ละหมาดอัตตัสบีหฺ (ตอนที่หนึ่ง)

คำนำ

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ أَحْمَدُ اللهَ عَلَى نِعَمِهِ وَآلاَئِهِ، وَأُصَلِّي وَأُسَلِّمُ عَلَى نَبِيِّهِ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ أجْمَعِيْنَ

การละหมาดอัตตัสบีหฺ เป็นละหมาดสุนัตหนึ่งที่มุสลิมสมควรนำมาปฏิบัติเพื่อสร้างรักและความใกล้ชิดอัลลอฮฺตะอาลา ให้มากยิ่งขึ้น ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ได้ทรงตรัสไว้ในหะดีษกุดซีย์ว่า “ผู้ใดที่เป็นศัตรูกับวะลีย์ของข้า ข้าก็จะประกาศรบกับเขา และไม่มีสิ่งใดที่บ่าวของข้าได้สร้างความใกล้ชิดยังข้าด้วยกับสิ่งหนึ่งที่ข้ารักยิ่งมากไปกว่าสิ่งที่ข้าได้กำหนดฟัรฎูแก่เขา และบ่าวของข้าก็ยังคงสร้างความใกล้ชิดยังข้าด้วยบรรดาอะมัลที่เป็นสุนัตจนกระทั่งข้ารักเขา” 1

อนึ่ง ปราชญ์ส่วนมากที่ทราบถึงหะดีษเกี่ยวกับการละหมาดอัตตัสบีหฺนั้น พวกเขาได้ให้ความสำคัญกับการละหมาดอัตตัสบีหฺเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นหะดีษที่ศ่อฮีหฺหรือหะซันตามหลักวิชาการพิจารณาหะดีษ จนกระทั่งปราชญ์มุหักกิกีนบางส่วนได้กล่าวว่า “ผู้ใดที่ได้ยินถึงความยิ่งใหญ่ของภาคผลที่มีรายงานมาเกี่ยวกับเรื่องละหมาดอัตตัสบีหฺ หลังจากนั้นเขาแสร้างทำเป็นลืม แน่นอนว่าเขานั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นผู้ที่ทำเบาความในเรื่องศาสนาอีกทั้งไม่ให้ความสนใจกิจวัตรของเหล่าผู้มีคุณธรรม” 2

ดังนั้นผู้เขียนปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมในความสำคัญและความดีงามเกี่ยวกับการละหมาดอัตตัสบีหฺ โดยศรัทธามั่นและปรารถนาในความโปรดปรานและความเมตตาจากอัลลอฮฺตะอาลาเกี่ยวกับภาคผลของการละหมาดอัตตัสบีหฺนี้ จึงทำการเขียนเรื่องละหมาดอัตตัสบีหฺแบบพอสังเขปเพื่อเป็นผลประโยชน์แก่ผู้เขียนและพี่น้องมุสลิมผู้ใฝ่หาความดีงามโดยทั่วกัน

บ่าวผู้ต่ำต้อย
อาริฟีน แสงวิมาน
สถาบันอัลกุดวะฮ์

การละหมาดอัตตัสบีหฺ

ฮุกุ่มของละหมาดอัตตัสบีหฺ

การละหมาดอัตตัสบีหฺเป็นซุนนะฮ์ที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แนะนำให้กระทำ เพราะมีหะดีษที่ศ่อฮีหฺหรือหะซันได้รายงานเกี่ยวกับการละหมาดดังกล่าวดังที่ผู้เขียนจะนำเสนอรายละเอียดต่อไป อินชาอัลลอฮฺ

เวลาของละหมาด

การละหมาดอัตตัสบีหฺ ไม่ได้ถูกกำหนดเวลาเป็นการเฉพาะ และมุสตะหับ(ส่งเสริม)ให้กระทำวันละ 1 ครั้ง และหากไม่มีความสามารถก็ให้กระทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และหากไม่มีความสามารถก็ให้กระทำเดือนละ 1 ครั้ง และหากไม่มีความสามารถก็ให้กระทำปีละ 1 ครั้ง และหากไม่มีความสามารถก็ให้กระทำสัก 1 ครั้งในชีวิต3

