Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: Deeneeyah Date: พ.ค. 05, 2008, 04:12 PM
salam
เอามาให้อ่านกันเพิ่มเติมครับ
ถาม
การนิกาหฺต้องมีวะลีหรอไม่ และถ้านิกาหฺโดยไม่มีวะลี การนิกะหฺนั้นจะเป็นอย่างไร?
ตอบ
หญิงที่จะทำการนิกาหฺนั้นจะเป็นต้องมีวะลี ไม่ว่าหญิงน้นจะบรรลุศาสนภาวะหรือไม่ และแม้จะเป็นหยิงหม้ายก็ตาม
ดังนั้นหากนิกาหฺโดยไม่มีวะลี การนิกาหฺนั้นใช้ไม่ได้ จำเป็นต้องแยกทันที
ถาม
วะลีนิกาหฺคือใคร และจัดลำดับอย่างไร?
ตอบ
วะลีนิกาหฺ หมายถึง ผู้ปกครองของหญิงที่มีอำนาจจัดการนิกาหฺหญิงนั้นได้ตามหลักเกณฑ์ที่ศาสนากำหนดโดยมีลำดับดังนี้
1. บิดา
2.ปู่
3.พี่น้องชายร่วมบิดามารดาเดียวกัน
4.พี่น้องชายร่วมบิดาเดียวกัน
5.ลูกชายของบุคคลในข้อ 3
6.ลูกชายของบุคคลในข้อ 4
7.ลุงหรืออา (พี่หรือน้องชายของพ่อ) ร่วมบิดามารดาเดียวกัน
8.ลุงหรืออา (พี่หรือน้องชายของพ่อ) ร่วมบิดาเดียวกัน
9.ลูกชายของบุคคลในข้อ 7
10.ลูกชายของบุคคลในข้อ 8
ถาม
หากไม่มีวะลีตามลำดับดังกล่าวจะนิกาหฺหญิงนั้นได้อย่างไร?
ตอบ
หญิงที่ไม่มีวะลี ให้ฮากีม หรือกอฎี ทำการนิกาหฺแทน หรือไม่ก็ให้ตั้งตะหฺกีม
ถาม
เงื่อนไขของผู้ที่จะเป็นวะลีนั้นอย่างไรบ้าง?
ตอบ
เงื่อนไขสำหรับวะลีนิกาหฺ ได้แก่
1.นับถือศาสนาอิสลาม
2.เป็นคนดีมีคุณธรรม (อะดาละหฺ) คือไม่ก่อบาปใหญ่และไม่คงไว้ซึ่งการทำบาปเล็กๆ
3.บรรลุศาสนภาวะ
4.ต้องมีสติสัมปชัญญะดี กล่าวคือไม่วิกลจริต หรือป่วย หรือชราภาพ ถึงขึ้นขาดความรู้สึกผิดชอบ
5.ไม่อยู่ในภาวะเอี๊ยะหฺรอมฮัจย์ หรืออุมเราะห์
ถาม
หากวะลีขาดเงื่อนไขดังกล่าวจะทำอย่างไร?
ตอบ
หากวะลีขาดเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดตามที่กล่าวแล้วนั้น ให้เลื่อนไปสู่ว่าลีลำดับถัดไป ยกเว้น
วะลีที่อยู่ในภาวะเอี๊ยะหฺรอม ไม่ต้องเลื่อนไปสู่วะลีลำดับต่อมา แต่ให้ฮากีม หรือกอฎี เป็นผู้ปกครองแทน
ถาม
วะลีลำดับใดบ้างที่มีอำนาจนิกะหฺผู้ที่อยู่ในปกครองได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากหญิงดังกล่าว
ตอบ
บิดาและปู่มีอำนาจนิกาหฺลูกหรือหลานสาวที่ยังไม่เคยเสียความบริสุทธิ์มาก่อนได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
ส่วนวะลีลำดับอื่นจะนะกาหฺได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากหญิงนั้นเสียก่อน
สำหรับหญิงหม้าย วะลีระดับจะนิกาหฺนางได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุญาตจากนางแล้วเท่านั้น
ถาม
กรณีที่บิดาจะนิกาหฺลูกสาวโดยไม่ต้องขออนุญาตจากลูกสาวนั้นมีเงื่อนไขอย่างไรหรือไม่?
