้น อาจารย์วะฮาบีคนนั้น บอกว่ามันคือการที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงเคลื่อนที่โยกย้ายไปสู่ฟากฟ้า ส่วนแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์นั้น คือการอัลเลาะฮ์ทรงมุ่งเจตนาไปสู่ฟากฟ้าที่กำลังเป็นเพียงแค่ไอหมอกแล้วทำการสร้างบรรดาชั้นฟ้าเหล่านั้น
สรุปคือ อาจารย์วะฮาบีย์คนนั้น เอามาตรฐานการเข้าใจซีฟัตของอัลเลาะฮ์แบบผิวเผินและเข้าใจแบบความหมายฮะกีกัต(คำแท้) เอาซีฟัตอิสติวาอฺ มาเป็น "
ซีฟัตซาต" หมายถึง อัลเลาะฮ์ลงสร้างแผ่นดินและสรรพสิ่งทั้งหลายในแผ่นดิน แล้วซาตของพระองค์ก็เคลื่อนย้ายเคลื่อนที่มุ่งขึ้นไปสู่ฟากฟ้า
แต่ตามทัศนะของเรา ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ เข้าใจว่า ซีฟัตอิสติวาอฺนี้ "
เป็นซีฟัตอัฟอาล"(ซีฟัตของการกระทำ) หมายถึง "ซีฟัตการสร้างของอัลเลาะฮ์ได้สำแดงขึ้น บรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายในในแผ่นดินก็เกิดขึ้น แล้วพระองค์ก็มุ่ง(เจตนา)สู่(การสร้าง)ฟากฟ้า(ไม่ใช่พระองค์ทรงมุ่ง(ด้วยการเคลื่อนไหวเคลื่อนย้ายเคลื่อนที่ไปสู่ฟากฟ้า)"
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งคือ คำว่า ثُمَّ "หลังจากนั้น" คำว่า "หลังจากนั้น" มันแบบใหนตามหลักภาษาอาหรับที่เกี่ยวกับอายะฮ์ที่ 11 ของซูเราะฮ์ฟุศศิลัต มันอยู่ในความหมายของ "ลำดับขั้นตอนการเกิดขึ้นช่วงเวลาการกระทำ" หรือ "เพียงแค่การบอกเล่า"
อันนี้เราต้องกลับไปดูว่า ท่านนะบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อธิบายไว้ไหม? ศอฮาบะฮ์ได้อธิบายไว้ไหม? ปราชญ์สะลัฟได้อธิบายไว้ไหม? ถ้าหากไม่มี อาจารย์วะฮาบีคนนั้นจะมาเออเองคิดเองนั้้น ไม่บังควร?
ท่านอิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ ได้กล่าวอธิบายว่า
قَوْلُهُ تَعَالَى : { ثُمَّ اسْتَوَى } «ثُمَّ» لِتَرْتِيْبِ الإِخْبَارِ لاَ لِتَرْتِيْبِ الأَمْرِ فِيْ نَفْسِهِ
"คำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลาที่ว่า (หลังจากนั้นพระองค์ทรงอิสติวา) คำว่า ثُمَّ "หลังจากนั้น" ให้ความหมายในการบอกเล่า ( تَرْتِيْبُ الإِخْبَارِ )ไม่ใช่ลำดับเรียบเรียงช่วงเวลาในตัวของการกระทำ ( تَرْتِيْبُ الْحُكْمِ )ในพระองค์เอง" ตัฟซีรอัลกุรฏุบีย์ ซูเราะฮ์ฟุศศิลัต อายะฮ์ 11
ดังนั้นคำว่า ثُمَّ "หลังจากนั้น" อายะฮ์ดังกล่าวนี้ อยู่ในหมายถึง ( ثُمَّ ) ประเภท ( تَرْتِيْبُ الإِخْبَارِ ) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ ( اَلتَّرْتِيْبُ الذِّكْرِيُّ )
เช่น ท่านอิหม่ามอิบนุฮิชาม ร่อฮิมะฮุลเลาะฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ มุฆนิลละบีบของท่าน ว่า
أَنَّ ثُمَّ لِتَرْتِيْبِ الإِخْبَارِ لاَ لِتَرْتِيْبِ الْحُكْمِ، وَأَنَّهُ يُقَالُ بَلَغَنِيْ مَا صَنَعْتَ الْيَوْمَ
ثُمَّ مَا صَنَعْتَ أَمْسِ أَعْجَبُ أَيْ ثُمَّ أُخْبِرُكَ أَنَّ الَّذِيْ صَنَعْتَهُ أَمْسِ أَعْجَبُ
"แท้จริง คำว่า ثُمَّ "หลังจากนั้น" หมายถึง ( ثُمَّ ) ประเภท ( تَرْتِيْبُ الإِخْبَارِ ) คือ (ให้ความหมายในการบอกเล่า) ไม่ใช่หมายถึง ( تَرْتِيْبُ الْحُكْمِ ) "ลำดับขั้นตอนการเกิดขึ้นซึ่งการกระทำ" และ(ตัวอย่าง)ที่ถูกกล่าว(จนชนอาหรับที่)ว่า "ได้ทราบถึงฉัน โดยสิ่งที่ท่านได้กระทำในวันนี้
