Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: nuree Date: ม.ค. 11, 2012, 10:25 AM

ฮะดิษนี้เป็นที่อนุญาติของท่านรอซูลเอง แต่การกระทำอีบาดัตที่ form ที่อุตริจเกิดขึ้นมาใหม่หลังจากนี้ซึ่งมันส่วนมากจะคล้ายคลึงกับศาสนาอื่นที่มีอยู่ก่อนรอซูล(ซล)และส่วนมากก็จะมีผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การให้ในแบบของซอดาเกาะห์ซึ่งมันจะไม่มีคำว่าอิคลาสอยู่ในนั้นเพราะต่างฝ่ายต่างก็อยากได้ผลที่ตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นการซอดาเกาะห์ให้ผลบุญและอีกฝ่ายก็จะตอบแทนด้วยสิ่งของ จะกระทำมันเรึ่อยๆมันจะทำให้เพิ่มวัฒนธรรมของศาสนาอิสลามและมันก็จะยาวไป ศาสนาก็จะครมเครือไปเรื่อๆจนในที่สุด สุนนะห์ที่แท้จริงก็จะหายไป

ทัศนะส่วนตัว ซะงั้น
ทัศนะของผมแบบนี้ คุณว่ามันไกลกับความเป็นจริงมากมัยครับ

Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: sufriyan Date: ม.ค. 11, 2012, 11:19 AM

ไม่ห่างไกลความจริงครับ ถ้าคุณเป็นอุลามาอ์
และเชี่ยวชาญประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่งไม่ได้ตักลีดตามใครเขามาอีกที
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: al-azhary Date: ม.ค. 11, 2012, 11:39 AM

ฮะดิษนี้เป็นที่อนุญาติของท่านรอซูลเอง แต่การกระทำอีบาดัตที่ form ที่อุตริจเกิดขึ้นมาใหม่หลังจากนี้ซึ่งมันส่วนมากจะคล้ายคลึงกับศาสนาอื่นที่มีอยู่ก่อนรอซูล(ซล)และส่วนมากก็จะมีผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การให้ในแบบของซอดาเกาะห์ซึ่งมันจะไม่มีคำว่าอิคลาสอยู่ในนั้นเพราะต่างฝ่ายต่างก็อยากได้ผลที่ตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นการซอดาเกาะห์ให้ผลบุญและอีกฝ่ายก็จะตอบแทนด้วยสิ่งของ จะกระทำมันเรึ่อยๆมันจะทำให้เพิ่มวัฒนธรรมของศาสนาอิสลามและมันก็จะยาวไป ศาสนาก็จะครมเครือไปเรื่อๆจนในที่สุด สุนนะห์ที่แท้จริงก็จะหายไป

