
โดย... อบูมุฮัมมัด อัลอัซฮะรีย์
ตราบใดที่มุสลิมยังมีลมหายใจ ชัยฏอนก็จะไม่ย่อท้อในการใช้กลยุทธ์และกลลวงให้มุสลิมตกอยู่ในความหลงผิด ด้วยเหตุนี้ชัยฏอนจึงมีกลลวงอันชั่วร้ายที่พยายามสอดแทรกเข้าไปในกระแสความคิดและความรู้สึกของจิตใจมุสลิม ฉะนั้นถ้าหากมุสลิมไม่รู้ถึงกลลวงของชัยฏอนนี้ ก็จะต้องพ่ายแพ้มันอย่างแน่นอน
ผู้เขียนได้สอนหนังสือ มินฮาจญุลอาบิดีน ของท่านอิมามอัลฆ่อซาลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ (เล่ม 1 หน้า 312) เกี่ยวกับเรื่องกลยุทธ์และกลลวงของชัยฏอนที่มีต่อผู้ศรัทธาทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่ทำงานศาสนาในทุกรูปแบบควรรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเผยแผ่วิชาความรู้ เขียนหนังสือเชิงศาสนา และการทำอิบาดะฮ์ทั่วไป มิเช่นนั้น พวกเราจะตายจากโลกนี้ไปโดยมีบาปใหญ่ติดตัว และอิบาดะฮ์ต่างๆ ที่เราทำตลอดชีวิตนั้นก็จะเป็นประหนึ่งฝุ่นที่ปลิวว่อนไร้คุณค่าทั้งในโลกดุนยาและโลกอาคิเราะฮ์ ดังที่ท่านอิมามอัลฆ่อซาลีย์ ได้กล่าวว่า
مَنْ لَمْ يَكُنْ لَهُ نَصِيْبٌ مِنْ هَذَا الْعِلْمِ أَخَافُ عَلَيْهِ سُوْءَ الْخَاتِمَةِ
“ผู้ใดที่ไม่มีส่วนได้รับจากวิชา(ตะเซาวุฟ)นี้ ฉันกลัวเหลือเกินว่าเขาจะมีวาระสุดท้ายของชีวิตที่เลวร้าย” หนังสืออิห์ยาอุลูมิดดีน หน้า 62.
ดังนั้นผู้เขียนจึงปรารถนาที่จะหยิบยกกลยุทธ์และกลลวงต่างๆ ของชัยฏอน ที่อิมามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวไว้ พร้อมอ้างอิงหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาประกอบ เพื่อยังคุณประโยชน์อันมากมายแก่ผู้เขียนและผู้อ่านทุกท่าน อินชาอัลเลาะฮ์
กลยุทธ์และหนทางต่าง ๆ ในการหลอกลวงของชัยฏอนนั้น อัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงตรัส
ความว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آَمَنُوا لَا تَتَّبِعُوا خُطُوَاتِ الشَّيْطَانِ وَمَنْ يَتَّبِعْ خُطُوَاتِ الشَّيْطَانِ فَإِنَّهُ يَأْمُرُ بِالْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَلَوْلَا فَضْلُ اللَّهِ عَلَيْكُمْ وَرَحْمَتُهُ مَا زَكَا مِنْكُمْ مِنْ أَحَدٍ أَبَدًا وَلَكِنَّ اللَّهَ يُزَكِّي مَنْ يَشَاءُ وَاللَّهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ
“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าติดตามบรรดาทางเดิน(กลลวง)ของชัยฏอน และผู้ใดติดตามบรรดาทางเดินของชัยฏอน แท้จริงมันจะใช้ให้ทำการลามกและชั่วช้า และหากมิใช่ความโปรดปรานของอัลเลาะฮ์แก่พวกเจ้าและความเมตตาของพระองค์แล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดเลยในหมู่เจ้าจะบริสุทธิ์ แต่อัลเลาะฮ์จะทรงทำให้บริสุทธิ์(จากข้อตำหนิและความชั่ว)แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และอัลเลาะฮ์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้” [อันนูร: 21]
หนทางที่ชัยฏอนจะทำการหลอกลวงผู้ศรัทธาในเรื่องของการฏออัตภักดีนั้นมี 7 หนทางด้วยกัน:
1. ชัยฏอนมันจะยับยั้งท่านไม่ให้ทำอิบาดะฮ์ ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะฮ์ทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะส่งกระแสความรู้สึกเข้าไปในหัวใจและให้ท่านตอบโต้ชัยฏอนว่า “แท้จริงฉันต้องการปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์อย่างมาก เนื่องจากฉันจำเป็นต้องสะสมเสบียงจากโลกดุนยาที่ไม่จีรังเพื่อโลกอาคิเราะฮ์อันนิรันดร”