ตอบ
ต้องมีเงื่อนไข ดังนี้
1.บิดาและลูกสาวต้องไม่เป็นศัตรูต่อกันโดยเปิดเผย
2.เจ้าบ่าวต้องเป็นคนที่เหมาะสมกับนาง
3.เจ้าบ่าวต้องพร้อมที่จะจ่ายมะฮัรได้ทันที
ถาม
ความเหมาะสมระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาวนั้นพิจารณาอย่างไร?
ตอบ
ความเหมาะสมนั้น ศาสนาพิจารณาดังนี้คือ
1.ด้านศาสนาต้องทัดเทียมกัน
2.ด้านอาชีพการงานต้องเหมาะสมระหว่างกัน
3.ด้านสภาพร่างกายต้องใกล้เคียงกัน
ถาม
หากหญิงจะนิกาหฺกับชายที่เหมาะสมกันตน แต่บิดาหรือวะลีไม่ยอมให้วะลี จะทำอย่างไร
ตอบ
ให้ฮากิมเป็นผู้นิกาหฺให้
แต่ถ้าขอวะลีแล้วถึง 3 ครั้ง ก็ไม่ยอมให้ ก็ให้เลื่อไปยังวะลีลำดับต่อไป
ถาม
หากวะลีหายตัวไปจะนิกหฺอย่างไร?
ตอบ
ให้พิจารณาดังนี้
- หากไม่ทรบว่าวะลีอยู่ที่ไน เป็นหรือตายให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ
- เมื่อถึงที่สุด กอฎี ตัดสินว่าสาบสูญ ให้เลื่อไปยังวะลีลำดับถัดไป
- หากทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ไกลสองมัรหะละห์ ให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ
- หากอยู่ใกล้จะต้องมีวะลีนิกาหฺ หรือให้วะกีล (วะลีมอบให้ผู้อื่นทำการนิกาหฺ)
ถาม
วะลีที่เป็นคนฟาซิก (คนชั่ว) แต่ถ้าจะให้วะลีคนนั้นทำการนิกาหฺจะทำหย่างไร?
ตอบ ให้วะลีที่เป็นคนฟาซิก ทำการเตาบะหฺ และให้นิกาหฺได้ทันที
ถาม
หากหญิงอยู่ ณ สถานที่ที่ไม่มีวะลี และไม่มี ฮากิม จะทำกรนิกาหฺได้อย่างไร?
ตอบ
ให้ตั้ง ตะห์กีม หรือ ให้
ถาม
หญิงหม้ายเมื่อจะนิกาหฺจะเป็นต้องได้รับความยินยอมจากนาง ส่วนหญิงสาวจำเป็นต้องได้รับความยินยอมหรือไม่?
ตอบ
ควรจะได้รับความยินยอมจากหญิงสาวเสียก่อน แม้จะไม่จำเป็นก็ตาม
ถาม การขอความยินยอมจากหญิงจะต้องมีพยานหรือไม่?
ตอบ
สุนัตให้มีพยาน แต่ถ้าไม่มีก็ใช้ได้
การตั้งตะห์กีม
ถาม
การตั้งตะหฺกีม คืออะไร และอย่างไร?
ตอบ
ตะห์กีม คือ การตั้งอนุญาโตตุลาการจกคู่กรณี ให้คนหนึ่งตัดสินปัญหา
- ในที่นี้จะขอกล่าวเพียงการตั้งอนุญาโตตุลาการในเรื่องนิกาหฺเท่านั้น กล่าวคือฝ่ายชายและฝ่ายหญิงแต่งตั้งให้คนหนึ่งเป็น
ทำหน้าที่นิกาหฺตน โดยมีเงื่อนไขว่า
1.ต้องเป็นคามพอใจของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
2.หญิงนั้นไม่มีวะลีเป็นการเฉพาะ หรือมีแต่วะลีนั้นอยู่ห่างไกล
3.ทั้งสองฝ่ายต้องกล่าวคำแต่งตั้ง และผู้ถูกแต่งตั้งต้องกล่าวยอมรับ
4.ผู้ถูกแต่งตั้งต้องมีคุรสมบัติเป็นวะลีได้ เป็นผู้มีคุณธรรมและผู้ทรงความรู้ในเรื่องการนิกาหฺดี
ถาม
ข้อความแต่งตั้ง และข้อความยอมรับนั้น อย่างไร?