ยังมีฮะดีษอื่นๆ อีกที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์อนุญาตให้แก่อุมมะฮ์ของท่านและยังมีศอฮาบะฮ์ที่ไม่ใช่ค่อลิฟะฮ์ทั้งสี่ที่กระทำในสิ่งที่ท่านนะบีย์ไม่ได้กระทำครับ และสุนนะฮ์ที่แท้จริงหายไปเพราะมีอะกีดะฮ์บิดอะฮ์เข้ามา ส่วนวิธีการศ่อดาเกาะฮ์ โดยหาผลประโยชน์นั้น มันเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล ไม่ใช่เป็นแนวทาง มันไม่ใช่เจตนาของทุกๆ คน
ดังนั้นหลักปฏิบัติภาควาญิบระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์นั้น หากบวกลบคูณหารกันแล้ว ก็แทบจะเหมือนกันทุกอย่าง
แต่หากพิจารณาเกี่ยวกับอะมัลที่เป็นนะวาฟิล(อะมัลสุนัต) ทั้งสองฝ่ายก็จะต่างกันพอสมควร เนื่องจากมีหลัก(กออิดะฮ์)ต่างกัน ฝ่ายวะฮาบีย์เจาะจงนะบีย์เท่านั้น ส่วนฝ่านอัลอะชาอิเราะฮ์ก็ทำสิ่งที่ท่านนะบีย์เจาะจงกระทำเช่นกันแต่เสริมเข้ามาในเรื่องของอิบาดะฮ์สุนัตในเชิงคำสั่งของท่านนะบีย์ด้วย(ไม่ว่าท่านนะบีย์จะสั่งแบบเจาะจงหรือแบบกว้างๆ ก็ตาม) ดังนั้นการกระทำที่เสริมเข้ามาของฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์ จึงเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวหาว่าอุตริเพิ่มขึ้นมาในศาสนาด้วยหลัก(กออิดะฮ์)ที่ว่านะบีย์ไม่เคยทำ ฉะนั้นฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์ก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ แต่อีกฝ่ายไม่เข้าใจและยึดหลัก(กออิดะฮ์)ตนเองเป็นหลัก เมื่อไม่ยอมเข้าใจอีกฝ่าย ก็จะกล่าวหาว่าคลุมเครือ อันนี้จนปัญญาจะแก้ไขได้จริง
เรื่องหะดีษฎออีฟ ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน) แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์ การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป
ส่วนเรื่องอะกีดะฮ์ระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์ เมื่อบวกลบคูณหารกันแล้ว ส่วนมากเหมือนกันแทบทุกเรื่องอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ทั้งสองฝ่ายก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของซีฟาตของอัลเลาะฮ์ ดังนั้นทางฝ่ายวะฮาบีย์จะถูกกล่าวหาว่ามีหลักอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ และวะฮาบีย์ก็กล่าวหาอัลอะชาอิเราะฮ์กลับไปเช่นกัน แต่วะฮาบีจะอธิบายอย่างไร ก็ยังคลุมเครือ และยิ่งคลุมเครือ
ดังกล่าวนี้ ผมได้นำหลักการของทั้งสองฝ่ายมานำเสนอแยกแยะเพื่อให้พี่น้องได้เห็นภาพว่า สังคมมุสลิมต้องเผชิญหน้ากันเองต่อไป และต่างฝ่ายก็ต้องดิ้นรนและต่อสู้ในการเผยแพร่และชี้แจงแนวทางของตนกันต่อไปอีก
แต่สำหรับผู้ที่หาโอกาสในการพยายามปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ทั้งฟัรฎูและสุนัตและหัวใจเข้าหาอัลเลาะฮ์อย่างสม่ำเสมอและไม่ลืมพระองค์ จะเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าผู้นั้นจะมาจากกลุ่มอัลอะชาอิเราะฮ์หรือวะฮาบีย์ แต่หัวใจที่คิดว่าตนเองเท่านั้นที่ถูกและกลุ่มอื่นๆผิด ผลตามมาของจิตใจจะเป็นสิ่งที่มาปิดกั้นระหว่างเขาก็กับอัลเลาะฮ์ครับ
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: nuree Date: ม.ค. 11, 2012, 12:50 PM

แต่หากพิจารณาเกี่ยวกับอะมัลที่เป็นนะวาฟิล(อะมัลสุนัต) ทั้งสองฝ่ายก็จะต่างกันพอสมควร เนื่องจากมีหลัก(กออิดะฮ์)ต่างกัน ฝ่ายวะฮาบีย์เจาะจงนะบีย์เท่านั้น ส่วนฝ่านอัลอะชาอิเราะฮ์ก็ทำสิ่งที่ท่านนะบีย์เจาะจงกระทำเช่นกันแต่เสริมเข้ามาในเรื่องของอิบาดะฮ์สุนัตในเชิงคำสั่งของท่านนะบีย์ด้วย(ไม่ว่าท่านนะบีย์จะสั่งแบบเจาะจงหรือแบบกว้างๆ ก็ตาม) ดังนั้นการกระทำที่เสริมเข้ามาของฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์ จึงเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวหาว่าอุตริเพิ่มขึ้นมาในศาสนาด้วยหลัก(กออิดะฮ์)ที่ว่านะบีย์ไม่เคยทำ ฉะนั้นฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์ก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ แต่อีกฝ่ายไม่เข้าใจและยึดหลัก(กออิดะฮ์)ตนเองเป็นหลัก เมื่อไม่ยอมเข้าใจอีกฝ่าย ก็จะกล่าวหาว่าคลุมเครือ อันนี้จนปัญญาจะแก้ไขได้จริง...................
------------------------
ตรงนี้ผมคิดว่า ทางพวก(วาฮาบีที่คุณพยายามแบ่งแยกฝ่าย) ไม่มีปัญหา เพราะพวกเขาเจาะจงนะบีย์
ปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าอาจารย์สามารถนำหลักฐานอธิบายในส่วนที่เพิ่มเติม.เสริมเข้ามาในเรื่องของอิบาดะฮ์สุนัตในเชิงคำสั่งของท่านนะบีย์ด้วย. นั้นโดยนำหลักฐานตัฟซีรจากอัลกุรอ่านโดยมี
อูลามะห์ มุตาบัรให้การตัฟซีร และก็ไม่ขัดแย้งกับฮะดิษ ซอเฮียะ ผมว่าน่าจะทำให้กระจ่างขึ้นนะครับ
และคำว่า วาฮาบี ผมคิดว่ามุสลิมทุกคนเป็นวาฮาบีครับ เพราะเป็นหนึ่งในชื่อของ อัลเลาะห์ หรือว่าผมเข้าใจผิด

Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: nuree Date: ม.ค. 11, 2012, 12:53 PM
เรื่องหะดีษฎออีฟ ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน) แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์ การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป-----
----------------------
ฮะดิษฎออีฟที่ไม่ขัดแย้งกับ ฮาดิษซอเฮียะ ผมว่าน่าจะใช้ได้นะครับ

Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: sufriyan Date: ม.ค. 11, 2012, 02:11 PM
เรื่องหะดีษฎออีฟ ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน) แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์ การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป-----
----------------------
ฮะดิษฎออีฟที่ไม่ขัดแย้งกับ ฮาดิษซอเฮียะ ผมว่าน่าจะใช้ได้นะครับ

ท่านระดับมุจตาฮิดแล้วนี่ ขอมาอัฟ
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: nuree Date: ม.ค. 11, 2012, 04:21 PM

เรื่องหะดีษฎออีฟ ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน) แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์ การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป-----
----------------------
ฮะดิษฎออีฟที่ไม่ขัดแย้งกับ ฮาดิษซอเฮียะ ผมว่าน่าจะใช้ได้นะครับ

ท่านระดับมุจตาฮิดแล้วนี่ ขอมาอัฟ
แสดงว่า ถ้าไม่ใช่ระดับมุจตาฮิด จะคุยกับคุณและจะเสนอความคิดเห็นอย่างสร้างสรรไม่ได้

Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: sufriyan Date: ม.ค. 11, 2012, 04:41 PM

เรื่องหะดีษฎออีฟ ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน) แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์ การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป-----
----------------------
ฮะดิษฎออีฟที่ไม่ขัดแย้งกับ ฮาดิษซอเฮียะ ผมว่าน่าจะใช้ได้นะครับ

ท่านระดับมุจตาฮิดแล้วนี่ ขอมาอัฟ
แสดงว่า ถ้าไม่ใช่ระดับมุจตาฮิด จะคุยกับคุณและจะเสนอความคิดเห็นอย่างสร้างสรรไม่ได้

