
ท่านอบูบักร อัลวัรร็อก อัลบัลคีย์ กล่าวว่า
شَهْرُ رَجَبٍ شَهْرُ الزَّرْعِ، وَشَهْرُ شَعْبَانَ شَهْرُ سَقْيِ الزَّرْعِ، وَشَهْرُ رَمَضَانَ شَهْرُ حَصَادِ الزَّرْعِ
“เดือนร่อญับ เป็นเดือนแห่งการเพาะปลูก เดือนชะอฺบานเป็นเดือนแห่งการรดน้ำพรวนดิน และเดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งการเก็บเกี่ยว” อิบนุร่อญับ, ละฏออิฟ อัลมะอาริฟ, หน้า 292.
การเก็บเกี่ยวคุณงามความดีในเดือนร่อมะฎอนอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องมีการรดน้ําพรวนดินและตระเตรียมตนเองในเดือนชะอฺอบานด้วยการปฏิบัติอิบาดะฮ์ ดังนั้นการเตรียมตัวในเดือนชะอฺบานสู่เดือนร่อมะฎอนมีข้อแนะนําดังนี้:
หนึ่ง: ทําการเตาบะฮ์ในเดือนชะอฺบานอย่างบริสุทธิ์ใจ
อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงเรียกร้องเราอยู่ตลอดเวลาว่า
وَتُوبُوا إِلَى اللَّهِ جَمِيعًا أَيُّهَا الْمُؤْمِنُونَ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُو
“และพวกเจ้าทั้งหมดจงเตาบะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์เถิด โอ้เหล่าผู้มีศรัทธาเอ๋ย เพื่อพวกเจ้าจะได้สมหวัง” [อันนูร: 31]
พระองค์ยังคงเรียกบ่าวอยู่ตลอดเวลาว่า
يَا عِبَادِي إِنَّكُمْ تُخْطِئُونَ بِاللَّيْلِ وَالنَّهَارِ وَأَنَا أَغْفِرُ الذُّنُوبَ جَمِيعًا فَاسْتَغْفِرُونِي أَغْفِرْ لَكُمْ
“โอ้ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย พวกเจ้ากำลังกระทำความผิดทั้งกลางวันและกลางคืน ข้าจะอภัยบรรดาบาปทั้งหมด ดังนั้นพวกเจ้าจงมาขออภัยโทษกับข้าเถิด แล้วข้าก็จะอภัยโทษให้พวกเจ้า” หะดีษอัลกุดซีย์ รายงานโดยมุสลิม, หะดีษเลขที่ 2077.
เนื่องจากบาปมีผลต่อหัวใจโดยตรง โดยมันจะทำให้เกิดมลทินและความไม่บริสุทธิ์ อัลลาะฮ์ ตะอาลาได้ตรัสไว้ว่า
كَلاَّ بَلْ رَانَ عَلَى قُلُوبِهِم مَّا كَانُوا يَكْسِبُونَ
“หามิได้ แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขาได้พากเพียร(ความชั่ว)เอาไว้ได้ตรึงประทับ(เป็นสนิม)อยู่บนหัวใจของพวกเขา” [อัลมุฏอฟฟิฟีน: 14]
และท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
تُعْرَضُ الْفِتَنُ عَلَى الْقُلُوبِ كَالْحَصِيرِ عُودًا عُودًا فَأَيُّ قَلْبٍ أُشْرِبَهَا نُكِتَ فِيهِ نُكْتَةٌ سَوْدَاءُ وَأَيُّ قَلْبٍ أَنْكَرَهَا نُكِتَ فِيهِ نُكْتَةٌ بَيْضَاءُ حَتَّى تَصِيرَ عَلَى قَلْبَيْنِ عَلَى أَبْيَضَ مِثْلِ الصَّفَا فَلَا تَضُرُّهُ فِتْنَةٌ مَا دَامَتْ السَّمَاوَاتُ وَالْأَرْضُ وَالْآخَرُ أَسْوَدُ مُرْبَادًّا كَالْكُوزِ مُجَخِّيًا لَا يَعْرِفُ مَعْرُوفًا وَلَا يُنْكِرُ مُنْكَرًا إِلَّا مَا أُشْرِبَ مِنْ هَوَاهُ
“บรรดาฟิตนะห์(เช่น บาป)จะแนบติดหัวใจทีละนิดทีละน้อยดั่งเสื่อถักที่แนบติด(กับคนนอนหลับจนเห็นรอยเสื่อ) แล้วหัวใจดวงใดที่ดื่มด่ำฟิตนะห์(บาป) มันก็จะกลายเป็นจุดดำขึ้นในหัวใจดวงนั้น แต่หัวใจดวงใดที่ปฏิเสธ(จากฟิตนะฮ์) มันก็จะเกิดเป็นจุดขาว(มีนูรรัศมี)ขึ้นในหัวใจ จนทำให้หัวใจนั้นกลายเป็นสองซีกด้วยกัน โดยทางซีกขาวก็เหมือนกับหินแววใส ซึ่งฟิตนะห์ไม่สามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปได้ตราบฟ้าดินสลาย ส่วนทางซีกดำนั้นจะดำหม่นหมอง เสมือนกับเหยือกน้ำที่คว่ำไว้ (ไร้ประโยชน์) ที่ไม่สามารถรับรู้ดีชั่วหรือถูกผิด นอกจากจะดื่มด่ำกับอารมณ์ใฝ่ต่ำเท่านั้น” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษเลขที่ 144.