หลังจากนั้น สิ่งที่ท่านได้กระทำเมื่อวาน ย่อมประทับใจยิ่งกว่า" หมายถึง หลังจากนั้นฉันอยากจะบอกกับท่านว่า แท้จริงสิ่งที่ท่านได้กระทำเมื่อวานนั้น น่าประทับใจยิ่งกว่า" หนังสือฮาชียะฮ์ อัดดุสุกีย์ อะลา มุฆนิลละบีบ 1/320
เราจะสังเกตุได้ว่า คำว่า "หลังจากนั้นสิ่งที่ท่านได้กระทำเมื่อวาน..." ไม่ได้ให้ความหมายถึงลำดับสองช่วงเวลา(วันนี้กับเมื่อวาน)ของการกระทำ แต่เป็นการบอกเล่าเฉยๆ
ท่านอิหม่ามอิบนุฮิชาม ได้ยกตัวอย่างจากคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลา เช่นกันที่ว่า
ذَلِكُمْ وَصَّاكُمْ بِهِ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ
ثُمَّ آَتَيْنَا مُوسَى الْكِتَابَ
"(การเจริญตาม)นั้นแหละที่พระองค์ทรงสั่งเสียมันไว้แก่พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะยำเกรง
หลังจากนั้นเราได้ให้คำภีร์แก่มูซา" อัลอันอาม 153-154
อัลเลาะฮ์ตะอาลาได้สั่งเสียแก่อุมมะฮ์ของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้ยึดแนวทางที่เที่ยงตรงของพระองค์ แล้วพระองค์ทรงตรัสต่อไปว่า "หลังจากนั้นเราได้ให้คำภีร์แก่มูซา" ซึ่งเป็นเพียง "การการบอกเล่า" ไม่ใช่หมายความว่า เมื่ออัลเลาะฮ์ได้ทรงสั่งเสียแก่อุมมะฮ์ของท่านนบีมุฮัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วหลังจากนั้นพระองค์เพิ่งประทานคำภีร์ให้แก่นะบีมูซา อะลัยฮิสลาม เพราะคำภีร์เตารอฮ์ที่ประทานให้แก่นะบีมูซา อะลัยฮิสลามนั้น ได้มีมาก่อนการสั่งเสียของพระองค์ดังกล่าวแล้ว. ดูเพิ่มเติมจาก หนังสือฮาชียะฮ์ อัดดุสุกีย์ อะลา มุฆนิลละบีบ 1/318
สรุป คือ การที่อาจารย์วะฮาบี ให้ความหมายว่า อัลเลาะฮ์ทรงเคลื่อนย้าย(หลังจากการสร้างแผ่นดินแล้ว)เคลื่อนที่ขึ้นไปสู่ฟากฟ้านั้น มิได้อยู่ในหลักอะกีดะฮ์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์แต่อย่างใด แต่เป็นอะกีดะฮ์บิดอะอ์ที่วะฮาบีปัจจุบันพยายามทำการสอนให้คนเอาวามทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานอะกีดะฮ์ เชื่อตามที่ตนเองยึดถือเท่านั้นเอง. วัลอิยาซุบิลลาฮ์!
วัลลอฮุอะลัม
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: As-Zaleek Date: ม.ค. 13, 2011, 03:04 PM

อะกีดะฮ์วะฮาบียะฮ์ของอาจารย์คนนั้น...ต้องพบจุดจบในเชิงหลักการอีกไม่นาน...เนื่องจากถลำเข้าไปเกินควรในการพิจารณาเรื่องซีฟัตของอัลลอฮ์...
...โดยเอาหลักการที่ว่า เข้าใจตัวบทอัลกุรอานและซุนนะฮ์แบบผิวเผินในความหมายคำแท้ ไม่ใช้คำโวหารหรือทำการมอบหมาย...โดยเฉพาะชอบเหลือเกินในการนำมาใช้เกี่ยวกับซีฟัตของอัลลอฮ์ ที่มุตะชาบิฮาตมีความหมายหลายนัย...อีกไม่นานอะกีดะฮ์แบบนี้ก็จะพบกับจุดจบ ด้วยผลตามมาที่ว่า อัลลอฮ์เป็นรูปร่างมีอวัยวะ มีสถานที่อยู่ เคลื่อนไหวเคลื่อนที่ขึ้นลง กลายเป็นกลุ่มที่ฟื้นฟูอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ของพวกบิดอะฮ์ในอดีตที่เชื่อว่าอัลลอฮ์มีรูปร่าง ในนาม พวกมุญัสสิมะฮ์!...ที่ปราชญ์ส่วนใหญ่ฮุกุ่มเป็นพวกบิดอะฮ์...และอีกบางส่วนฮุกุ่มเป็นกาเฟร...
