อุดฮียะฮ์ (สัตว์กุรบาน)

اَلْأُضْحِيَةُ

อุดฮียะฮ์ (สัตว์กุรบาน)

ความหมายและหลักฐานการบัญญัติเรื่องอุดฮียะห์ :

อุดฮียะฮ์ : คือสัตว์จำพวก อูฐ วัว ควาย แพะ หรือแกะ ที่เชือดเพื่อเป็นการนำตนเข้าใกล้ชิดอัลลอฮฺตะอาลาในวันอีด ส่วนหลักฐานในการบัญญัติอุดฮียะห์นั้นก็คือ คำดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า

فَصَلِّ لِرَبِّكَ وَانْحَرْ

“ดังนั้นเจ้าจงละหมาด (อีด) เพื่อองค์อภิบาลของเจ้าและจงเชือด (สัตว์)” (อัลเกาซัร : 2)

ความหมายของคำว่าเชือดในทัศนะของนักวิชาการที่ถูกต้องที่สุดนั้นคือ เชือดสัตว์อุดฮียะห์

และหะดีษที่อัลบุคอรีย์ (5245) และมุสลิม (1966) ได้รายงานว่า

قَالَ ضَحَّى النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِكَبْشَيْنِ أَمْلَحَيْنِ فَرَأَيْتُهُ وَاضِعاً قَدَمَهُ عَلَى صِفَاحِهِمَا يُسَمِّي وَيُكَبِّرُ فَذَبَحَهُمَا بِيَدِهِ

“ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เชือดสัตว์อุดฮียะห์เป็นแกะสองตัวสีเทามีเขา ท่านได้เชือดมันทั้งสองด้วยมือของท่านเอง ท่านได้วางเท้าของท่านลงบนข้างต้นคอของมันทั้งสอง แล้วท่านกล่าวบิสมิลลาฮฺฯ และกล่าวตักบีร”

ฮิกมะห์ในการบัญญัติเรื่องอุดฮียะห์ :

สิ่งที่ควรทราบก็คือ อุดฮียะห์ นั้นเป็นอิบาดะห์ และนอกจากการเชือดอุดฮียะห์จะเป็นการยอมจำนนต่อคำบัญชาของอัลลอฮฺ ตะอาลา ในความหมายของความเป็น “บ่าว” แล้ว ในอุดฮียะห์นี้ก็ยังมีฮิกมะห์และประโยชน์อื่นๆ อีก

ความหมายที่ชัดเจนและยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับอุดฮียะห์ก็คือ เป็นการฟื้นฟูความหมายของการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ท่านนะบีย์อิบรอฮีม (อะลัยฮิสสลาม) ได้กระทำไว้ขณะที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงทดสอบท่านนะบีย์อิบรอฮีม โดยมีบัญชาให้เชือดบุตรชายของตน และต่อมาอัลลอฮฺก็ได้ไถ่ตัวบุตรชายของเขาด้วยแกะที่พระองค์ได้ประทานลงมา และมีคำสั่งให้เชือดแกะตัวนั้นแทนบุตรชาย หลังจากท่านนะบีย์อิบรอฮีมและบุตรชายได้พยายามปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ให้เป็นความจริงอย่างถึงที่สุดแล้ว

และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เป็นความเอื้อเฟื้อแก่คนยากไร้และคนที่ขัดสน ทำให้คนในครอบครัวมีความดีใจและปีติยินดีในวันอีด และเป็นการเสริมสร้างความผูกพันระหว่างสมาชิกในสังคมมุสลิมให้เกิดความมั่นคงแน่นเหนียว

ข้อกำหนด (ฮุกุ่ม) ของอุดฮียะห์ :

อุดฮียะห์เป็นสุนัตมุอักกะดะห์ แต่อาจกลายเป็นวาญิบได้ด้วยสาเหตุสองประการคือ :

หนึ่ง : การที่บุคคลหนึ่ง ชี้ไปที่สัตว์ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของเขาซึ่งเป็นสัตว์ที่ใช้ทำอุดฮียะห์ได้ แล้วกล่าวว่า : นี่คืออุดฮียะห์ของฉันหรือกล่าวว่า : ฉันจะใช้สัตว์นี้ทำอุดฮียะห์ เป็นต้น ดังนั้นเขาก็จำเป็น (วาญิบ) ต้องเชือดสัตว์นั้นทำอุดฮียะห์