ดังนั้นเมื่อหัวใจมีความสกปรกไปด้วยบาป แล้วหัวใจจะเข้าหาอัลเลาะฮ์อย่างแท้จริงได้อย่างไร? ในเมื่อท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
إِنَّ اللهَ طَيِّبٌ لاَ يَقْبَلُ اِلاَّ طَيِّباً
“แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์ พระองค์จะไม่ทรงตอบรับนอกจากสิ่งที่บริสุทธิ์” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษเลขที่ 1015.
สอง: ขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาให้อยู่ถึงเดือนร่อมะฎอน
ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ขอดุอาว่า
اَللَّهُمَّ بَارِكْ لَنَا فِيْ رَجَبٍ وَشَعْبَانَ وَبَلِّغْنَا رَمَضَانَ
“โอ้อัลเลาะฮ์ พระองค์โปรดทรงประทานความจำเริญแก่เราในเดือนร่อญับและเดือนชะอฺบานด้วยเถิด และโปรดทรงให้เราไปถึงเดือนร่อมะฎอนด้วยเถิด” รายงานโดยท่านอะห์มัด, อัลมุสนัด, เล่ม 1 หน้า 259. และท่านอัลบัยฮะกีย์, หนังสือชุอะบุลอีมาน เล่ม 3 หน้า 375. และหะดีษนี้สายรายงานฎ่ออีฟ แต่สามารถนำมาใช้ได้ในเรื่องคุณงามความดีเนื่องจากเกี่ยวกับการขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา.
ท่านอัลมุนาวีย์กล่าวว่า “ท่านอิบนุร่อญับกล่าวว่า ในหะดีษบทนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่า ส่งเสริมให้ทำการขอดุอาให้คงมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ประเสริฐเพื่อจะได้ปฏิบัติอะมัลที่ดีงามในช่วงเดือนเหล่านั้น เพราะอายุไขของผู้ศรัทธานั้นจะไม่เพิ่มพูนสิ่งใดนอกจากความดีงาม” อัลมุนาวีย์, ฟัยฎุลค่อบีร, เล่ม 5 หน้า 131.