ส่วนกรณีที่มีกุศโลบายหรือมีวิธีคิดที่ชาญฉลาด ด้วยการรวบรวมผู้คนให้ละหมาดอัตตัสบีหฺในคืนสุดท้ายของเดือนร่อมะฎอนเพื่อรอการประกาศการดูเดือน ซึ่งหากไม่เห็นเดือนก็จะทำละหมาดตะรอวิห์และถ้าหากเห็นเดือนก็จะไม่ปล่อยเวลาให้ว่างเปล่าจากอิบาดะฮ์ในค่ำคืนนั้น หรือหลังจากถือศีลอด 6 วันของเดือนเชาวาล ถือว่าเป็นการดำริแนวทางที่ดีงามในอิสลาม เนื่องจากเป็นการส่งเสริมให้บางคนที่ไม่ค่อยได้ละหมาดอัตตัสบีหฺได้มีโอกาสทำการละหมาดร่วมกัน แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องไม่คิดว่าการกำหนดช่วงวันเวลาดังกล่าวเป็นสิ่งที่วาญิบหรือเป็นสิ่งที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เจาะจงกระทำไว้

จำนวนร็อกอะฮ์

ละหมาดอัตตัสบีหฺมี 4 ร็อกอะฮ์ หากละหมาดตอนกลางวัน สมควรละหมาด 4 ร็อกอะฮ์โดยให้สะลามครั้งเดียว และหากละหมาดกลางคืนก็ให้สะลาม 2 ครั้ง โดยทำทีละ 2 ร็อกอะฮ์4 แล้วให้สะลาม

กรณีของละหมาดอัตตัสบีหฺโดยให้สะลามครั้งเดียวนั้นสามารถเลือกกระทำได้ 2 แบบ คือ

  1. ทำละหมาดอัตตัสบีหฺ 4 ร็อกอะฮ์ ด้วยการอ่านตะชะฮุดครั้งเดียวในร็อกอะฮ์ที่ 4 แล้วให้สะลาม

  2. ทำละหมาดอัตตัสบีหฺ 4 ร็อกอะฮ์ ด้วยการอ่านตะชะฮุด 2 ครั้ง แล้วให้สลามหลังตะชะฮุดครั้งที่ 2 ในร็อกอะฮ์ที่ 4 ซึ่งทำเหมือนกับละหมาดซุฮ์ริ

ท่านอัลลามะฮ์ อัลบักรีย์ อัลดิมยาฏีย์ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า

قَدْ تَقَدَّمَ فِيْ كَلاَمِ الْغَزَّالِيِّ أَنَّهُ إِنْ صَلَّاهَا نَهَاراً فَبِتَسْلِيْمَةٍ وَاحِدَةٍ وَإِنْ صَلَّاهَا لَيْلاً فَبِتَسْلِيْمَتَيْنِ وَقَالَ النَّوَوِيُّ فِي الأَذْكَارِ عَنِ ابْنِ الْمُبَارَكِ فَإِنْ صَلَّاهَا لَيْلاً فَأَحَبُّ إِلَيَّ أَنْ يُسَلِّمَ مِنْ كُلِّ رَكْعَتَيْنِ وَإِنْ صَلَّاهَا نَهَاراً فَإِنْ شَاءَ سَلَّمَ وَإِنْ شَاءَ لَمْ يُسَلِّمْ وَعَلَى أَنَّهَا بِتَسْلِيْمَةٍ وَاحِدَةٍ لَهُ أَنْ يَفْعَلَهَا بِتَشَهُّدٍ وَاحِدٍ وَلَهُ أَنْ يَفْعَلَهَا بِتَشَهُّدَيْنِ كَصَلاَةِ الظُّهْرِ