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: anti-bid'ah Date: ม.ค. 13, 2011, 05:14 PM

ผมและเพื่อนบางคนที่สนใจเรื่องนี้ได้ถามอาจารย์ถึงเรื่องดังกล่าวแต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เช่น
คำว่าสลัฟทางอกีดะฮิหมายถึงนบีและซอฮาบะฮฺ เอาหลักฐานจากไหน
ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาอาหรับไม่ให้ความหมายคำว่า อิสตาวา ว่า อำนาจ หรือการปกครอง แต่เมื่อผมอ้างว่ามีอุลามาอฺในยุค ๓๐๐ ปีหลังฮิจเราะฮิ ให้ความหมายว่าอำนาจ ซึ่งอุลามาอฺที่ว่ามีรายชื่อดังต่อไปนี้....
ไหนล่ะหลักฐานที่นบีและซอฮาบะฮฺบอกว่าอัลลอฮฺนั่งเหนืออะรัช
อาจารย์อ้างหลักอกีดะฮฺจากท่าน อิมามมาลิก พวกเราแย้งว่าในเมื่อจุดยืนตอนต้นอาจารย์มีจุดยืนว่าจะต้องเอาหลักอกีดะฮฺจากนบีหรือซอฮาบะฮฺ แล้วฉไหนเลยใยอ้างอิมามมาลิก หรืออิมามมาลิกคือนบี หรือคือซอฮาบะฮฺ และหากจะอ้างอุลามาอฺ พวกผมมีมาอ้างให้อาจารย์แถลงไข
เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายคนไม่สนใจในเรื่องดังกล่าว พยายามจะให้จบคาบ แล้วบอกว่าอัลลอฮฺว่าไง เราว่าอย่างนั้น และเหล่านั้นคือข้อฉงนที่ต้องมีการตอบในสัปดาห์หน้า
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: Al Fatoni Date: ม.ค. 13, 2011, 05:21 PM
ตอบได้คมมากครับ เป็นกำลังใจให้ครับ หรือทางที่ดีไปคุยเป็นการส่วนตัวเลยดีกว่า อาจจะคุยได้เต็มที่หน่อย
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: al-azhary Date: ม.ค. 13, 2011, 05:38 PM
ผมและเพื่อนบางคนที่สนใจเรื่องนี้ได้ถามอาจารย์ถึงเรื่องดังกล่าวแต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เช่น
คำว่าสลัฟทางอกีดะฮิหมายถึงนบีและซอฮาบะฮฺ เอาหลักฐานจากไหน
ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาอาหรับไม่ให้ความหมายคำว่า อิสตาวา ว่า อำนาจ หรือการปกครอง แต่เมื่อผมอ้างว่ามีอุลามาอฺในยุค ๓๐๐ ปีหลังฮิจเราะฮิ ให้ความหมายว่าอำนาจ ซึ่งอุลามาอฺที่ว่ามีรายชื่อดังต่อไปนี้....