ตอบ
- ข้อความของฝ่ายชายคือ "ข้าพเจ้าแต่งตั้งท่านเป็น ทำการนิกาหฺข้าพเจ้ากับนางสาว.......
และข้าพเจ้ายินดีปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของท่านทุกประการ"
- ข้อความของฝ่ายหญิงคือ "ข้าพเจ้าแต่งตั้งท่านเป็น นิกะหฺข้าพเจ้ากับนาย......
และข้าพเจ้ายินดีปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของท่านทุกประการ"
- ส่วนคำตอบรับของ คือ "ข้าพเจ้ายอมรับเป็น ตามที่ท่านได้แต่งตั้งนี้
จาก...ท่านถาม-เราตอบ โดย. อ.อาดำ มะหะหมัด
ซึ่งมิได้ระบุว่าใช้ตำราอ้างอิงเล่มใด
แต่โดยมากแล้ว ครูดำ จะใช้หนังสือ อินาน่าตุ้ตตอลิบีน (ตำราในมัซฮับซาฟีอี)
...
ผมก็ไม่ไช่ผู้รู้ แต่ขอออกความคิดเห็นเท่านั้น...
จากคำถามของเจ้าของกระทู้ ที่ถามว่าบาปหรือไม่นั้นต้องดูว่าบาปนั้นจากความผิดใด
ผิดเนื่องจากการปฏฺิเสธการแต่งงาน หรือว่าผิดเพราะไม่เชื่อฟังพ่อแม่
ถ้าหากผิดเพราะปฏฺเสธการแต่งงานอันนี้ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน เพราะการแต่งงานเป็นสุนัต
ถ้าผิดเพราะทำให้พ่อแม่โกรธ ก็เป็นเรื่องของครอบครัวที่ต้องทำความเข้าใจกัน
ซึ่งผมคิดว่าสมัยนี้คุยกับพ่อแม่เรื่องนี้ได้
วัลลอฮุอะลัม
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: Deeneeyah Date: พ.ค. 05, 2008, 04:24 PM
แก้ไขนิดนึง
เคยรับรู้มาว่า หากเป็นชายที่มีความพร้อมที่จะแต่งงานทั้งร่างกายและทรัพย์สิน และหากไม่แต่งงานนั้นเขาจะต้องเข้าใกล้การทำซินา
อย่างนี้ ถื่อว่าจำเป็นต้องแต่งงานครับ
ทราบมาแบบนี้
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: faison Date: พ.ค. 05, 2008, 04:25 PM
ยะซาอัลลออ์คร๊าาาบ.............
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: faison Date: พ.ค. 05, 2008, 04:26 PM
อะไรถึงเรียกว่าความพร้อมตามหลักการศาสนาหละครับ
- เรียนจบก่อน
- มีงานทำก่อน
- มีความมั่นคงก่อน
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: Deeneeyah Date: พ.ค. 05, 2008, 06:21 PM
อะไรถึงเรียกว่าความพร้อมตามหลักการศาสนาหละครับ
- เรียนจบก่อน
- มีงานทำก่อน
- มีความมั่นคงก่อน
ที่รู้มาก็คือ
เช่นบุคคที่เป็นหมุ่มใหญ่ห้าว เตะปีบนี่ไม่ใช่แค่ดังแต่ปี๊ปกระเด็นเลย (คือมีความต้องการทางเพศสูง), และมีความสามารถเลี้ยงดูภรรยาได้ และถ้าหากไม่แต่งให้แล้วมองดูแล้ว หมอนี่จะเสี่ยงต่อการทำซินาสูง
ส่วนที่ตรงกันข้ามก็มี คือ บุคคลไม่ชอบผู้หญิง, เตะปี๊บไม่ดัง (คือไม่มีความสามารถ) แถมยังไม่มีปัญญาเลี้ยงดูภรรยาอีกด้วย อย่างนี้ไม่สมควรแต่งงาน (ถ้าแต่งไปสงสารผู้หญิงแย่)
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: Deeneeyah Date: พ.ค. 05, 2008, 06:33 PM
ถาม
หากวะลีหายตัวไปจะนิกหฺอย่างไร?
