ผมไม่เคยไปเที่ยวห้องสมุดวิทยาลัยอิสลามยะลาครับ แต่ผมเคยเข้าไปละหมาดที่มัสยิดและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าไปเยี่ยมดูในห้องน้ำห้องส้วมของมัสยิดในเขตวิทยาลัยฯ ผมพูดอะไรไม่ออกเลยครับ
แต่ผมจะคอยติดตามข่าวที่คุณ GeT บอกไว้เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวนะครับ ส่วนตัฟซีรของปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์ที่มีไว้ในห้องสมุดเพื่ออ้างอิงนั้น ก็สิ่งที่น่าจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะถ้าหากไม่มีตัฟซีรของปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์หรือตัฟซีรที่อยู่ในแนวทางสอดคล้องกับอัลอะชาอิเราะฮ์ ห้องสมุดก็จะขาดแคลนและแทบไม่มีหนังสือตัฟซีรอ้างอิงเลยนั่นเองครับ เช่นเดียวกัน หากไม่มีหนังสือฮะดีษหรือหนังสืออธิบายฮะดีษของปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์หรือสอดคล้องกับแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์ ก็จะขาดแคลนตำราฮะดีษอ้างอิงในห้องสมุดเลยทีเดียวครับ
วัสลาม
วะฮาบีย์ไม่มีทางลึกซึ้งในวิชาการศาสนาได้อย่างแน่นอน หากว่าไม่พึ่งตำราของปราชญ์อะชาอิเราะฮฺ แต่อุละมาอฺอะชาอิเราะฮฺ ไม่จำเป็นต้องพึ่งตำราของวะฮาบีย์แม้แต่เล่มเดียว พวกเขาก็สามารถแตกฉานในวิชาความรู้ได้..แล้วยังไม่พึงสังวรณ์อีกหรือ ??
Re: หลักอะกีดะฮ์บิดอะฮ์กับการแปลอัลกุรอานของสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 19, 2010, 09:47 AM
ความรู้ความเข้าใจในเรื่องศาสนาระหว่างของผู้รู้กับผู้คนทั่วไป (คนเอาวาม) นั้น ผมเชื่อว่าทุกคนย่อมรู้ดีว่ามันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉะนั้น หน้าที่ของผู้รู้ประการหนึ่งก็คือ การไม่นำเสนอสิ่งที่คลุมเครือ หรือเสี่ยงต่อการเข้าใจของผู้รับความรู้ที่มีต่อศาสนาได้ ส่วนหนึ่งในนั้นก็คือ การใช้ภาษาในการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจทางศาสนานั่นเอง อาจเรียกได้ว่า หากใครที่ไม่มีความสามารถตรงนี้ ก็สมควรฝึกให้แตกฉานเสียก่อน แต่หากไม่สามารถจริงๆ ก็สมควรอธิบายให้บุคคลหนึ่งที่ใช้ภาษาได้ดี เป็นตัวแทนในการถ่ายทอดแทน ซึ่งเหมือนกับกรณีของนบีย์มูสากับนบีย์ฮารูนนั่นเอง - วัลลอฮุอะอ์ลัม
Re: หลักอะกีดะฮ์บิดอะฮ์กับการแปลอัลกุรอานของสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ By: HerOoeS Date: ธ.ค. 19, 2010, 12:50 PM
ผู้รู้ที่ทำตัวเป็นน้ำบ่อ ก็ คงต้อง เอาเครื่องสูบน้ำ มา ใส่เครื่องพ่นละอองอากาศ จะได้ กลายเป็นเมฆ ยังประโยชน์แก่มนุษยชาติ ทั้งมวลเสียที