สาม: จิตใจมีความรู้สึกปีติยินดีที่ร่อมะฎอนใกล้มาถึง
เมื่อร่อมะฎอนมาถึง นับว่าเป็นเนี๊ยะอฺมัตอันยิ่งใหญ่แก่บรรดามุสลิม เพราะเดือนร่อมะฎอนเป็นฤดูกาลแห่งการกระทำความดีงามเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเดือนที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงเปิดประตูแห่งสวรรค์และทรงปิดประตูแห่งไฟนรก อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า
قُلْ بِفَضْلِ اللَّهِ وَبِرَحْمَتِهِ فَبِذَلِكَ فَلْيَفْرَحُوا هُوَ خَيْرٌ مِمَّا يَجْمَعُونَ
“จงกล่าวเถิด ด้วยความโปรดปรานของอัลเลาะฮ์และความเมตตาของพระองคนั้น พวกเขาจงปิติยินดีเถิด มันเป็นสิ่งที่ดียิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขาได้สะสมไว้” [ยูนุส: 58]
สี่: รีบชดใช้ศีลอดที่จำเป็นต้องก่อฎออฺ
ท่านอบี สะละมะฮ์ กล่าวว่า
سَمِعْتُ عَائِشَةَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهَا تَقُولُ كَانَ يَكُونُ عَلَيَّ الصَّوْمُ مِنْ رَمَضَانَ فَمَا أَسْتَطِيعُ أَنْ أَقْضِيَهُ إِلاَّ فِي شَعْبَانَ
“ฉันได้ยินท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า ฉันยังมีศีลอดเดือนร่อมะฎอนที่จำเป็น(ต้องชดใช้) แต่ฉันไม่สามารถที่จะชดใช้ได้นอกจากในเดือนชะอฺบาน” รายงานโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม
ผู้ใดที่ขาดการถือศีลอดในเดือนร่อมะฎอน เนื่องจากการเดินทางหรือเจ็บป่วย ก็จำเป็นที่เขาจะต้องถือศีลอดชดใช้ก่อนที่ร่อมะฎอนปีหน้าจะมาถึง แต่ถ้าหากเขาไม่ถือศีลอดชดใช้โดยไม่มีเหตุจำเป็น จนกระทั่งถึงร่อมะฎอนปีถัดไป ก็ถือว่าเขามีบาป และจำเป็นต้องชดใช้ศีลอดพร้อมจ่ายฟิดยะห์ คือต้องจ่ายอาหารหลักที่ชาวเมืองนั้นๆ ใช้บริโภคเป็นค่าปรับวันละ 1 มุด(เท่ากับ 150 กรัม) ให้แก่คนยากจน เพราะมีศ่อฮาบะฮ์ 6 ท่านได้มีทัศนะดังกล่าวโดยไม่มีผู้ใดให้การคัดค้านเลย และยิ่งจำนวนปีผ่านไปโดยที่เขายังไม่ได้ชดใช้การถือศีลอด แน่นอนว่าจำนวนค่าปรับก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่าทวีคูณ และอาหารจำนวนหนึ่งมุดนั้นมีปริมาณเท่ากับการใช้สองมือของคนรูปร่างปานกลางกอบอาหารแบบเต็มสองมือหรือมีน้ำหนักประมาณ 510 กรัม
สำหรับผู้ที่มีอุปสรรคเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นมีอาการป่วยเรื้อรังจนถึงร่อมะฎอนของปีถัดไป เขาจำเป็นต้องชดใช้เมื่อหายเป็นปกติแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าปรับในเรื่องชดใช้แต่อย่างใด. ดู อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์, มุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 188.
ส่วนกรณีสตรีตั้งครรภ์นั้นหากกลัวว่าอันตรายจะเกิดแก่ตนเอง ก็ให้ละศีลอดและก่อฎออฺชดใช้ภายหลังโดยไม่ต้องจ่ายฟิดยะฮ์ แต่หากนางกลัวอันตรายจะเกิดแก่ทารก ก็ให้นางก่อฎออฺชดใช้และต้องจ่ายอาหารวันละ 1 มุด หรือประมาณ 510 กรัม ส่วนกรณีที่นางล่าช้าชดใช้ศีลอดเพราะตั้งครรภ์หรือต้องให้นมบุตรจนร่อมะฎอนหน้ามาถึง ก็ไม่ต้องเสียค่าปรับใดๆ เนื่องจากมีอุปสรรคต่อเนื่อง แต่ให้ก่อฎออฺชดใช้เท่านั้น
รายละเอียดเกี่ยวกับการละศีลอดของหญิงมีครรภ์และให้นมบุตร
1. กรณีการละศีลอดของหญิงที่ตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตรนั้น หากนางละศีลอดเนื่องจากกลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับตนเอง ก็จำเป็นต้องชดใช้การถือศีลอดที่ขาดไปเท่านั้นก่อนที่ร่อมะฎอนหน้าจะมาถึง
รายงานจากท่านอะนัส บิน มาลิก ความว่า มีชายคนหนึ่งจากบะนีอับดุลลอฮ์ บิน กะอับ เขากล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
إِنَّ اللَّهَ تَعَالَى وَضَعَ عَنْ الْمُسَافِرِ الصَّوْمَ وَشَطْرَ الصَّلاَةِ وَعَنْ الْحَامِلِ أَوْ الْمُرْضِعِ الصَّوْمَ
“แท้จริงอัลเลาะห์ ตาอาลา ได้ผ่อนปรนการถือศีลอด และครึ่งหนึ่งของละหมาดให้คนเดินทางและได้ผ่อนปรนการถือศีลอด ให้แก่หญิงมีครรภ์ และหญิงที่ให้นมทารก” คือผ่อนผันให้ย่อละหมาดได้ และละศีลอดพร้อมทั้งต้องชดใช้ภายหลัง. หะดีษรายงานโดยติรมีซีย์, หะดีษเลขที่ 649.