ตอบ
ให้พิจารณาดังนี้
- หากไม่ทรบว่าวะลีอยู่ที่ไน เป็นหรือตายให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ
- เมื่อถึงที่สุด กอฎี ตัดสินว่าสาบสูญ ให้เลื่อไปยังวะลีลำดับถัดไป
- หากทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ไกลสองมัรหะละห์ ให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ- หากอยู่ใกล้จะต้องมีวะลีนิกาหฺ หรือให้วะกีล (วะลีมอบให้ผู้อื่นทำการนิกาหฺ)
- หากทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ไกลสองมัรหะละห์ ให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น
ทัศนะของอิหม่ามซาฟีอี
ตอนสมัยผมยังเรียนอยู่ (ก็ยังไม่นานเท่าไหร่หรอก

) ได้ยินข่าวแบบนี้ประจำว่าหนีตามกัน จากกรุงเทพไปให้อิหม่ามแถวๆ เพชรบุรี แต่งให้ กรณีนี้ก็คงถึงที่สุดแล้วไม่งั้นคงไม่พาหนีกันไป
ซึ่งตอนนี้ก็มีการกระทำกัน ที่รับทราบมากก็ นักศึกษาต่างจังหวัดที่มีเรียนในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นแฟนกัน และกลัวบาปจากการทำซินา ก็จะมาให้อิหม่ามประจำมัสยิดในกรุงเทพฯนิกะหฺให้
อิหม่ามก็ทำให้เพื่อป้องกันซินา
แต่ปัจจุบันคณะกรรมกากลางรอิสลามประจำกรุงเทพฯ ได้มีข้อตกลงกับอิหม่ามประจำมัสยิดในกรุงเทพฯ ว่าหากจะมีการแต่งงานลักษณะนี้ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกลางอิสลามประจำกรุเทพฯ เท่านนั้น
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: قطوف من أزاهير النور Date: พ.ค. 05, 2008, 07:56 PM
salam
ข้างบนโน้นพี่ตอบชัดเจนมาก ยะซากัลลอฮฺค่ะ

ขออนุญาตถามต่อ นะคะ

ถาม
หากวะลีหายตัวไปจะนิกหฺอย่างไร?
ตอบ
ให้พิจารณาดังนี้
- หากไม่ทรบว่าวะลีอยู่ที่ไน เป็นหรือตายให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ
- เมื่อถึงที่สุด กอฎี ตัดสินว่าสาบสูญ ให้เลื่อนไปยังวะลีลำดับถัดไป
- หากทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ไกลสองมัรหะละห์ ให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ
- หากอยู่ใกล้จะต้องมีวะลีนิกาหฺ หรือให้วะกีล (วะลีมอบให้ผู้อื่นทำการนิกาหฺ)
- หากทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ไกลสองมัรหะละห์ ให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ
ซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นทัศนะของอิหม่ามซาฟีอี
1.ไม่แน่ใจว่ามัรหะละห์ หมายถึงไกลแค่ไหนคะ
2. แล้วสงสัยต่ออีกหน่อยว่า แอบเข้าใจเอาเองว่าตรงสีแดงอาจเป็นเพราะสมัยก่อนไม่มีเครื่องมือสื่อสาร แต่ปัจจุบันถึงว่าอยู่ไกลอย่างไร แต่ปัจจุบันมีโทรศัพท์ มีอินเตอร์เนท ติดต่อกันได้ง่าย ถ้าบุตรสาวต้องการแต่งงานจริง ๆ น่าจะหารือแล้วมอบหมายกับวะลีก่อนได้ ถ้าอย่างนั้นการหนีไปแต่งงานโดยจงใจให้ไปไกลเกินสองมัรหะละฮฺอย่างนี้ก็ใช้ได้หรอคะ คือมันน่าจะมีเกณฑ์ในการใช้หลักการข้อนี้น่ะค่ะ
ปล. ข้อสองนี่แอบคิดต่อแล้วสงสัยเองน่ะค่ะ ผิดถูกยังไงชี้แนะด้วย ยะซากัลลอฮฺค่ะ
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: faison Date: พ.ค. 05, 2008, 09:14 PM

งั้นผมก็พร้อมแล้ว...........