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า
وَمَنْ يَتَّبِعْ خُطُوَاتِ الشَّيْطَانِ فَإِنَّهُ يَأْمُرُ بِالْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ
“และผู้ใดติดตามบรรดาทางเดินของชัยฏอน แท้จริงมันจะใช้ให้ทำการลามกและชั่วช้า” [อันนูร: 21]
2. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถใช้กลลวงหลอกล่อมิให้ท่านทำอิบาดะฮ์ได้ มันก็จะใช้ให้ท่านผัดวันประกันพรุ่ง ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะฮ์ทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านตอบโต้ชัยฏอนว่า “กำหนดเวลาตายของฉันมิได้อยู่ในอำนาจของฉัน แต่อยู่ในการกำหนดของอัลเลาะฮ์ ฉะนั้นถ้าหากฉันผัดวันประกันพรุ่งการปฏิบัติอิบาดะฮ์ของวันนี้ไปทำในวันพรุ่งนี้ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้ทำ? เพราะในทุกวันนั้นต้องมีอะมัลที่ถูกกำหนดไว้ให้ฉันกระทำ”
ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
اِغتَنِمْ خَمْساً قَبْلَ خَمْسٍ: شَبَابَكَ قَبْلَ هَرَمِكَ ، وَصِحَّتَكَ قَبْلَ سَقَمِكَ ، وَغِنَاءَكَ قَبْلَ فَقْرِكَ ، وَفَرَاغَكَ قَبْلَ شُغْلِكَ ، وَحَيَاتَكَ قَبْلَ مَوْتِكَ
“ท่านจงฉกฉวยโอกาส 5 ประการก่อนที่ 5 ประการจะมาถึง คือวัยหนุ่มของท่านก่อนวัยชรา ความมีสุขภาพดีก่อนเจ็บป่วย ความร่ำรวยก่อนความจน ยามว่างก่อนมีภาระ และยามมีชีวิตก่อนความตายจะมาถึง”รายงานโดยท่านอัลฮากิม, ท่านอัลฮากิม กล่าวว่า ฮะดีษนี้ซอฮิห์, อัลมุสตัดร็อก เล่ม 4 หน้า 341.
3. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถใช้กลลวงให้ท่านผัดวันประกันพรุ่งในการทำอิบาดะฮ์ได้ มันก็จะใช้ให้ท่านทำอิบาดะฮ์อย่างเร่งรีบ กล่าวคือมันจะกล่าวว่า ท่านจงรีบทำ! ท่านจงรีบทำ! เพื่อจะได้ไปทำงานนั้นทำงานนี้ต่อไป ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะฮ์ทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านตอบโต้ชัยฏอนว่า “อะมัลที่น้อยพร้อมกับมีความประณีตและสมบูรณ์ย่อมดีกว่าอะมัลที่มากมายแต่มีความบกพร่อง”
ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
إِنَّ اللهَ يُحِبُّ إِذَا عَمِلَ أَحَدُكُمْ عَمَلاً أَنْ يُتْقِنَهُ
“แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงรัก เมื่อคนหนึ่งจากพวกท่านปฏิบัติอะมัลหนึ่ง ที่ได้ทำมันอย่างประณีต”รายงานโดยอัลบัยฮะกีย์, ชุอะบุลอีหม่าน เล่ม 4 หน้า 334, และรายงานโดยอัฏเฏาะบะรอนีย์, มัจญฺมะอฺ อัซซะวาอิด เล่ม 4 หน้า 98.
ท่านอะนัส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ تِلْكَ صَلَاةُ الْمُنَافِقِ يَجْلِسُ يَرْقُبُ الشَّمْسَ حَتَّى إِذَا كَانَتْ بَيْنَ قَرْنَيْ الشَّيْطَانِ قَامَ فَنَقَرَهَا أَرْبَعًا لَا يَذْكُرُ اللَّهَ فِيهَا إِلَّا قَلِيلًا
“ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า นั่นคือละหมาดของคนมุนาฟิก เขานั่งรอจนกระทั่งดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า แล้วเขายืนขึ้นทำละหมาด เขาทำละหมาดเหมือนไก่จิก 4 ร็อกอะฮ์ โดยที่เขาไม่ได้รำลึกอัลเลาะฮ์ในละหมาดเลยนอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” รายงานโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 622.
4. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถใช้กลลวงให้ท่านรีบทำอิบาดะฮ์ในรูปแบบดังกล่าวไว้ มันก็จะใช้ให้ท่านทำอิบาดะฮ์อย่างสมบูรณ์ มีความประณีต และพิถีพิถัน เพื่อให้ท่านมีความรู้สึกอยากโอ้อวดผู้คนทั้งหลายได้รับรู้ถึงอิบาดะฮ์และผลงานของท่าน ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะฮ์ทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านโต้ตอบชัยฏอนว่า “ยังไม่เพียงพออีกหรือที่อัลเลาะฮ์เห็นฉัน”
รายงานจากชัดด๊าด บิน เอาซ์ ความว่า
أَنَّهُ بَكىَ، فَقِيْلَ لَهُ: مَا يُبْكِيْكَ؟ قَالَ: شَيْئاً سَمِعْتُهُ مِنْ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُوْلُهُ فَذَكَّرْتُهُ فَأَبْكاَنِي، سَمِعْتُ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُوْلُ: أَتَخَوَّفُ عَلىَ أُمَّتِي الشِّرْكَ وَالشَّهْوَةَ الْخَفِيَّةَ، قَالَ: قُلْتُ: يَا رَسُوْلَ اللهِ أَتُشْرِكُ أُمَّتُكَ مِنْ بَعْدِكَ؟ قَالَ: نَعَمْ، أَمَا إِنَّهُمْ لاَ يَعْبُدُوْنَ شَمْساً وَلاَ قَمَراً وَلاَ حَجَراً وَلاَ وَثَناً وَلَكِنْ يُرَاؤُوْنَ بِأَعْمَالِهِمْ، وَالشَّهْوَةُ الخَفِيَّةُ أَنْ يُصْبِحَ أَحَدُهُمْ صَائِماً فَتَعَرَّضَ لَهُ شَهْوَةٌ مَنْ شَهَوَاتِهِ فَيَتْرُكُ صَوْمَهُ
“ชัดด๊าดได้ร้องไห้ จึงถูกถามว่า อะไรทำให้ท่านต้องร้องไห้กระนั้นหรือ? เขาตอบว่า ฉันได้ยินสิ่งหนึ่งจากท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เคยกล่าวไว้ แล้วฉันก็นึกถึงมันขึ้นมา จึงทำให้ฉันร้องไห้ คือฉันได้ยินท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ฉันหวั่นกลัวต่อประชาชาติของฉันเกี่ยวกับเรื่องชิริก(เล็ก)และอารมณ์ใฝ่ต่ำที่ซ่อนเร้น(ภายในจิตใจ)” ชัดด๊าดกล่าวต่อไปว่า ฉันจึงถามว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ประชาชาติของท่านจะทำชิริกหลังจากท่านเสียชีวิตกระนั้นหรือ? ท่านนบีตอบว่า “ใช่แล้ว (แต่พวกเขามิได้ทำชิริกใหญ่) กล่าวคือพวกเขาจะมิได้สักการะดวงอาทิตย์ มิได้สักการะดวงจันทร์ มิได้สักการะก้อนหิน และมิได้สักการะเจว็ด แต่พวกเขาต่างโอ้อวดในบรรดาอะมัล(กระทำชิริกเล็ก) และอารมณ์ใฝ่ต่ำที่ซ่อนเร้น ก็คือการที่คนใดจากพวกเขาได้เป็นผู้ที่ถือศีลอด แล้วอารมณ์ใฝ่ต่ำได้เกิดขึ้นแก่เขา แล้วเขาก็ละทิ้งศีลอดนั้น(ด้วยการกระทำสิ่งที่ทำให้เสียศีลอด เช่น ร่วมหลับนอนกับภรรยาและรับทานอาหารในตอนกลางวันของร่อมะฎอน)” รายงานโดยอิมามอะห์มัด, มุสนัดอะห์มัด, เล่ม 5 หน้า 105. และท่านอัลฮากิม, อัลมุสตัดร็อก, เล่ม 4 หน้า 330.
5. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถทำให้ท่านโอ้อวดได้ มันก็จะพยายามใช้กลยุทธ์ให้ท่านมีความรู้สึกลำพองตน รู้สึกว่าตนเองสมบูรณ์แล้ว และรู้สึกว่าตนเองไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ดังนั้นชัยฏอนก็จะพยายามกระซิบกระซาบในจิตใจของท่านว่า “ท่านช่างมีเกียรติจริงๆ” และ “ท่านช่างประเสริฐเหลือเกิน” ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะฮ์ทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านโต้ตอบชัยฏอนว่า “เกียรติและความประเสริฐนั้นเป็นความโปรดปรานจากอัลเลาะฮ์ไม่ใช่มาจากตัวของฉัน ดังนั้นพระองค์ต่างหากเล่าที่ชี้ทางนำและทรงทำให้อะมัลของฉันมีคุณค่าด้วยความโปรดปรานของพระองค์ และหากไม่มีความโปรดปรานของพระองค์แล้วไซร้ อะมัลที่ฉันทำนี้ก็จะไม่มีคุณค่าอะไร”
อัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงพรรณนาถึงปวงบ่าวของพระองค์ผู้มีคุณธรรมความว่า
وَالَّذِينَ يُؤْتُونَ مَا آَتَوْا وَقُلُوبُهُمْ وَجِلَةٌ أَنَّهُمْ إِلَى رَبِّهِمْ رَاجِعُونَ
“และบรรดาผู้ที่บริจาคสิ่งที่เขาได้มา โดยที่หัวใจของพวกเขามีความหวั่นเกรง(ว่าจะไม่ถูกตอบรับเพราะ)แท้จริงพวกเขาจะต้องกลับไปหาผู้อภิบาลของพวกเขา” [อัลมุอฺมินูน: 60]
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
سَأَلْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَنْ هَذِهِ الْآيَةِ [ وَالَّذِينَ يُؤْتُونَ مَا آتَوْا وَقُلُوبُهُمْ وَجِلَةٌ] قَالَتْ عَائِشَةُ أَهُمْ الَّذِينَ يَشْرَبُونَ الْخَمْرَ وَيَسْرِقُونَ قَالَ لَا يَا بِنْتَ الصِّدِّيقِ وَلَكِنَّهُمْ الَّذِينَ يَصُومُونَ وَيُصَلُّونَ وَيَتَصَدَّقُونَ وَهُمْ يَخَافُونَ أَنْ لَا يُقْبَلَ مِنْهُمْ أُولَئِكَ الَّذِينَ يُسَارِعُونَ فِي الْخَيْرَاتِ
“ฉันได้ถามท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ถึงฮายะฮ์นี้ที่ว่า “และบรรดาผู้ที่บริจาคสิ่งที่เขาได้มา โดยที่หัวใจของพวกเขามีความหวั่นเกรง” ท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ซึ่งดื่มสุราและขโมยใช่หรือไม่? ท่าร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า “ไม่ใช่หรอกโอ้ บุตรีของ(อะบูบักร)อัศศิดดีก” แต่ทว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ถือศีลอด, ทำการละหมาด, และทำการบริจาคทาน, ในลักษณะที่พวกเขารู้สึกหวั่นเกรงว่าจะไม่ถูกตอบรับจาก(อะมัล)ของพวกเขา ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นจะชอบรีบเร่งในการทำความดีทั้งหลาย”รายงานโดยอัตติรมีซีย์, ฮะดีษลำดับที่ 3175.
6. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถทำให้ท่านมีความรู้ลำพองตนและคิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่น มันก็จะมาลวงท่านด้วยกลยุทธ์ที่ร้ายกาจมากที่สุด ซึ่งผู้ที่มีหัวใจตื่นด้วยการรำลึกถึงอัลเลาะฮ์อย่างสม่ำเสมอเท่านั้นจะตระหนักรู้ได้ ก็คือ ชัยฏอนจะกระซิบกระซาบในจิตใจของท่านว่า “ท่านจงหมั่นเพียรปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ในที่ลับตาผู้คนทั้งหลายซิ เพราะต่อไปอัลเลาะฮ์ตะอาลาจะทรงเปิดเผยอะมัลนั้นให้ผู้อื่นรับรู้เอง” คือชัยฏอนมันต้องการให้ท่านได้มีความรู้สึกโอ้อวดและอยากให้ผู้อื่นเห็นอิบาดะฮ์ที่ท่านกระทำถึงแม้ว่าจะทำอิบาดะฮ์ในที่ลับตาคนก็ตาม ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะฮ์ทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านตอบโต้ชัยฏอนว่า “โอ้ เจ้าผู้ถูกสาปแช่ง เจ้าเคยมาหาฉันด้วยกลลวงในการทำลายอิบาดะฮ์ของฉัน แต่ตอนนี้เจ้ามาหาฉันด้วยกลลวงให้ฉันทำความดี แต่จริงๆ แล้วเจ้าต้องการทำลาย แท้จริงแล้วฉันคือบ่าวอัลเลาะฮ์ พระองค์คือเจ้านายของฉัน หากพระองค์ทรงประสงค์ที่จะเปิดเผยอะมัลอิบาดะฮ์ของฉัน แน่นอนพระองค์ก็จะทรงเปิดเผยมันให้ผู้อื่นได้รับทราบ และถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ที่จะซ่อนเร้นมันไว้ พระองค์ก็จะทรงปกปิดมันมิให้คนอื่นเห็น และถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ให้ฉันมีเกียรติ พระองค์ก็จะทำให้ฉันเป็นผู้มีเกียรติ และถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ให้ต่ำต้อย พระองค์ก็จะทำให้ฉันไร้เกียรติ และดังกล่าวทั้งหมดนั้นฉันขอมอบหมายยังอัลเลาะฮ์ ซึ่งฉันไม่สนใจหรอกว่า พระองค์จะเปิดเผยมันแก่ผู้คนทั้งหลายหรือว่าจะซ่อนเร้นมัน เพราะมนุษย์ไม่สามารถให้คุณและให้โทษแก่ฉันได้หรอก”
7. เมื่อชัยฏอนไม่สามารถหลอกลวงท่านได้ มันก็จะมาหลอกลวงท่านด้วยกลยุทธ์ที่ 7 โดยมันจะกล่าวแก่ท่านว่า “ท่านไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์นี้แล้ว เพราะแท้จริงหากท่านถูกสร้างมาโดยที่อัลเลาะฮ์ทรงรู้มาแต่เดิมแล้วว่าท่านเป็นชาวสวรรค์ แน่นอนว่าการละทิ้งอะมัลของท่านก็จะไม่ทำให้เกิดโทษหรอก และถ้าหากอัลเลาะฮ์รู้มาแต่เดิมแล้วว่าท่านเป็นชาวนรก การทำความดีงามก็จะไม่ยังคุณประโยชน์แก่ท่าน” ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะฮ์ทรงปกป้องท่าน พระองค์ก็จะให้ท่านโต้ตอบชัยฏอนว่า “แท้จริงฉันคือบ่าวของอัลเลาะฮ์ และจำเป็นบนบ่าวจะต้องปฏิบัติตามคำบัญชาใช้ และอัลเลาะฮ์นั้นจะทรงกำหนดตามที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และการปฏิบัติอะมัลอิบาดะอ์นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีเสมอไม่ว่าฉันจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพราะถ้าหากฉันเป็นชาวสวรรค์ ฉันก็ต้องการปฏิบัติอะมัลดังกล่าวเพื่อเพิ่มพูนผลบุญ และถ้าหากฉันเป็นชาวนรก ฉันก็ต้องการปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์อยู่ดี เพื่อฉันจะได้ไม่ต้องมาตำหนิตนเองที่ขัดคำบัญชาใช้ของอัลเลาะฮ์ และการที่ฉันได้เข้านรกโดยฉันฏออัตภักดีในโลกดุนยานี้ ย่อมเป็นที่ปรารถนาสำหรับฉันยิ่งกว่าการเข้านรกโดยฉันฝ่าฝืน แต่ทว่าสัญญาของอัลเลาะฮ์นั้นสัจจริงเสมอ คือพระองค์ทรงสัญญาว่าการปฏิบัติอิบาดะฮ์นั้นจะได้ผลบุญ ดังนั้นผู้ใดที่พบกับอัลเลาะฮ์ในวันกิยามะฮ์โดยมีอีหม่านและปฏิบัติความดีงาม เขาย่อมไม่เข้านรก แต่เขาจะได้เข้าสวรรค์ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่า
وَقَالُوا الْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِي صَدَقَنَا وَعْدَهُ
“และพวกเขากล่าวว่า มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮ์ผู้ทรงซึ่งสัจจริงแก่พวกเราเกี่ยวกับสัญญาของพระองค์” [อัซซุมัร: 74]
พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า
إِنَّ اللَّهَ لَا يُخْلِفُ الْمِيعَادَ
“แท้จริงอัลเลาะฮ์ไม่ทรงผิดสัญญา” [อัรเราะอฺ: 31]
وَاللهُ تَعَالَى أَعْلَى وَأَعْلَمُ
tags:
แสดงความคิดเห็น