ไหนล่ะหลักฐานที่นบีและซอฮาบะฮฺบอกว่าอัลลอฮฺนั่งเหนืออะรัช
อาจารย์อ้างหลักอกีดะฮฺจากท่าน อิมามมาลิก พวกเราแย้งว่าในเมื่อจุดยืนตอนต้นอาจารย์มีจุดยืนว่าจะต้องเอาหลักอกีดะฮฺจากนบีหรือซอฮาบะฮฺ แล้วฉไหนเลยใยอ้างอิมามมาลิก หรืออิมามมาลิกคือนบี หรือคือซอฮาบะฮฺ และหากจะอ้างอุลามาอฺ พวกผมมีมาอ้างให้อาจารย์แถลงไข
นี้ก็คงเป็นสัญญาณบ่งบอกถึง ความล้มเหลวในหลักการพิจารณาเรื่องอะกีดะฮ์ของแนวทางวะฮาบี ที่น่าเป็นห่วงก็คงเป็นคนเอาวามสามัญชนทั่วไป ที่อาจจะไปรับหลักการเรื่องอะกีดะฮ์มาแบบรู้เท่าไม่ถึงการ ก็ขอต่ออัลเลาะฮ์ให้พระองค์ทรงชี้นำพี่น้องมุสลิมทุกคน
เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายคนไม่สนใจในเรื่องดังกล่าว พยายามจะให้จบคาบ แล้วบอกว่าอัลลอฮฺว่าไง เราว่าอย่างนั้น และเหล่านั้นคือข้อฉงนที่ต้องมีการตอบในสัปดาห์หน้า
ต้องมีความรอบคอบในการเข้าใจในเรื่องนี้ อย่าหลงประเด็นเด็ดขาด ไม่งั้นอะกีดะฮ์จะเสียหายได้ เช่น เริ่มแรก ๆ ก็อธิบาย อิสติวา ว่า มันคือการ นั่งประทับ การสถิต พอมีปัญหาถูกถาม เลยสรุปเข้าข้างตนเองว่า "อัลเลาะฮ์ว่าอย่างไง เราก็ว่าอย่างงั้น" ซึ่งเป็นคำพูดที่ถูกแต่เจตนาเป้าหมายของเขานั้นผิด เพราะเขาต้องการให้เราเชื่อในความหมายที่ว่า "อัลเลาะฮ์บอกว่าพระองค์ทรงนั่งประทับบนบัลลังก์ เราก็ว่าอย่างงั้น หรือพระองค์ทรงบอกว่าทรงสถิตเหนือบัลลังก์ เราก็ว่าอย่างงั้น!" ทั้งที่ถูกต้องแล้วคือ อัลเลาะฮ์ทรงบอกว่า "พระองค์ทรงอิสติวาอฺเหนือบัลลังก์" ดังนั้นเมื่อพระองค์บอกว่า ทรงอิสติวาอฺเหนือบัลลังก์ เราก็ว่าอย่างนั้น แค่นี้ก็ถือว่าปลอดภัยที่สุด
เป็นที่ทราบดีว่า อิสติวาอฺ นั้นมีหลายความหมาย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีประสงค์ความหมายใดกันแน่ และท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ไม่เคยเจาะจงความหมายอิสติวาอฺไว้เลย ดังนั้นเราก็มอบหมายการเจาะจงความหมายดังกล่าวไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา ก็ถือว่าปลอดภัย แต่ถ้าหากมาอ้างคำพูดของอิหม่ามมาลิก แล้วแปลว่า "การนั่งประทับเป็นที่รู้กัน..." เราก็ต้องถามว่า มีหลักฐานใดที่ระบุว่า อิหม่ามมาลิกเจาะจงความหมายอิสติวาอฺว่า "นั่งประทับ" เพราะเท่าที่ทราบคือ อิหม่ามมาลิก บอกเพียงแค่ "อิสติวาอฺ" เฉยๆ ไม่ได้มีอธิบายจากอิหม่ามมาลิกว่า มันคือ การนั่งประทับหรือสถิต
และหากอ้างถึงซอฮาบะฮ์ เราก็ต้องตรวจสอบสายรายงานก่อนว่าผู้ใดบ้างที่รายงานถึงซอฮาบะฮ์
แต่ถ้าหากต้องการศึกษาความหมาย อิสติวาอฺ จากสะลัฟบางส่วนที่อยู่ในยุค 300 ปี เราก็ควรให้ความเป็นธรรมกับการอิจญ์ฮาตของปราชญ์สะลัฟเหล่านั้น โดยเลือกความหมายที่เหมาะสมยิ่งกับความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของอัลเลาะฮ์ตะอาลา
วัลลอฮุอะลัม
Re: ตรรกศาสตร์ก็เรียนแล้ว ยังต้องตีความอีกหรือ? ตอน อัลลอฮฺอยู่เหนืออรัช By: anti-bid'ah Date: ม.ค. 13, 2011, 07:34 PM
ตอบได้คมมากครับ เป็นกำลังใจให้ครับ หรือทางที่ดีไปคุยเป็นการส่วนตัวเลยดีกว่า อาจจะคุยได้เต็มที่หน่อย
ถ้าทำอย่างนั้น เพื่อนๆ คนอื่นก็มิทราบสิครับว่าตกลงมันเปนมากันอย่างไร มีบางคนไม่กล้าถามอาจารย์อาจเพราะกลัวความมีหน้ามีตาในสังคม ถ้าถามอาจตกเปนจำเลยทางสังคม ขณะที่เพื่อนวาฮาบีบางคนใจกว้างยอมถามสิ่งที่ตนเองก็สงสัยว่าทำไมต้องแปลอย่างนั้น ทำไมต้องแปลอย่างนี้ ถ้าแปลอย่างนั้น ใครรับรอง เมื่ออ้างอุลามาอฺ อุลามาอฺมีทรรศนะเรื่องกันอย่างไร และเพื่อนบางคนเหนด้วยกับการอ่านโดยไม่ต้องแปลหรือตีความใดๆ มอบหมายยังอัลลอฮฺ