สอง : บนบาน (นะซัร) ว่าจะทำอุดฮียะห์ เช่น กล่าวว่า : ข้าพเจ้าทำอุดฮียะห์เพื่ออัลลอฮฺก็จะกลายเป็นวาญิบเหนือเขา เช่นเดียวกับการบนบาน (นะซัร) ในอิบาดะห์อื่น ๆ

ใครที่ถูกกำหนดให้ทำอุดฮียะห์ :

อุดฮียะห์เป็นสุนัตแก่ผู้ที่มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ครบถ้วน :

  1. อิสลาม ดังนั้นผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม จึงไม่ถูกกำหนดให้ทำอุดฮียะห์

  2. บรรลุศาสนภาวะและมีสติปัญญา ดังนั้นผู้ที่ไม่บรรลุศาสนภาวะและผู้ที่ขาดสติจึงไม่ถูกกำหนดให้ทำอุดฮียะห์

  3. มีความสามารถ และที่จะเรียกว่าเป็นผู้มีความสามารถก็คือ มีทรัพย์สินที่จะซื้อสัตว์อุดฮียะห์เกินกว่าค่าใช้จ่ายของตนและค่าใช้จ่ายของผู้ที่ตนรับผิดชอบ ทั้งที่เป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่พักอาศัยในช่วงวันอีดและวันตัชรีก

สัตว์ที่ใช้ทำอุดฮียะห์

สัตว์ที่ใช้ทำอุดฮียะห์ได้นั้นต้องเป็น อูฐ หรือ วัว หรือ แกะ หรือ แพะ เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :

وَلِكُلِّ أُمَّةٍ جَعَلْنَا مَنسَكاً لِيَذْكُرُوا اسْمَ اللَّهِ عَلَى مَا رَزَقَهُم مِّن بَهِيمَةِ الْأَنْعَامِ

“และสำหรับทุกประชาชาตินั้น เราได้กำหนดศาสนพิธีไว้แล้ว เพื่อให้พวกเขากล่าวนามของอัลลอฮฺเหนือสิ่งที่พระองค์ได้ประทานเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา จากจำพวกปศุสัตว์” (อัลฮัจย์ : 34)

และคำว่าปศุสัตว์นั้นก็ไม่พ้นไปจากสัตว์ทั้งสามจำพวกที่กล่าวมาแล้วนั้น และเพราะไม่เคยมีผู้ใดรายงานจากท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และศ่อฮาบะห์ของท่านว่าได้ทำอุดฮียะห์ด้วยสัตว์อื่น

และสัตว์ที่ดีที่สุดในการทำอุดฮียะห์ก็คือ อูฐ รองลงมาได้แก่ วัว และรองลงมาก็ได้แก่ แพะ แกะ

อนุญาตให้ใช้อูฐและวัวหนึ่งตัว ทำอุดฮียะห์ได้เจ็ดคน มุสลิม (1318) ได้รายงาน

‏عَنْ ‏ ‏جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ ‏ ‏قَالَ نَحَرْنَا مَعَ رَسُولِ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ عَامَ ‏ ‏الْحُدَيْبِيَةِ ‏ ‏ الْبَدَنَةَ ‏ ‏عَنْ سَبْعَةٍ وَالْبَقَرَةَ عَنْ سَبْعَةٍ ‏

จาก ญาบิร (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า : “เราได้เชือดพร้อมกับท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ในปีฮุดัยปียะห์ อูฐหนึ่งตัวแก่เจ็ดคน และวัวหนึ่งตัวแก่เจ็ดคน”

เงื่อนไขอุดฮียะห์ :

อายุ : อูฐต้องมีอายุย่างเข้าปีที่หก วัวและแพะต้องมีอายุย่างเข้าปีที่สาม ส่วนเงื่อนไขของแกะนั้นต้องมีอายุย่างเข้าปีที่สอง หรือฟันหน้าร่วงคือผลัดฟันหน้า แม้อายุยังไม่ถึงกำหนดก็ตาม เพราะอะห์มัด (2/245) ได้รายงาน

عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ : سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏يَقُولُ‏ نِعْمَتِ ‏ ‏ الْأُضْحِيَّةُ ‏ ‏ الْجَذَعُ ‏ ‏مِنْ الضَّأْنِ

จากอะบีฮุรอยเราะห์ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ว่า : ฉันได้ยินท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า : “อุดฮียะห์ที่ดีคือแกะที่ผลัดฟันหน้า”