“ได้กล่าวผ่านมาแล้วในคำพูดของท่านอัลฆ่อซาลีย์ ความว่า แท้จริงหากเขาละหมาดอัตตัสบีหฺกลางคืน ก็ให้ละหมาดด้วยการให้สะลามเพียงครั้งเดียว และหากเขาละหมาดตอนกลางคืน ก็ละหมาดด้วยการให้สะลาม 2 ครั้ง และท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสืออัลอัซการของท่านจากท่านอิบนุ อัลมุบาร็อก ว่า “ถ้าหากเขาละหมาดอัตตัสบีหฺตอนกลางคืน ที่รักยิ่งยังฉันแล้ว คือให้สะลามในทุกๆ 2 ร็อกอะฮ์ และกรณีหากละหมาดตอนกลางวันนั้น หากเขาต้องการ(จะให้สะลามทุกๆ 2 ร็อกอะฮ์) ก็ให้เขาทำการสะลาม (ทุกๆ สองร็อกอะฮ์) และถ้าหากเขาต้องการ(ไม่ให้สะลามในทุกๆ 2 ร็อกอะฮ์) ก็ไม่ต้องให้สะลาม(แต่ให้สะลามครั้งเดียวในร็อกอะฮ์สุดท้าย) และการละหมาดด้วยการให้สะลามครั้งเดียวนั้น ก็อนุญาตให้เขาทำละหมาดด้วยการอ่านตะชะฮุดครั้งเดียวและอนุญาตให้เขาทำละหมาดด้วยการอ่านตะชะฮุด 2 ครั้งเหมือนกับการละหมาดซุฮ์ริ”5

วิธีการละหมาด

สำหรับผู้ที่ละหมาดอัตตัสบีหฺทีเดียว 4 ร็อกอะฮ์ ก็ให้เหนียตว่า “ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตอัตตัสบีหฺ 4 ร็อกอะฮ์เพื่ออัลลอฮฺตะอาลา” และหากละหมาดทีละ 2 ร็อกอะฮ์ ก็ให้เหนียตว่า “ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตอัตตัสบีหฺ 2 ร็อกอะฮ์เพื่ออัลลอฮฺตะอาลา”

ร็อกอะฮ์แรกอ่านอัลฟาติหะฮ์และอ่านซูเราะฮ์อัตตะกาษุร ร็อกอะฮ์ที่สองอ่านอัลฟาติหะฮ์และอ่านซูเราะฮ์อัลอัศริ ร็อกอะฮ์ที่สามอ่านอัลฟาติหะฮ์และซูเราะฮ์อัลกาฟิรูน และร็อกอะฮ์ที่สี่อ่านอัลฟาติหะฮ์และซูเราะฮ์อัลอิคลาศ6 หรืออ่านซูเราะฮ์ใดก็ตามที่สะดวก

ผู้ที่ละหมาดอัตตัสบีหฺในทุกๆ ร็อกอะฮ์นั้น ให้เขาทำการกล่าวตัสบีหฺ 75 ครั้ง คือให้กล่าวว่า

سُبْحَانَ اللهِ وَالْحَمْدُ للهِ وَلاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ وَاللهُ أَكْبَرُ وَلاَ حَوْلَ وَلاَ قُوَّةَ إِلاَّ بِاللهِ الْعَلِيِّ الْعَظِيْمِ

ซุบหานัลลอฮฺ วัลหัมดุลิลลาฮฺ วะลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วัลลอฮุอักบัร วะลาเฮาล่าวะลากู้วะต้า อิลลาบิลลาฮิลอะลียิลอะซีม

ขั้นตอนทำละหมาดมีดังนี้

  1. เหนียตพร้อมกล่าวตักบีร แล้วอ่านอัลฟาติหะฮ์และซูเราะฮ์ หลังจากนั้นให้กล่าวตัสบีหฺ 15 ครั้ง