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: ad-dalawy Date: พ.ค. 05, 2008, 09:24 PM
- หากทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ไกลสองมัรหะละห์ ให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ
ซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นทัศนะของอิหม่ามซาฟีอี
ตอนสมัยผมยังเรียนอยู่ (ก็ยังไม่นานเท่าไหร่หรอก
) ได้ยินข่าวแบบนี้ประจำว่าหนีตามกัน จากกรุงเทพไปให้อิหม่ามแถวๆ เพชรบุรี แต่งให้ กรณีนี้ก็คงถึงที่สุดแล้วไม่งั้นคงไม่พาหนีกันไป
ซึ่งตอนนี้ก็มีการกระทำกัน ที่รับทราบมากก็ นักศึกษาต่างจังหวัดที่มีเรียนในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นแฟนกัน และกลัวบาปจากการทำซินา ก็จะมาให้อิหม่ามประจำมัสยิดในกรุงเทพฯนิกะหฺให้
อิหม่ามก็ทำให้เพื่อป้องกันซินา
แต่ปัจจุบันคณะกรรมกากลางรอิสลามประจำกรุงเทพฯ ได้มีข้อตกลงกับอิหม่ามประจำมัสยิดในกรุงเทพฯ ว่าหากจะมีการแต่งงานลักษณะนี้ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกลางอิสลามประจำกรุเทพฯ เท่านนั้น
ประเด็นนี้เมื่อไปเซริทดูในคำถามเก่าๆ ของที่ตอบด้วย ท่านอัลอัซฮะรี เพราะปรากฏเขาจะไม่ตอบแต่ให้ไปปรึกษากับเจ้าที่หน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง ผมคิดว่ากรณีพาไปแต่งงานกันที่อื่นนั้นทางเว็บนี้ไม่ส่งเสริม แต่ผมอยากขอหลักฐานตรงๆ จากตำราได้ไหมว่ามันมีกรณีพาหนีแต่งงานด้วยแล้วอุลามาฮ์ฮุกุ่มว่ามันใช้ได้ เพราะผมหาแล้วไม่เจอ ช่วยอ้างอิงมาหน่อยครบเพื่อเป็นความรู้น่ะไม่ใช่เพื่อส่งเสริมการพาหนี
salam
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: ad-dalawy Date: พ.ค. 05, 2008, 09:38 PM
- หากทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ไกลสองมัรหะละห์ ให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ
ซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นทัศนะของอิหม่ามซาฟีอี
ขอความกระจ่างหน่อยครับ คำว่าวะลีอยู่แต่อยู่ไกลถึงสองมัรฮะละฮ์นั้น มันเป็นอย่างไร อยู่ไกล