ต้องสมบูรณ์ : เป็นเงื่อนไขของสัตว์ทั้งสามประเภทที่กล่าวมาแล้วว่า : ต้องปลอดจากตำหนิต่าง ๆ ที่เป็นเหตุให้เนื้อลดน้อยลง ดังนั้นแกะที่ผอม คือไม่มีไขมันเลยเนื่องจากผอมมาก และสัตว์ที่ขากะเผลกหรือตาบอด หรือเป็นโรค หูแหว่ง จึงใช้ทำอุดฮียะห์ไม่ได้

เพราะหะดีษที่รายงานโดยติรมีซีย์ (1497) และว่าเป็นหะดีษซอเฮียะห์และอะบูดาวูด (2802)

عَنِ الْبَراَءِ بْنِ عَازِبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ عَنِ النَّبِيِّ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : أَرْبَعٌ لاَ تُجْزِئُ فِي الأَضَاحِي : اَلْعَوْرَاءُ البَيِّنُ عَوَرُهَا وَالْمَرِيْضَةُ الَبَيِّنُ مَرَضُهَا وَالْعَرْجَاءُ الْبَيِّنُ عَرَجُهَا وَالْعَجْفَاُء الَّتِي لاَ تُنْقِيْ

จาก อัลบะรออฺ บุตร อาซิบ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) จากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า : “สัตว์สี่ประเภทใช้ทำอุดฮียะห์ไม่ได้คือ สัตว์ตาบอดที่อาการบอดของมันแจ้งชัด สัตว์ที่เป็นโรคที่อาการป่วยของมันปรากฏชัด สัตว์ขากะเผลกที่ปรากฏอาการกะเผลกอย่างแน่ชัด และสัตว์ผมที่ไม่มีไขมัน”

ตำหนิทั้งสี่นี้ใช้เทียบ (กิยาส) กับตำหนิอื่น ๆ ที่ทำให้สัตว์ผอมและเนื้อน้อย

เวลาเชือดอุดฮียะห์ :

เวลา เชือดอุดฮียะห์ เริ่มตั้งแต่ตะวันขึ้นในวันอีดิ้ลอัดฮา และผ่านไปช่วงหนึ่งที่พอจะละหมาดสองรอกาอัตและสองคุตบะห์ได้ เวลการเชือดอุดฮียะห์นี้จะยังคงอยู่เรื่อยไปจนถึงตะวันตกในวันสุดท้ายของวัน ตัชรีก วันตัชรีกคือวันที่สิบเอ็ด สิบสอง และสิบสามของเดือนซุ้ลฮิจยะห์

เวลาที่ดีเลิศสำหรบัการเชือดอุดฮียะห์คือภายหลังละหมาดอีด และฮะดีษบุคอรี (5225) และมุสลิม (1961) ว่า :

قَالَ النَّبِيُّ ‏ ‏ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏إِنَّ أَوَّلَ مَا نَبْدَأُ بِهِ فِي يَوْمِنَا هَذَا أَنْ نُصَلِّيَ ثُمَّ نَرْجِعَ فَنَنْحَرَ مَنْ فَعَلَهُ فَقَدْ أَصَابَ سُنَّتَنَا وَمَنْ ذَبَحَ قَبْلُ فَإِنَّمَا هُوَ لَحْمٌ قَدَّمَهُ لِأَهْلِهِ لَيْسَ مِنْ ‏ ‏النُّسُكِ ‏ ‏فِي شَيْءٍ

“ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า แท้จริงสิ่งแรกที่เราได้เริ่มต้นในวันนี้ของเราคือ เราละหมาด จากนั้นเรากลับและเชือด ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติดังกล่าว เขาก็ทำถูกต้องตามซุนนะห์ของเรา และผู้ใดเชือดก่อนดังกล่าวนั้น มันก็เป็นเนื้อที่เขาหยิบยื่นแก่ครอบครัวของเขา ไม่ใช่เป็นพิธีการศาสนาแต่อย่างใด”

คำที่ว่า “และผู้ใดเชือดก่อนดังกล่าวนั้น” หมายความว่า ก่อนเข้าละหมาดอีด และก่อนที่เวลาจะผ่านพ้นไปเท่ากับช่วงที่จะสามารถละหมาดได้พอในช่วงนั้น และอิบนุฮิบบาน (1008) ได้รายงานจาก ญุบัยร์ บุตร มุตอิม (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า : ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ได้กล่าวว่า :

وَكُلُّ أَيَّامِ التَّشْرِيْقِ ذَبْحٌ

“ทุกวันตัชรีกนั้นคือการเชือด” หมายความว่าเป็นเวลาเชือด

จะปฏิบัติอย่างไรกับอุดฮียะห์ ภายหลังจากเชือดแล้ว :