2. หากนางละศีลอดเนื่องจากกลัวอันตรายจะเกิดขึ้นแก่ทารก เช่นนางกลัวว่าจะแท้ง หรือกลัวว่าจะมีน้ำนมน้อยไม่พอเลี้ยงทารก นางจำเป็นต้องชดใช้การถือศีลอดในวันที่นางละศีลอดและจำเป็นต้องจ่ายอาหารที่คนส่วนใหญ่รับประทานอีกวันละหนึ่งมุดเป็นทาน
จากท่านอิบนิอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า:
وَعَلَى الَّذِينَ يُطِيقُونَهُ فِدْيَةٌ طَعَامُ مِسْكِينٍ قَالَ كَانَتْ رُخْصَةً لِلشَّيْخِ الْكَبِيرِ وَالْمَرْأَةِ الْكَبِيرَةِ وَهُمَا يُطِيقَانِ الصِّيَامَ أَنْ يُفْطِرَا وَيُطْعِمَا مَكَانَ كُلِّ يَوْمٍ مِسْكِينًا وَالْحُبْلَى وَالْمُرْضِعُ إِذَا خَافَتَا
"เหนือผู้ที่ (ไม่) สามารถถือศีลอด ต้องจ่ายฟิตยะห์ เป็นอาหารแก่คนยากจน" ( อัลบากอเราะห์ 184 ) อิบนุอับบาส กล่าวว่า: มันเป็นข้อผ่อนผันสำหรับคนชราทั้งชายและหญิงที่ไม่สามารถถือศีลอดได้ ให้เขาละศีลอดและจ่ายอาหารแทนทุกวันต่อหนึ่งคนยากจน หญิงที่มีครรภ์และหญิงที่ให้นมทารกเมื่อกลัวทารกจะเป็นอันตราย ให้ละศีลอด (ที่ต้องชดใช้) และจ่ายอาหาร" รายงานโดยอบูดาวูด, หะดีษเลขที่ 1974.
3. ท่านอิมามอัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ กล่าวว่า "ผู้ใดที่ล่าช้าการชดใช้ศีลอดร่อมะฎอนพร้อมกับมีความสามารถโดยไม่มีอุปสรรคอันใดไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคการเดินทางหรืออื่นๆ จนกระทั่งร่อมะฎอนหน้ามาถึง ก็จำเป็นบนเขาต้องทำการชดใช้และทำการเสียค่าปรับ 1 มุดในทุกๆ วัน...ดังนั้นหากเขาไม่สามารถก่อฎออฺชดใช้ได้เพราะมีอุปสรรคอย่างต่อเนื่อง เช่น เขาเป็นผู้เดินทางอย่างต่อเนื่อง หรือป่วยเป็นประจำ หรือเป็นหญิงตั้งครรภ์ หรือเป็นหญิงให้นมบุตร จนกระทั่งร่อมะฎอนหน้ามาถึง ก็ไม่ต้องเสียค่าปรับใดๆ ด้วยกับสาเหตุการล่าช้านี้" อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์, มุฆนิลมัวะห์ตาจญ์, เล่ม 2 หน้า 177.
ห้า: ศึกษาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการถือศีลอดและความประเสริฐของเดือนร่อมะฎอน
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ إِذَا جَاءَ رَمَضَانُ فُتِّحَتْ أَبْوَابُ الْجَنَّةِ وَغُلِّقَتْ أَبْوَابُ النَّارِ وَصُفِّدَتْ الشَّيَاطِينُ
“แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า เมื่อร่อมะฎอนมาถึง บรรดาประตูสวรรค์จะถูกเปิด บรรดาประตูนรกจะถูกปิด และเหล่าชัยฏอนจะถูกพันธนาการ” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษเลขที่ 1079.
