Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: Al Fatoni Date: ต.ค. 17, 2008, 09:15 PM
ผมปลื้มตันใจมากครับ ที่ผ่าน เพราะมีเพื่อนคนหนึ่งที่แต่ก่อนชอบฟังบรรยายธรรมของ อ.มุรีด และ อ.ริฎอ และชอบวิจารณ์เหมือน อ.ทั้งสองวิจารณ์ ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว เกี่ยวกับอะชาอิเราะฮ์ เนื่องจากเขาได้ศึกษาข้อมูลต่างๆ จากเว็บนี้ และคิดว่า แนวทางวะฮาบีย์นั้นพยายามที่จะตัชบีหฺต่ออัลลอฮฺ เป็นแนวทางที่แปลกพอควร อัลหัมดุลิลลาฮฺครับ เพราะระยะหลังๆ มานี้ ผมเริ่มเห็นหลายคนเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับมัฑฮับและอะชาอิเราะฮ์ในทางที่ดีขึ้น สิ่งที่วิจารณ์ในทางที่ไม่ดีแต่ก่อน เริ่มลดน้อยลง ส่วนใหญ่จะอ้างว่า เพราะได้อ่านข้อมูลจากเว็บนี้ อัลหัมดุลิลาฮฺครับ และหลายคนรู้สึกเป็นห่วง เมื่อวันไหนที่รู้ว่าเว็บนี้เข้าไม่ได้ หรือโดนเล่นงาน อัลหัมดุลิลาฮฺ ทุกอย่างเริ่มจะเข้ารูปเข้ารอยแล้วครับ พยายามต่อไปนะครับ พี่น้องรวมทั้งตัวผมเองด้วย เพื่อเปิดธาตุแท้ของวะฮาบีย์ - วัสสลาม
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: al-azhary Date: ต.ค. 19, 2008, 04:23 AM
ความจริงแล้วพระองค์อัลลอฮ.ทรงสถิตอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ดังที่ พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ถึงความเหมาะสมความมีเกียรติและความเกรียงไกรของ พระองค์ ดังหลักฐานต่อไปนี้
พระองค์ตรัสว่า
]إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ[………
แท้ จริงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้านั้น คืออัลลอฮฺผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผนดินภายในหกวันแล้วทรงสถิตย์อยู่บน บัลลังก์..................[1]
พระองค์ตรัสว่า
]الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى[
ผู้ทรงกรุณาสถิตอยู่บนบัลลังก์ [2]
พระองค์ตรัสว่า
]إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ يُدَبِّرُ الأمْرَ مَا مِنْ شَفِيعٍ إِلا مِنْ بَعْدِ إِذْنِهِ ذَلِكُمُ اللَّهُ رَبُّكُمْ فَاعْبُدُوهُ أَفَلا تَذَكَّرُونَ[
แท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า คืออัลลอฮ.ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผนดินในเวลาหกวันแล้วพระองค์ทรง ประทับอยู่บนบัลลังก์ ทรงบริหารกิจการไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือใดๆเว้นแต่ต้องได้รับอนุมัติจาก พระองค์นั้นคืออัลลอฮ.พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า พวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อพระองค์เถิด พวกเจ้าไม่ได้ใคร่ครวญดอกหรือ?[3]
พระองค์ตรัสว่า
]الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ وَمَا بَيْنَهُمَا فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ الرَّحْمَنُ فَاسْأَلْ بِهِ خَبِيرًا[
พระ ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินและสิ่งที่มีอยู่ในระหว่างทั้งสองนั้นใน หกวัน แล้วพระองค์ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ พระองค์ผู้ทรงกรุณา ดังนั้นเจ้าจงถามผู้รอบรู้เกี่ยวกับพระองค์เถิด[4]
มีหลักฐานจากกุ รอานหลายโองการที่กล่าวถึงการทรงสถิตบนบัลลังก์ของพระองค์บนฟ้า ดังนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนคุณลักษณะของพระองค์ที่พระองค์ทรง กล่าวไว้ด้วยพระองค์เองไปเป็นอีกคุณลักษณะหนึ่ง เรานั้นเป็นใคร?ที่ต้องการเปลี่ยนคำว่า อิสตาวะ( استواء ) ให้เป็น อิสเตาลา( استولا ) เราเป็นคนที่เก่งที่สุดกระนั้นหรือ?ทั้งๆที่เราไม่มีความสามารถ หรือเราคิดว่าสติปัญญาของเราล่ำเลิศสามารถที่จะเปลี่ยนคำของพระองค์อัลลอฮฺ ในสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ด้วยพระองค์เอง?