  2. โค้งรุกูอฺ แล้วอ่าน “ซุบหานะร็อบบิยัลอะซีมวะบิหัมดิฮ์” 3 ครั้ง หลังจากนั้นให้กล่าวตัสบีหฺ 10 ครั้ง

  3. เงยศีรษะขึ้นมาจากรุกูอฺ (อิอฺติดาล) แล้วกล่าว “ร็อบบะนาวะละกัลหัมดุ” หลังจากนั้นให้กล่าวตัสบีหฺ 10 ครั้ง

  4. กุ้มลงสุญูดครั้งที่ 1 แล้วอ่าน “ซุบหานะร็อบบิยัลอะอฺลาวะบิหัมดิฮ์” 3 ครั้ง หลังจากนั้นให้กล่าวตัสบีหฺ 10 ครั้ง

  5. เงยศีรษะขึ้นมานั่งระหว่างสองสุญูด แล้วอ่าน “ร็อบบิฆฟิรลี” หรือเพิ่ม “วัรหัมนี วัรฟะอฺนี วัรซุกนี วะฮ์ดินี วะอาฟินี วะอฺฟุอันนี” หลังจากนั้นให้กล่าวตัสบีหฺ 10 ครั้ง

  6. ก้มลงสุญูดครั้งที่ 2 แล้วอ่าน “ซุบหานะร็อบบิยัลอะอฺลาวะบิหัมดิฮ์” 3 ครั้ง หลังจากนั้นให้อ่านตัสบีหฺ 10 ครั้ง

  7. เงยศีรษะขึ้นมานั่งพักครู่หนึ่ง แล้วกล่าวตัสบีหฺ 10 ครั้ง หลังจากนั้นก็ยืนขึ้นละหมาดร็อกอะฮ์ต่อไป แต่ถ้าหากเงยศีรษะขึ้นมาจากสุยูดครั้งที่ 2 ในร็อกอะฮ์ที่ 2 หรือร็อกอะฮ์ที่ 4 ก็ให้กล่าวตัสบีหฺ 10 ครั้ง หลังจากนั้นอ่านตะชะฮุด และหลังจากนั้นก็ให้สะลาม7

ดังนั้นการกล่าวตัสบีหฺทั้งหมดในหนึ่งร็อกอะฮ์ตามวิธีการดังกล่าวรวมเป็น 75 ครั้ง ฉะนั้นถ้าหากละหมาด 4 ร็อกอะฮ์ ก็เป็นการกล่าวตัสบีหฺ 300 ครั้งพอดี และนี่ก็คือวิธีการละหมาดที่ง่ายและมีน้ำหนักมากที่สุด 8

หลักฐานการละหมาดอัตตัสบีหฺ

หะดีษที่กล่าวถึงการละหมาดตัสบีหฺนั้น ผู้ที่ได้รายงานจากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็คือท่านอิบนุอับบาส, ท่านอัลฟัฎล์ บิน อัลอับบาส, ท่านอับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบ, ท่านอะลีย์ บิน อะบีฏอลิบ, ท่านญะอฺฟัร บิน อะบีฏอลิบ, ท่านอัลอับบาส บิน ญะอฺฟัร, ท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์, ชาวอัลอันศอรีย์คนหนึ่ง (ขออัลลอฮฺทรงพึงพอพระทัยต่อพวกเขาด้วยเถิด) และได้รายงานหะดิษแบบมุรซัล โดยท่านมุฮัมมัด บิน กะอับอัลกุรซีย์, ท่านอะบุลเญาซาอฺ, ท่านมุญาฮิด, ท่านอิสมาอีล บิน ร่อฟีอฺ, ท่านอุรวะฮ์ บิน รุวัยม์ และสายรายงานที่ดีที่สุดจากบรรดาสายรายงานเหล่านี้ คือหะดีษที่รายงานโดยท่านอิบนุอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา

ท่านอิหม่ามมุสลิม ได้กล่าวว่า

لاَ يُرْوَى فِيْ هَذَا الْحَدِيْثِ إِسْنَادٌ أَحْسَنُ مِنْ هَذَا يَعْنِي إِسْنَادَ حَدِيْثِ عِكْرِمَةَ عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ

“เกี่ยวหะดีษ (ละหมาดอัตตัสบีหฺ) นี้ไม่มีสายรายงานใดที่ดีที่สุดยิ่งไปกว่าสายรายงานของอิกริมะฮ์จากท่านอิบนุอับบาส”9

และหะดีษของท่านอิบนุอับบาสนั้น มีสายรายงานมากมายซึ่งสายรายงานที่ดีที่สุดก็คือ ตัวบทหะดีษความว่า:

‏حَدَّثَنَا ‏ ‏عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ بِشْرِ بْنِ الْحَكَمِ النَّيْسَابُورِيُّ ‏ ‏حَدَّثَنَا ‏ ‏مُوسَى بْنُ عَبْدِ الْعَزِيزِ ‏ ‏حَدَّثَنَا ‏ ‏الْحَكَمُ بْنُ أَبَانَ ‏ ‏عَنْ ‏ ‏عِكْرِمَةَ ‏ ‏عَنْ ‏ ‏ابْنِ عَبَّاس ٍ‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏لِلْعَبَّاسِ بْنِ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ ‏ ‏يَا ‏ ‏عَبَّاسُ ‏ ‏يَا عَمَّاهُ أَلَا أُعْطِيكَ أَلَا أَمْنَحُكَ أَلَا ‏ ‏أَحْبُوكَ ‏ ‏أَلَا أَفْعَلُ بِكَ عَشْرَ خِصَالٍ إِذَا أَنْتَ فَعَلْتَ ذَلِكَ غَفَرَ اللَّهُ لَكَ ذَنْبَكَ أَوَّلَهُ وَآخِرَهُ قَدِيمَهُ وَحَدِيثَهُ خَطَأَهُ وَعَمْدَهُ صَغِيرَهُ وَكَبِيرَهُ سِرَّهُ وَعَلَانِيَتَهُ عَشْرَ خِصَالٍ أَنْ ‏ ‏تُصَلِّيَ أَرْبَعَ رَكَعَاتٍ تَقْرَأُ فِي كُلِّ رَكْعَةٍ ‏ ‏فَاتِحَةَ الْكِتَابِ ‏ ‏وَسُورَةً فَإِذَا فَرَغْتَ مِنْ الْقِرَاءَةِ فِي أَوَّلِ رَكْعَةٍ وَأَنْتَ قَائِمٌ قُلْتَ سُبْحَانَ اللَّهِ وَالْحَمْدُ لِلَّهِ وَلَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَاللَّهُ أَكْبَرُ خَمْسَ عَشْرَةَ مَرَّةً ثُمَّ تَرْكَعُ فَتَقُولُهَا وَأَنْتَ رَاكِعٌ عَشْرًا ثُمَّ تَرْفَعُ رَأْسَكَ مِنْ الرُّكُوعِ فَتَقُولُهَا عَشْرًا ثُمَّ تَهْوِي سَاجِدًا فَتَقُولُهَا وَأَنْتَ سَاجِدٌ عَشْرًا ثُمَّ تَرْفَعُ رَأْسَكَ مِنْ السُّجُودِ فَتَقُولُهَا عَشْرًا ثُمَّ تَسْجُدُ فَتَقُولُهَا عَشْرًا ثُمَّ تَرْفَعُ رَأْسَكَ فَتَقُولُهَا عَشْرًا فَذَلِكَ خَمْسٌ وَسَبْعُونَ فِي كُلِّ رَكْعَةٍ تَفْعَلُ ذَلِكَ فِي أَرْبَعِ رَكَعَاتٍ إِنْ اسْتَطَعْتَ أَنْ تُصَلِّيَهَا فِي كُلِّ يَوْمٍ مَرَّةً فَافْعَلْ فَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَفِي كُلِّ جُمُعَةٍ مَرَّةً فَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَفِي كُلِّ شَهْرٍ مَرَّةً فَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَفِي كُلِّ سَنَةٍ مَرَّةً فَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَفِي عُمُرِكَ مَرَّةً