และท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ได้รายงานเช่นกันว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
إِذَا كَانَ رَمَضَانُ فُتِّحَتْ أَبْوَابُ الرَّحْمَةِ وَغُلِّقَتْ أَبْوَابُ جَهَنَّمَ وَسُلْسِلَتِ الشَّيَاطِينُ
“เมื่อถึงร่อมะฎอน บรรดาประตูแห่งความเมตตาจะถูกเปิด บรรดาประตูแห่งนรกญะฮันนัมจะถูกปิด และบรรดาชัยฏอนจะถูกล่ามโซ่ตรวน” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษเลขที่ 1079.
ท่านอบูฮุร็อยเราะห์ได้กล่าวรายงานว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كُلُّ عَمَلِ ابْنِ آدَمَ يُضَاعَفُ الْحَسَنَةُ عَشْرُ أَمْثَالِهَا إِلَى سَبْعمِائَة ضِعْفٍ قَالَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ إِلَّا الصَّوْمَ فَإِنَّهُ لِي وَأَنَا أَجْزِي بِهِ
“ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ทุกอะมัลของลูกหลานอาดัมนั้น หนึ่งความดีจะถูกทบเท่าทวีคูณถึง 10 เท่า จนทั่งถึง 700 เท่า อัลเลาะฮ์ ตะอาลา กล่าวว่า นอกจากการถือศีลอด เพราะมันเป็นของข้าและข้าจะตอบแทนมันเอง” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษเลขที่ 164.
หก: ถือศีลอดเดือนชะอฺบานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถือศีลอดเดือนร่อมะฎอน
ท่านอุซามะฮ์ บิน เซด กล่าวว่า
قُلْتُ يَا رَسُولَ اللَّهِ لَمْ أَرَكَ تَصُومُ شَهْرًا مِنْ الشُّهُورِ مَا تَصُومُ مِنْ شَعْبَانَ قَالَ ذَلِكَ شَهْرٌ يَغْفُلُ النَّاسُ عَنْهُ بَيْنَ رَجَبٍ وَرَمَضَانَ وَهُوَ شَهْرٌ تُرْفَعُ فِيهِ الْأَعْمَالُ إِلَى رَبِّ الْعَالَمِينَ فَأُحِبُّ أَنْ يُرْفَعَ عَمَلِي وَأَنَا صَائِمٌ
"ฉันได้กล่าวว่า โอ้ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ฉันไม่เคยเห็นท่านทำการถือศีลอดในเดือนหนึ่งจากบรรดาเดือนทั้งหลายเหมือนที่ท่านถือศีลอดในเดือนชะอฺบานเลย ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ดังกล่าวเป็นเดือนที่ผู้คนทั้งหลายลืม ซึ่งมันอยู่ระหว่างเดือนร่อญับและเดือนร่อมะฎอน และ(เดือนชะอฺบานนั้น)มันเป็นเดือนที่บรรดาอะมัลทั้งหลายถูกรายงานสู่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ดังนั้นฉันจึงชอบที่จะให้อะมัลของฉันถูกรายงานในสภาพที่ฉันถือศีลอด" รายงานโดยอันนะซาอีย์, หะดีษเลขที่ 2357.
กล่าวคือ วันจันทร์และวันพฤหัสบดีนั้น อะมัลจะถูกยกขึ้นไปแบบรายละเอียด แต่ในเดือนชะอฺบานนั้นอะมัลจะถูกยกแบบรวบยอดทั้งปีอีกครั้งหนึ่ง
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
لَمْ يَكُنِ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَصُومُ شَهْرًا أَكْثَرَ مِنْ شَعْبَانَ فَإِنَّهُ كَانَ يَصُومُ شَعْبَانَ كُلَّهُ
"ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยถือศีลอดในเดือนหนึ่งมากไปกว่าเดือนชะอฺบาน เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยทำการถือศีลอดเดือนชะอฺบาน(เกือบ)ทั้งเดือน" รายงานโดยบุคอรีย์, หะดีษเลขที่ 1834.
การถือศีลอดครึ่งหลังของชะอฺบาน
ท่านอัตติรมีซีย์ ได้รายงานจากอบูฮุรอยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
إِذّا اِنْتَصَفَ شَعْبَانُ فَلاَ تَصُوْمُوْا
"เมื่อเข้าสู่ครึ่งที่สองของเดือนชะอฺบาน ท่านทั้งหลายอย่าถือศีลอด" รายงานโดยอัตติรมีซีย์, ฮะดิษเลขที่ 738, และท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า หะดิษนี้ศ่อฮิห์.