เพราะว่าวะลีมีอุปสรรค์ไม่สามารถเดินทางมาแต่งงานได้หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ หรือวะลีไม่ได้มีอุปสรรค์อะไร แต่ผู้หญิงกับชายหนีจากวะลีที่กีดกันการแต่งงานให้ไกลพ้นสองมัรฮะละฮ์แล้วตั้งฮากิมมาทำการแต่งงาน โดยฮากิมเองก็ไม่รู้ว่าทั้งสองลูกเต้าเหล่าใคร เมื่อทำการแต่งงานให้มันจะใช้ได้หรือ แล้วในตำราฟิกห์มีนำเสนอไว้บ้างใหมหรือพวกเราตั้งประเด็นขึ้นมาเอง ดังนั้นหากมีตำราระบุไว้ก็ช่วยกันอ้างอิงมาหน่อยเพื่อเป็นความรู้ไม่ใช่เพื่อพาหนีแต่งงาน ผมรู้สึกเห็นใจที่เวลามีคนมาถามปัญหาศาสนาเกี่ยวกับพาหนีเพื่อแต่งงานแล้วทางท่านอัซฮะรีไม่ชอบที่จะตอบ เพื่อเกรงว่าจะส่งเสริมการพาหนี แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งคือหากไม่แต่งให้ซินามันจะเกิด แล้วใครจะรับผิดชอบ
ตกลงแล้วเรื่องพาหนีนี้ในตำราฟิกฮ์มีบันทึกประเด็นนี้ไว้หรือเปล่า หากมีโปรดนำเสนอกันมาเพื่อความรู้ครับ
salam
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: faison Date: พ.ค. 05, 2008, 09:45 PM
- หากทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ไกลสองมัรหะละห์ ให้ ฮากิม ทำการนิกาหฺ
ซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นทัศนะของอิหม่ามซาฟีอี
ขอความกระจ่างหน่อยครับ คำว่าวะลีอยู่แต่อยู่ไกลถึงสองมัรฮะละฮ์นั้น มันเป็นอย่างไร อยู่ไกลเพราะว่าวะฮาบีมันอุปสรรค์ไม่สามารถเดินทางมาแต่งงานได้หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ หรือวะลีไม่ได้มีอุปสรรค์อะไร แต่ผู้หญิงกับชายหนีจากวะลีที่กีดกันการแต่งงานให้ไกลพ้นสองมัรฮะละฮ์แล้วตั้งฮากิมมาทำการแต่งงาน โดยฮากิมเองก็ไม่รู้ว่าทั้งสองลูกเต้าเหล่าใคร เมื่อทำการแต่งงานให้มันจะใช้ได้หรือ แล้วในตำราฟิกห์มีนำเสนอไว้บ้างใหมหรือพวกเราตั้งประเด็นขึ้นมาเอง ดังนั้นหากมีตำราระบุไว้ก็ช่วยกันอ้างอิงมาหน่อยเพื่อเป็นความรู้ไม่ใช่เพื่อพาหนีแต่งงาน ผมรู้สึกเห็นใจที่เวลามีคนมาถามปัญหาศาสนาเกี่ยวกับพาหนีเพื่อแต่งงานแล้วทางท่านอัซฮะรีไม่ชอบที่จะตอบ เพื่อเกรงว่าจะส่งเสริมการพาหนี แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งคือหากไม่แต่งให้ซินามันจะเกิด แล้วใครจะรับผิดชอบ
ตกลงแล้วเรื่องพาหนีนี้ในตำราฟิกฮ์มีบันทึกประเด็นนี้ไว้หรือเปล่า หากมีโปรดนำเสนอกันมาเพื่อความรู้ครับ
salam
เกี่ยวอะไรกับ วาฮาบีอะครับ
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: ad-dalawy Date: พ.ค. 05, 2008, 09:55 PM
เกี่ยวอะไรกับ วาฮาบีอะครับ
พิพม์พลาดไปนะครับ เปลี่ยนเป็น วะลี ไม่ใช่วะฮาบี มะอัฟๆ
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: Deeneeyah Date: พ.ค. 05, 2008, 11:52 PM
เล่าให้ฟังต่อ..