ถ้าหากอุดฮียะห์นั้นเป็นวาญิบ : โดยการบนบาน (นะซัร) ไว้ หรือโดยการระบุแน่นอนว่าสัตว์ดังนี้จะทำอุดฮียะห์ดังได้อธิบายมาแล้ว จะไม่อนุญาตให้ผู้ทำอุดฮียะห์ และคนใดในครอบครัวของเขาที่เขาจำเป็นต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ รับประทานอุดฮียะห์นั้น ถ้าหากผู้ใดรับประทานส่วนหนึ่งของอุดฮียะห์ ก็จะต้องถูกปรับเท่ากับที่รับประทานไปหรือถูกปรับเป็นราคา

และถ้าหากเป็นอุดฮียะห์ที่สุนัต ก็อนุญาตให้รับประทานได้ตามแต่เขาต้องการ โดยจะต้องบริจาคส่วนที่เหลือทั้งหมด และยอมอนุญาตให้เขารับประทานได้หนึ่งในสามของอุดฮียะห์ และบริจาคหนึ่งในสามให้แก่คนยากจน และอีกหนึ่งในสามมอบเป็นของขวัญ (ฮะดียะห์) แก่เพื่อน ๆ และเพื่อนบ้านแม้จะเป็นคนรวยก็ตาม แต่สิ่งที่ให้คนรวยนั้นเป็นของขวัญมีจุดมุ่งหมายที่การรับประทานเท่านั้น ไม่ยินยอมให้พวกเขานำไปขายแลกเปลี่ยน ส่วนสิ่งที่ให้แก่คนอยากจนนั้นเป็นการให้ครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งคนจนอาจใช้รับประทานหรือนำไปจับจ่ายตามความต้องการ

หลักฐานในเรื่องดังกล่าวคือคำดำรัสของอัลลอฮฺตะอาลา ที่ว่า :

وَالْبُدْنَ جَعَلْنَاهَا لَكُم مِّن شَعَائِرِ اللَّهِ لَكُمْ فِيهَا خَيْرٌ فَاذْكُرُوا اسْمَ اللَّهِ عَلَيْهَا صَوَافَّ فَإِذَا وَجَبَتْ جُنُوبُهَا فَكُلُوا مِنْهَا وَأَطْعِمُوا الْقَانِعَ وَالْمُعْتَرَّ

“และ สัตว์ที่เชือดพลีทาน เราได้กำหนดให้มันเป็นส่วนหนึ่งจากเอกลักษณ์ของอัลลอฮฺเพื่อพวกเจ้า ในนั้นมีความดีสำหรับพวกเจ้า ดังนั้นพวกท่านจงกล่าวพระนามของอัลลอฮฺบนมันขณะที่เชือดมัน โดยให้มันยืนสามขา และเมื่อสีข้างของมันล้มลงกับพื้น พวกเจาจงรับประทานบางส่วนของมันและจงให้บริโภคแก่ผู้มักน้อยและผู้ที่เสนอตัวขอ” ( 36 อัลฮัจย์)

และยินยอมให้ผู้ทำอุดฮียะห์ บริจาคหนังสัตว์ของตนได้ หรือเอาไว้ใช้ประโยชน์เองก็ได้แต่ไม่ยินยอมให้ขายหนังสัตว์อุดฮียะห์หรือให้แก่ผู้เชือดสัตว์เป็นค่าจ้างให้การเชือดของเขา เพราะการดังกล่าวนั้นเป็นการทำให้อุดฮียะห์ลดหย่อน ซึ่งทำให้อุดฮียะห์มีผลใช้ไม่ได้ และเพราะฮะดีษที่บัยฮะกีได้รายงาน (9/294) จากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :

مَنْ بَاعَ جِلْدَ أُضْحِيَتِهِ فَلاَ أُضْحِيَةَ لَهُ

“ผู้ใดขายหนังสืออุดฮียะห์ของตน ก็ไม่มีอุดฮียะห์สำหรับผู้นั้น”

สุนัตและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอุดฮียะห์ :

หนึ่ง : เมื่อเข้าสู่ช่วงสิบวันแรกของเดือนซุ้ลฮิจยะห์ และมีผู้ที่ตั้งใจในช่วงเวลาดังกล่าวว่าจะทำอุดฮียะห์ สุนัตให้เขาปล่อยผมและเล็บไว้จนกว่าจะเชือดอุดฮียะห์ เพราะฮะดีษที่มุสลิม (1977) ได้รายงานจากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :

إِذاَ رَأَيْتُمْ هِلاَلَ ذِي الحَجَّةِ وَأَراَدَ أَحَدُكُمْ أَنْ يُضَحِّيَ فَلْيُمْسِكْ عَنْ شَعْرِهِ وَأَظَافِرِهِ

“เมื่อพวกท่านเห็นฮิลาลของเดือนซิลฮิจยะห์ และคนใดพวกท่านประสงค์จะทำอุดฮียะห์ ให้เขาปล่อยผมและเล็บไว้”

สอง : สุนัตให้เชือดอุดฮียะห์ด้วยตนเอง และถ้าหากมีอุปสรรไม่สามารถกระทำเองได้ ก็ให้มาดูการเชือดอุดฮียะห์ด้วย เพราะฮะดีษที่ฮากิม (4/222) ได้รายงานด้วยสายรายงานที่ซอเฮียะห์ว่า ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวแก่ฟาติมะห์ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ว่า :

قُوْمِيْ إِلَيْ أُضْحِيَتِكِ فَاشْهَدِيْهَا فَإِنَّهُ بِأَوَّلِ قِطْرَةِ مَنْ دَمِهَا يُغْفَرُ لَكِ مَا سَلَفَ مِنْ ذُنُوْبِكِ قَالَتْ : يَا رَسُوْلَ اللهِ ، هَذَا لَنَا أَهْلُ البَيْتِ خَاصَّةً ، أَوْ لَنَا ولِلمُسْلِمِيْنَ عَامَّةً ؟ قَالَ بَلْ لَناَ وَلِلمُسْلِمِيْنَ عَامَّةً

“เธอจงลุกขึ้นไปที่อุดฮียะห์ ของเธอและดูมัน เพราะด้วยเหลือดหยดแรกของมัน เธอจะได้รับการอภัยโทษจากบาปต่าง ๆ ของเธอที่ล่วงมาแล้ว ฟาติมะห์ได้ถามว่า : โอ้ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ท่านกล่าวนี้เฉพาะพวกเราที่เป็นคนในครอบครัวของท่าน (อะห์ลุลลัยต์) เท่านั้นหรือสำหรับพวกเราและมวลมุสลิมโดยทั่วไป? ท่านตอบว่า : แต่มันสำหรับพวกเราและมวลมุสลิมโดยทั่วไป”

สาม : เป็นสุนัตแก่ผู้นำมุสลิม เชือดสัตว์อุดฮียะห์โดยใช้ทรัพย์จากบัยตุ้ลมาลแทนแก่มวลมุสลิม , มุสลิม (1967) ได้รายงานว่า :

‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ضَحَّي بِكَبْشٍ وَقَالَ عَنْدَ ذَبْحِهِ :‏ ‏بِاسْمِ اللَّهِ اللَّهُمَّ تَقَبَّلْ مِنْ ‏ ‏مُحَمَّدٍ ‏ ‏وَآلِ ‏ ‏مُحَمَّدٍ ‏ ‏وَمِنْ أُمَّةِ ‏ ‏مُحَمَّدٍ

ท่าน นะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำอุดฮียะห์ด้วยแกะตัวหนึ่ง และท่านได้กล่าวขณะเชือดมันว่า “บิสมิลลาฮ์ อัลลอฮุ้มม่า ตะก็อบบัล มินมุฮัมมัด วะอาลิมุฮัมมัด วะอุมมะติมุฮัมมัด) ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ข้าแด่อัลลอฮฺได้โปรดรับจากมุฮำมัด วงศ์วานของมุฮำมัด และจากประชากรของมุฮำมัด”

และสุนัตให้ผู้นำเชือดอุดฮียะห์ ณ สถานที่ละหมาดซึ่งเป็นสถานที่ประชาชนได้มาชุมนุมกันเพื่อละหมาดอีด และสุนัตให้เชือดด้วยตนเอง บุคอรีได้รายงานในหนังสือซอเฮียะห์ของเขา (5232)

عَنْ إِبْنِ عُمَرَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُمَا قَالَ : كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَذْبَحُ وَيَنْحَرُ بِالْمُصَلَّي

“จากอิบนุอุมัร (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า : “ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เชือดสัตว์ ณ สถานที่ละหมาด”

อ้างอิงจากหนังสือ : อัลฟิกห์ (นิติศาสตร์อิสลาม) หรือหนังสือ อัลฟิกหุ้ล มันฮะญีย์ ฟิกห์มัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์ แปลโดย ท่านอาจารย์ อ.อรุณ บุญชม (ฮะฟิซ่อฮุลลอฮ์) หน้า 211-215

แสดงความคิดเห็น

ติดตามได้ทาง