ดังกล่าวนี้ ไม่ถือเป็นการห้ามการถือศีลอดในวันที่สงสัย(ว่าเข้าเดือนร่อมะฎอนแล้วหรือยัง ซึ่งหมายถึงวันที่ 30 เดือนชะอฺบาน) และการถือศีลอดในครึ่งที่สองของเดือนชะอฺบาน เมื่อมันไปตรงกับวันที่ผู้ถือศีลอดได้ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ หรือเขาได้ถือศีลอดต่อเนื่องกันมาจนเข้าสู่ครึ่งที่สองของเดือนชะอฺบาน
ท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ รายงานจากท่าน ร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า
لا تَقَدَّمُوا رَمَضَانَ بِصَوْمِ يَوْمٍ وَلا يَوْمَيْنِ، إِلا رَجُلٌ كَانَ يَصُومُ صَوْمًا فَلْيَصُمْهُ
"ท่านทั้งหลายอย่าถือศีลอดก่อนเข้าสู่ร่อมะฎอนหนึ่งวันหรือสองวัน นอกจากผู้ที่ได้ถือศีลอดเป็นประจำ ก็ให้เขาถือศีลอดเถิด" รายงานโดย อัลบุคอรี, หะดีษลำดับที่ 1914, และมุสลิม, หะดีษลำดับที่ 1082.
สรุป : คือ การถือศีลอดเดือนชะอฺบานนั้นถือว่าเป็นซุนนะฮ์ เพราะท่านนบีถือศีลอดเดือนชะอฺบานเป็นประจำ แต่หากตั้งใจเจาะจงถือศีลอดเพียงแค่ครึ่งหลังของเดือนชะอฺบานอย่างเดียวโดยไม่มีสาเหตุใดๆ เช่น ถือศีลอดสุนัตจันทร์และพฤหัสบดี เป็นต้น ก็ถือว่าหะรอม. ดู อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์, มุฆนิลมัวะห์ตาจญ์, เล่ม 2 หน้า 177.
ฮิกมะฮ์หนึ่งของการถือศีลอดเดือนชะอฺบาน ก็คือเพื่อเป็นการฝึกฝนและอุ่นเครื่องเตรียมพร้อมสำหรับการถือศีลอดเดือนร่อมะฎอน เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกยากลำบากในการถือศีลอดเดือนร่อมะฎอน ยิ่งกว่านั้นการฝึกฝนให้มีความเคยชินในการถือศีลอดและได้ลิ้มรสการถือศีลอดเดือนชะอฺบานนั้น จะทำให้เขาเข้าสู่การถือศีลอดเดือนร่อมะฎอนอย่างเข้มแข็งและกระปี้กระเป่า
เจ็ด: อ่านอัลกุรอานให้มากๆ
ท่านอบี มูซา อัลอัชอะรีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวรายงานว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مَثَلُ الْمُؤْمِنِ الَّذِي يَقْرَأُ الْقُرْآنَ مَثَلُ الْأُتْرُجَّةِ رِيحُهَا طَيِّبٌ وَطَعْمُهَا طَيِّبٌ وَمَثَلُ الْمُؤْمِنِ الَّذِي لَا يَقْرَأُ الْقُرْآنَ مَثَلُ التَّمْرَةِ لَا رِيحَ لَهَا وَطَعْمُهَا حُلْوٌ وَمَثَلُ الْمُنَافِقِ الَّذِي يَقْرَأُ الْقُرْآنَ مَثَلُ الرَّيْحَانَةِ رِيحُهَا طَيِّبٌ وَطَعْمُهَا مُرٌّ وَمَثَلُ الْمُنَافِقِ الَّذِي لَا يَقْرَأُ الْقُرْآنَ كَمَثَلِ الْحَنْظَلَةِ لَيْسَ لَهَا رِيحٌ وَطَعْمُهَا مُرٌّ
“ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า อุปมาผู้ศรัทธาที่อ่านอัลกุรอาน อุปไมดังผลอุตรุจญะฮ์ ซึ่งกลิ่นของมันหอมและรสชาติดี และอุปมาผู้ศรัทธาที่ไม่อ่านอัลกุรอานอุปไมยดั่งผลอินทผาลัมที่ไม่มีกลิ่นแต่รสหวาน และอุปมามุนาฟิกที่อ่านอัลกุรอาน อุปไมยดังต้นใบแมงลักที่กลิ่นหอมและรสขม และอุปมามุนาฟิกที่ไม่อ่านอัลกุรอาน อุปไมยดั่งต้นบอระเพ็ดที่ไม่มีกลิ่นหอมและยังมีรสขม” รายงานโดยอัลบุคอรีย์, หะดีษเลขที่ 5427. และมุสลิม, หะดีษเลขที่ 797.