“ได้เล่าให้เราทราบโดยอับดุรเราะห์มาน บิน บิชร์ บิน อัลฮะกัม อันนัยซาบูรีย์ ได้เล่าให้ทราบโดย มูซา บิน อับดุลอะซีซ ได้เล่าให้ทราบโดย อัลฮะกัม บิน อะบาน จาก อิกริมะฮ์ จากท่านอิบนุอับบาส ว่า “แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวแก่ท่านอัลอับบาส บิน อับดิลมุฏฏอลิบ ว่า โอ้ ท่านอับบาส โอ้ น้าชายของฉัน ท่านพึงทราบเถิด ฉันจะมอบเป็นกำนัลแก่ท่าน? ท่านพึงทราบเถิด ท่านจะกระทำเพื่อ (เป็นความดีงามแก่) ท่าน? กับ 10 ประการ เมื่อท่านได้กระทำสิ่งดังกล่าว อัลลอฮฺก็จะอภัยโทษแก่ท่านซึ่ง (1)บาปแรกและ (2)บาปสุดท้าย (3)บาปที่ล่วงผ่านมาแล้วและ (4)บาปที่เพิ่งเกิดขึ้น (5)บาปที่ผิดพลาดและ (6)บาปที่เจตนา (7)เป็นบาปเล็กและ (8)บาปใหญ่ (9)เป็นบาปซ่อนเร้นและ (10)บาปที่เปิดเผย คือให้ท่านทำการละหมาดสี่ร็อกอะฮ์ ซึ่งในร็อกอะฮ์แรกให้ท่านอ่านอัลฟาติฮะฮ์และหนึ่งซูเราะฮ์ เมื่อเสร็จจากการอ่านในร็อกอะฮ์แรกในสภาพที่ท่านยืนอยู่นั้น ก็ให้ท่านกล่าว ‘ซุบหานัลลอฮฺ วัลฮัมดุลิลลาฮฺ วะลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วัลลอฮุอักบัร’ จงกล่าวมัน 15 ครั้ง หลังจากนั้นให้ท่านทำการโค้งรุกูอฺแล้วทำการกล่าวมัน 10 ครั้ง หลังจากนั้นเมื่อท่านเงยศีรษะจากรุกูอฺ ก็ให้ท่านกล่าวมัน 10 ครั้ง หลังจากนั้นเมื่อท่านก้มลงสุญูด ก็ให้ท่านกล่าวมัน 10 ครั้ง หลังจากนั้นเมื่อท่านเงยศีรษะจากสุญูด ก็ให้ท่านกล่าวมัน 10 ครั้ง หลังจากนั้นให้ท่านทำการสุญูดแล้วกล่าวมัน 10 ครั้ง หลังจากนั้นเมื่อท่านเงยศีรษะจากสุญูด ก็ให้กล่าวมัน 10 ครั้ง ดังกล่าวก็เป็น 75 ครั้งในทุกๆ ร็อกอะฮ์ โดยให้ท่านกระทำสิ่งดังกล่าวใน 4 ร่อกะอัต ดังนั้นหากท่านมีความสามารถที่จะละหมาดมันทุกวัน ก็จงกระทำเถิด และหากท่านไม่สามารถกระทำได้ ก็ให้ท่านกระทำในทุกๆ วันศุกร์สักหนึ่งครั้ง และหากท่านไม่สามารถกระทำได้ ก็ให้กระทำทุกๆ หนึ่งเดือนสักหนึ่งครั้ง และหากท่านไม่สามารถกระทำได้ ก็ให้กระทำทุกๆ หนึ่งปีสักหนึ่งครั้ง และหากท่านไม่มีความสามารถ ก็ให้กระทำสักครั้งหนึ่งในชีวิตของท่าน”10