พอหนีไปแต่งกันเสร็จกลับมา เจอพ่อแม่ของอีกฝ่ายซึ่งไม่ยอมรับในทัศนะนี้ ก็จะให้แต่งงานกันใหม่
อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอกว่าใช้ได้แล้ว ถ้าหากแต่งกันใหม่ที่ผ่านมาก็เท่ากับทำซินา แถมยังไปยกเลิกสิ่งที่ฮ่าล้าลอีกด้วย (คือการแต่งงานครั้งแรก)
ฟังดูแล้วก็วุ่นวายกันเหลือเกิน
ส่วนเด็กด็กแว๊นส์ (วันรุ่นที่ไม่เอาศาสนา) คนพวกนี้บางทีมันก็ไม่สนแต่งงานกัน ไปอยู่กันเลย กว่าจะแต่งก็ท้องแล้ว ก็จะมีปัญหาให้โต๊ะครูคิลาฟกันอีกแล้วว่าแต่งตอนท้องได้หรือไม่

ผมคิดว่า ปัญหามันมีเยอะตามหอพักนักศึกษาในสมัยหลังๆ นี่แหละ
ถามหน่อยว่าการส่งลูกสาวมาเรียนตัวคนเดียวนั้นมันวายิบแค่ไหน
Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: - ครูจริงใจ- Date: พ.ค. 07, 2008, 10:50 PM
อัสลามุอะลัยกุ้มครับ
เคยมีบิดาคนหนึ่งได้บังคับจับแต่งลูกสาวของตน แล้วลูกสาวก็ไปฟ้องท่านนบีในเรื่องที่พ่อของนางได้บังคับ แล้วนบีก็ให้เรียกตัวพ่อของนางมา แล้วบุตรสาวก็กล่าวว่า มิใช่ว่าฉันจะขัดความประสงค์ของบิดา แต่ฉันต้องการที่จะบอกให้รู้ว่า ผู้หญิงก็มีสิทธิเลือกตามความต้องการของนางเองได้
วัสลาม
^
เคยได้ยินฮาดิษ นี้ เหมือนกัน แต่จำแบบเต็มๆ มะได้
ใคร ได้แบบ เต็มๆ ช่วย ลงให้ทีได้ไหม ค่ะ
ญาซากัลลอฮฺ ล่วงหน้า ค่ะ

^
ไม่อนุญาตให้บุรุษ แม้ทั่งผู้เป็นบิดา ทำการบังคับสตรีให้แต่งงานกับบุรุษที่นางไม่รัก เพราะการแต่งงานนั้น จำเป็นต้องได้รับการยินยอมและความพอใจจากนาง
" มีสตรีคนหนึ่งได้ไปหาท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อฟ้องร้องกับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า บิดาของนางได้บังคับให้แต่งงานกับบุตรของพี่น้องของบิดา เพื่อดังกล่าวจะสามารถยกฐานะของเขา โดยที่นางมีความรังเกียจ ดังนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงเชิญบิดามาของนางมา และให้สตรีทคนนั้น ทำการเลือกได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะปฏิเสธการแต่งงานหรือให้การยอมรับ ดังนั้น นางสามารถที่จะกำหนดได้ตามความประสงค์ในการตอบรับการแต่งงาน และนางได้กล่าวว่า "โอ้ ร่อซูลัลลอฮ์ ฉันได้ยินยอมกับสิ่งที่บิดาได้กระทำแล้ว แต่ทว่าฉันประสงค์ที่จะให้บรรดาสตรีรับรู้ว่า แท้จริง บิดานั้นไม่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ หมายถึง บิดาไม่มีอำนาจบังคับให้บุตรสาวทำการแต่งงาน "
รายงานโดย อัลบุคอรีย์ ในบทว่าด้วยเรื่องการนิกะฮ์
( ปล . คัดลอกมาจากคำตอบที่ท่านอาจารย์เคยเขียนเอาไว้ (ในกระทู้ไหน จำไม่ได้แล้ว

) )
ผิดพลาดประการใด โปรดชี้แนะ ด้วย

วัลลอฮู อะลัม

Re: เป็นบาปป่าวค่ะ... By: قطوف من أزاهير النور Date: พ.ค. 07, 2008, 11:07 PM
salam
ไปป๊ะมา เลยแวะมาแปะ
เป็นคำอธิบายที่ดี ในหลาย ๆ คำตอบในกระทู้นี้นะเคอะ
พ่อขัดขวางลูกสาวไม่ให้แต่งงานกับผู้ชายที่คู่ควรกัน ?