ท่านสามารถตัดสินใจในเรื่องศาสนาเองแล้ว แต่ผมตามอุลามาอ์ให้ความรู้และถ่ายทอดอีกทีหนึ่ง ผมขอมาอัฟที่ล่วงเกิน
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: sufriyan Date: ม.ค. 12, 2012, 01:15 AM
ขออนุญาติยกมาแปะนะครับ
salam
ปัจจุบันผู้ประกาศตนไม่สังกัดมัซฮับ แรกตนเองว่า มุฮัมมะดียีน , จนกระทั่งปัจจุบันพวกเขาภูมิใจที่จะแรกตนเองว่า สะละฟีย์ , อะษะรีย์ , และอ้างว่าตนเองอยู่มัซฮับ อะฮ์ลุลฮะดิษ โดยปฏิเสธการตามมัซอับอิมามทั้งสี่ จนกระทั่งบางครั้งพวกเขากล่าวว่า การตามมัซฮับอิมามทั้งสี่นั้น เป็น กุฟุรและชิริก
พวกเขาแอบอ้างว่าอยู่มัซฮับอะฮ์ลุลฮะดิษ แต่เหตุใดบรรดาอุลามาอ์ฮะดิษที่แท้จริง พวกเขาก็มีมัซฮับ เช่น อิมามบุคอรีย์ อยู่กลุ่มของอุลามาอ์มัซฮับชาฟิอีย์ , อิมามอันนะซาอีย์ ก็อยู่เป็นนักปราชญ์ฮะดิษระดับแนวหน้า แต่ท่านก็เป็นอุลามาอ์มัซฮับชาฟิอีย์ , ท่านอบูดาวูด นักปราชญ์ผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าจำเป็นฮะดิษ มีความยำเกรง มีความละเอียดอ่อน แต่ท่านก็เป็นอุลามาอ์มัซฮับชาฟิอีย์ บางทัศนะบอกว่ามัซฮับฮัมบาลีย์ , ท่านอิมามมุสลิม , ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ , ท่านอิมามอัดดารุกุฏนีย์ , ท่านอิมามอิบนุมาญะฮ์ , ร่อฮิมะฮุมุลลอฮ์ นั้น พวกเขาทั้งหมดเป็นอุลามาอ์มัซฮับอิมามชาฟิอีย์
ท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์ , ท่านอิมามอันนะวาวีย์ , ท่านอัซซะฮะบีย์ , ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุหะญัร , ท่านอัศศ่าคอวีย์ , ท่านอัศศะยูฏีย์ ซึ่งทั้งปราชญ์ฮะดิษทั้งหมดนี้ ก็อยู่ในมัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์
และยังมีนักปราชญ์ฮะดิษท่านอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ต่างคนก็มีมัซฮับของอิมามทั้งสี่ แต่เหตุใดปัจจุบันผู้อ้างว่าอยู่มัซฮับอะฮ์ลุลฮะดิษ จึงประกาศตนว่าไม่สังกัดมัซฮับทั้งสี่ ยิ่งกว่านั้นยังกล่าวอีกว่ มันเป็นกุฟุรและชิริก วัลอิยาซุบิลลาฮ์
สิ่งที่ผมได้นำเสนอข้างต้นนี้คือบทนำของหนังสือดังกล่าวครับผม 
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: pajupong Date: ม.ค. 14, 2012, 10:50 AM
การพูดว่า การปฏิบัติอะมัลนั้นกระทำได้เพราะไม่มีคำสั่งห้าม" เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง แต่ที่ถูกต้องและผมพยายามบอกพี่น้องอยู่เสมอก็คือ "การปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์นั้นกระทำได้หากมีรากฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์(เช่น อ่านอัลกุรอาน ซุกรุลลอฮ์ ศ่อลาวาตนะบีย์ เป็นต้น) โดยมีรูปแบบที่ไม่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์" เพราะทุกอิบาดะฮ์ต้องมีหลักฐานมาระบุรับรอง ไม่ว่าหลักฐานนั้นจะมีข้อบ่งชี้ที่เฉพาะเจาะจงให้กระทำ หรือมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ
ย่อหน้านี้ เคลียร์ครับ
แต่กรณีที่ยังคงเป็นประเด็นกันอยู่ก็คือการปฏิบัติอิบาดะฮ์โดยมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ ซึ่งอนุญาตให้กระทำได้ในรูปแบบที่ไม่ขัดกับหลักศาสนา นี่คือหลักการหนึ่งที่ท่านนะบีย์ยอมรับ เป็นหลักการของซอฮาบะฮ์และสะละฟุศศอลิห์ด้วยเช่นกัน ดังคำถามนิยามของอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ที่ว่า "สิ่งที่บังเกิดขึ้นไหม่ที่ดีงามคือสิ่งที่ไม่ขัดกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ อิจญฺมาอฺ และคำกล่าวของซอฮาบะฮ์"