บรรดาปราชญ์นักจำหะดีษ11 ที่ตัดสินหะดีษนี้ “ศ่อฮีหฺ” คือ ท่านอะหฺมัด บิน หัมบัล, ท่านอะบูดาวูด, ท่านอะบูอะลีย์ บิน สะกัน, ท่านอิบนุมันดะฮ์, ท่านอัลหากิม, ท่านอะบูบักร อัลอาญูรรีย์, ท่านอะบูบักร บิน อะบีดาวูด, ท่านอะบูมูซา อัลมะดีนีย์, ท่านอัดดัยละมีย์ เจ้าของหนังสือมุสนัด อัลฟิรเดาส์, ท่านอัลค่อฏีบ อัลบัฆดาดีย์, ท่านอะบูสะอัด อัสสัมอานีย์, ท่านอะบุลหะซัน บิน อัลมุฟัฎฎ็อล, ท่านอะบูมุฮัมมัด อับดุรร่อฮีม อัลมิศรีย์, ท่านสิรอญุดดีน อัลบุลกินีย์, ท่านศ่อลาหุดดีน อัลอะลาอีย์, ท่านบัดรุดดีน อัซซัรกาชีย์, ท่านอิบนุ นาศิรุดดีน อัดดิมิชกีย์, ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์, ท่านอัสสุยูฏีย์ และท่านอัซซะบีดีย์

และบรรดาปราชญ์นักจำหะดีษที่ตัดสินหะดีษนี้ “หะซัน” คือ ท่านอัลบะฆ่อวีย์, ท่านอัลมุนซิรีย์, ท่านอิบนุอัศศ่อลาห์, ท่านอันนะวาวีย์ ในหนังสือตะฮ์ซีบ อัลอัสมาอฺ วัลลุฆ็อต และหนังสืออัลอัซการ, ท่านตะกียุดดีน อัซซุบกีย์, ท่านตาญุดดีน อัซซุบกีย์, ท่านอิบนุหะญัร ในหนังสืออะมาลีย์ อัลอัซการ และท่านอัสสุยูฏีย์ ในหนังสือมิรกอฮ์ อัศศุอูด12

ดังนั้นหะดีษละหมาดอัตตัสบีหฺจึงอยู่ในระดับศ่อฮีหฺหรือหะซัน ซึ่งเป็นทัศนะที่มีน้ำหนักที่สุดตามหลักการพิจารณาหะดีษ


  1. รายงานโดยอัลบุคอรีย์, หะดีษเลขที่ 6137. ↩︎

  2. อัซซะบีดีย์, อิตหาฟ อัสสาดาต อัลมุตตะกีน บิชัรห์ อิหฺยาอฺ อุลูมิดดีน, เล่ม 3, หน้า 481. ↩︎

  3. อัลฆ่อซาลีย์, อิห์ยาอฺ อัลอุลูมิดดีน, เล่ม 1, หน้า 195. ↩︎

  4. เพราะท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ละหมาดตอนกลางคืนนั้น ทำทีละสอง ทำทีละสอง” รายงานโดยอัลบุคอรีย์, หะดีษเลขที่ 993. และมุสลิม, หะดีษเลขที่ 749. ↩︎

  5. อะบูบักร อุษมาน บิน มุฮัมมัด ชัฏฏอ อัดดิมยาฏีย์ อัลบักรีย์, หาชียะฮ์ อิอานะฮ์ อัฏฏอลิบีน, เล่ม 1, หน้า 442. อัซซะบีดีย์, อิตหาฟ อัสสาดาต อัลมุตตะกีน บิชัรห์ อิหฺยาอฺ อุลูมิดดีน, เล่ม 3, หน้า 475. ↩︎