ท่านอบูอุมามะฮ์ อัลบาฮิลีย์ ได้กล่าวว่า
سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ اقْرَءُوا الْقُرْآنَ فَإِنَّهُ يَأْتِي يَوْمَ الْقِيَامَةِ شَفِيعًا لِأَصْحَابِهِ
“ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า พวกท่านจงอ่านอัลกุรอานเถิด เพราะแท้จริงในวันกิยามะฮ์นั้นอัลกุรอานจะมาช่วยเหลือบรรดาผู้ที่อ่านอัลกุรอ่าน” รายงานโดยมุสลิม, ฮะดีษเลขที่ 804.
ท่านสะละมะฮ์ บิน กุฮัยล์ กล่าวว่า
كَانَ يُقَالُ شَهْرُ شَعْبَانَ شَهْرُ الْقُرَّاءِ
“เดือนชะอฺบานนั้น ถูกเรียกว่า เดือนของนักอ่านอัลกุรอาน” อิบนุ ร่อญับ, ละฏออิฟุลมะอาริฟ, หน้า 319.
ท่านษาบิต บิน อบี ษาบิต นั้นเมื่อเดือนชะอฺบานมาถึง ท่านกล่าวได้ว่า
هَذَا شَهْرُ الْقُرَّاءِ
“นี้คือเดือนของนักอ่านอัลกุรอาน”
ดังนั้นเดือนชะอฺบานจึงเสมือนเดือนที่เป็นบทนําสู่เดือนร่อมะฎอน เพราะฉะนั้นการถือศีลอดและการอ่านอัลกุรอานในเดือนร่อมะฎอน จึงถูกส่งเสริมให้กระทําในเดือนชะอฺบานด้วย เพื่อจะได้เกิดการเตรียมพร้อมในการต้อนรับเดือนร่อมะฎอนและฝึกฝนจิตใจให้มีความพร้อมเกี่ยวการปฏิบัตอะมัลอิบาดะฮ์และเข้าหาอัลเลาะฮ์ตะอาลา
แปด: วางแผนและตั้งใจทำความดีต่างๆ ในเดือนร่อมะฎอน
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ได้รายงานว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ وَإِذَا هَمَّ بِحَسَنَةٍ فَلَمْ يَعْمَلْهَا فَاكْتُبُوهَا حَسَنَةً فَإِنْ عَمِلَهَا فَاكْتُبُوهَا عَشْرًا
“ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า เมื่อบ่าวคนหนึ่งตั้งใจกระทำหนึ่งความดี แล้วเขาก็ยังไม่ได้ทำมัน ดังนั้นพวกเจ้า(คือบรรดามะลาอิกะฮ์)จงบันทึกมันหนึ่งความดีและถ้าหากเขาได้ปฏิบัติความดีนั้น พวกเจ้าก็จงบันทึกมันสิบความดี” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษเลขที่ 128.
เก้า: ขอดุอาอฺต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาให้มีความเข้มแข็ง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การขอดุอาอฺต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาให้เรามีความเข้มแข็งในการปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ในเดือนร่อมะฎอน เนื่องจากแก่นแท้ของมนุษย์นั้นมีความอ่อนแอ ดังนั้นเราจึงต้องขอความช่วยเหลือจากอัลเลาะฮ์ตะอาลา อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสถึงแก่นแท้ของมนุษย์ความว่า
وَخُلِقَ الإنْسَانُ ضَعِيْفاً
“และมนุษย์ถูกสร้างในสภาพที่อ่อนแอ” [อันนิซาอฺ: 28]
และท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
وَاسْتَعِنْ بِاللهِ وَلاَ تَعْجِزْ
“ท่านจงขอความช่วยเหลือจากอัลเลาะฮ์และท่านอย่าเกียจค้าน” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษเลขที่ 6816.
وَاللهُ تَعَالَي أَعْلَي وَأَعْلَمُ
แสดงความคิดเห็น