ย่อหน้านี้ อ่านทบทวนหลายๆรอบ แล้ว สรุปได้ว่า เป็นอามาลที่มีหลักฐานจากนบีแบบกว้างๆ และมีร่องรองจาก ซอฮาบะห์และสลัฟ บังยกตัวอย่าง การอ่านกุนุตในละหมาดวิติรซึ่งนบีทำ แต่ต่างกันที่สำนวนดุอาอและความสั้นยาว
ผมอ่านแล้ว ทั้งสองย่อหน้า ดูแล้วก็คล้ายกัน เพราะต่างก็มีที่มาจากหลักฐาน แต่ต่างกันที่รูปแบบ
คำถามผมคือว่า
1ถ้าเป้นอามาลที่ไม่มีหลักฐานแบบอย่างจากนบี ซอฮาบะห์ และ มัซฮับ แต่มีร่องรอยจากอุลามาอยุคหลัง บังมีความคิดเห็นอย่างไร
2แล้วในประเด็นที่รูปแบบที่แตกต่างและมีหลักฐานกว้างๆนั้น คำว่ารูปแบบนี้ มันมีรายละเอียดหรือปล่าวหรือมีข้อจำกัดอย่างไร เพราะผมคิดว่า มันจะกลายเป็นว่า การทำอามาลแบบหลักฐานกว้างๆ และนำรูปแบบต่างๆที่ไม่มีที่มา มันจะเลยเถิดหรือไม่อย่างไร
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน By: muqorrabeen Date: ม.ค. 16, 2012, 01:53 PM
การพูดว่า การปฏิบัติอะมัลนั้นกระทำได้เพราะไม่มีคำสั่งห้าม" เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง แต่ที่ถูกต้องและผมพยายามบอกพี่น้องอยู่เสมอก็คือ "การปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์นั้นกระทำได้หากมีรากฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์(เช่น อ่านอัลกุรอาน ซุกรุลลอฮ์ ศ่อลาวาตนะบีย์ เป็นต้น) โดยมีรูปแบบที่ไม่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์" เพราะทุกอิบาดะฮ์ต้องมีหลักฐานมาระบุรับรอง ไม่ว่าหลักฐานนั้นจะมีข้อบ่งชี้ที่เฉพาะเจาะจงให้กระทำ หรือมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ
ย่อหน้านี้ เคลียร์ครับ
แต่กรณีที่ยังคงเป็นประเด็นกันอยู่ก็คือการปฏิบัติอิบาดะฮ์โดยมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ ซึ่งอนุญาตให้กระทำได้ในรูปแบบที่ไม่ขัดกับหลักศาสนา นี่คือหลักการหนึ่งที่ท่านนะบีย์ยอมรับ เป็นหลักการของซอฮาบะฮ์และสะละฟุศศอลิห์ด้วยเช่นกัน ดังคำถามนิยามของอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ที่ว่า "สิ่งที่บังเกิดขึ้นไหม่ที่ดีงามคือสิ่งที่ไม่ขัดกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ อิจญฺมาอฺ และคำกล่าวของซอฮาบะฮ์"
ย่อหน้านี้ อ่านทบทวนหลายๆรอบ แล้ว สรุปได้ว่า เป็นอามาลที่มีหลักฐานจากนบีแบบกว้างๆ และมีร่องรองจาก ซอฮาบะห์และสลัฟ บังยกตัวอย่าง การอ่านกุนุตในละหมาดวิติรซึ่งนบีทำ แต่ต่างกันที่สำนวนดุอาอและความสั้นยาว
ผมอ่านแล้ว ทั้งสองย่อหน้า ดูแล้วก็คล้ายกัน เพราะต่างก็มีที่มาจากหลักฐาน แต่ต่างกันที่รูปแบบ
คำถามผมคือว่า
1ถ้าเป้นอามาลที่ไม่มีหลักฐานแบบอย่างจากนบี ซอฮาบะห์ และ มัซฮับ แต่มีร่องรอยจากอุลามาอยุคหลัง บังมีความคิดเห็นอย่างไร
2แล้วในประเด็นที่รูปแบบที่แตกต่างและมีหลักฐานกว้างๆนั้น คำว่ารูปแบบนี้ มันมีรายละเอียดหรือปล่าวหรือมีข้อจำกัดอย่างไร เพราะผมคิดว่า มันจะกลายเป็นว่า การทำอามาลแบบหลักฐานกว้างๆ และนำรูปแบบต่างๆที่ไม่มีที่มา มันจะเลยเถิดหรือไม่อย่างไร
เมื่ออ่านได้แล้ว คำอ้างอิงคำพูดของบังอัลอัซฮะรีย์ ก็คือคำอธิบายคำถามของคุณ pajupong ในตัวอยู่แล้ว