  6. อะบูบักร อุษมาน บิน มุฮัมมัด ชัฏฏอ อัดดิมยาฏีย์ อัลบักรีย์, หาชียะฮ์ อิอานะฮ์ อัฏฏอลิบีน, เล่ม 1, หน้า 411. ↩︎

  7. อัลฆ่อซาลีย์, อิห์ยาอฺ อัลอุลูมิดดีน, เล่ม 1, หน้า 196. อัซซะบีดีย์, อิตหาฟ อัสสาดาต อัลมุตตะกีน บิชัรห์ อิหฺยาอฺ อุลูมิดดีน, เล่ม 3, หน้า 475-476. ↩︎

  8. อัลลักนาวีย์, อัลอาษาร อัลมัรฟูอะฮ์, หน้า 141. ↩︎

  9. อันมุนซิรีย์, อัตตัรฆีบ วะ อัตตัรฮีบ, เล่ม 1, หน้า 268. คำกล่าวของท่านอิมามมุสลิมนี้ มิใช่เป็นสำนวนบ่งชี้ว่า หะดีษละหมาดอัตตัสบีห์ อยู่ในระดับหะดีษศ่อฮีหฺ แต่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่านั้น คือหะดีษหะซัน อินชาอัลลอฮฺ. ↩︎

  10. หะดีษนี้รายงานโดยท่านอะบูดาวูด, สุนันอะบูดาวูด, หะดีษเลขที่, 1297-1298, เล่ม 2, หน้า 46-47, ท่านอิบนุมาญะฮ์, สุนันอิบนุมาญะฮ์, หะดีษเลขที่, 1386-1387, เล่ม 1, หน้า 442-443, ท่านอิบนุคุซัยมะฮ์, ศ่อฮีหฺอิบนุคุซัยมะฮ์, เล่ม 2 หน้า 223, ท่านอัลฮากิม, อัลมุสตัดร็อก, เล่ม 1, หน้า 318, ท่านอัลบัยฮะกีย์, อัสสุนันอัลกุบรอ, เล่ม 3 หน้า 51, และนักรายงานท่านอื่นๆ. ↩︎

  11. ผู้เขียนขอนำเสนอตัดสินหะดีษจากบรรดาปราชญ์นักท่องจำหะดีษเท่านั้น ส่วนนักหะดีษรุ่นหลังที่ไม่จำหะดีษ ก็ของดไว้ในตรงนี้เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่เป็นนักวิจารณ์หะดีษแบบดั้งเดิม. ↩︎

  12. ดู อิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์, อะมาลี อัลอัซการ ฟี ฟัฎศ่อลาฮ์ อัตตัสบีหฺ, หน้า 42. อิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์, อัตตัลคีศ อัลหะบีร, เล่ม 2, หน้า 7. อิบนุอัลลาน, อัลฟุตูหาต อัรร็อบบานียะฮ์ อะลา อัลอัซการ อันนะวาวียะฮ์, เล่ม 4, หน้า 308. อัซซะบีดีย์, อิตหาฟ อัสสาดาต อัลมุตตะกีน บิชัรห์ อิหฺยาอฺ อุลูมิดดีน, เล่ม 3, หน้า 473. อัสสุยูฏีย์, อัลละอาลิอฺ อัลมัศนูอะฮ์, เล่ม 2, หน้า 23. อิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์, อัจญฺวิบะฮ์ อัลฮาฟิซฺ อะลัล อะหาดีษ อัลมุนตะก่อดะฮ์ อะลัลมิชกาฮฺ, เล่ม 3, หน้า 1779. อัลลักนาวีย์, อัลอาษาร อัลมัรฟูอะฮ์, หน้า 123-130. อัลมุนซิรีย์, อัตตัรฆีบ วะ อัตตัรฮีบ, เล่ม 1, หน้า 470. อันบันนูรีย์, มะอาริฟ อัสสุนัน ชัรห์ สุนัน อัตติรมีซีย์, เล่ม 4, หน้า 282. ↩︎

แสดงความคิดเห็น

ติดตามได้ทาง