ในพระดำรัสของพระองค์ ที่กล่าวถึงการสถิตอยู่บนบัลลังก์โดยใช้คำว่า อิสตาวะ อาลันอัรช์มีอยู่ประมาณ 7 โองการ ถ้าหากว่าพระองค์อัลลอฮฺประสงค์ที่จะกล่าวไปสู่ความหมายอื่นแน่นอนพระองค์จะ ต้องกล่าวถึงสิ่งนั้นอย่างชัดเจน
ถือว่าเป็นความผิดผลาดอย่างร้าย แรงสำหรับบุคคลที่พวกเขาเปลี่ยนแปลงคำของอัลลอฮฺซึ่งเป็นคำที่พระองค์กำหนด ขึ้นมาที่ประกฎในคัมภีร์ของพระองค์ไปสู่อีกความหมายหนึ่ง โดยใช้ความคิด การคาดคะแน่ การคาดเดาตามอารมณ์ตัวเอง แท้จริงแล้วพระองค์อัลลอฮฺ มหาบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขาคาดคิด
พระองค์อัลลอฮฺตรัสว่า
]فَاطِرُ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضِ جَعَلَ لَكُمْ مِنْ أَنْفُسِكُمْ أَزْوَاجًا وَمِنَ الأنْعَامِ أَزْوَاجًا يَذْرَؤُكُمْ فِيهِ لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ[
พระผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดินพระองค์ที่ทำให้มีคู่ครองแก่พวกเจ้าซึ่งจากตัวของพวกเจ้าเอง และจากปศุสัตว์นั้นทรงทำให้มีคู่ผัวเมีย ด้วยเหตุนี้ทรงแพร่พันธ์พวกเจ้าไว้อย่างมากมาย ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงเห็น [5]
และพระองค์ตรัสว่า
]هَؤُلاءِ قَوْمُنَا اتَّخَذُوا مِنْ دُونِهِ آلِهَةً لَوْلا يَأْتُونَ عَلَيْهِمْ بِسُلْطَانٍ بَيِّنٍ فَمَنْ أَظْلَمُ مِمَّنِ افْتَرَى عَلَى اللَّهِ كَذِبًا[
กลุ่มชนเหล่านั้นของเราได้ยืมเอาพระเจ้าต่างๆอื่นจาก พระองค์ ทำไม่พวกเขาจึงไม่นำหลักฐานอันชัดแจ้งมายืนยันเล่า ดังนั้นจะมีผู้ใดอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ [6]
และพระองค์ตรัสว่า
]وَلِلَّهِ الأسْمَاءُ الْحُسْنَى فَادْعُوهُ بِهَا وَذَرُوا الَّذِينَ يُلْحِدُونَ فِي أَسْمَائِهِ سَيُجْزَوْنَ مَا كَانُوا يَعْمَلُونَ[
และอัล ลอฮฺนั้นมีบรรดาพระนามที่สวยงาม ดังนั้นพวกเจ้าจงวิงวอนต่อพระองค์ด้วยพระนามเหล่านั้นเถิด และจงอย่ายุ่งกับบรรดาผู้ที่ทำให้เพี้ยนกับพระนามของพระองค์เลย พวกนั้นจะถูกลงโทษในสิ่งที่พวกเขากระทำ [7]
เชค ซอแหละอับดุลลอฮฺ เฟาซานได้อรรถาธิบายโองการนี้ในหนังสือเตาฮีดของท่าน จำเป็นที่เราจะต้องยึดมันในพระนามของพระองค์ตามที่พระองค์ได้กำหนด และใครก็ตามที่ได้ปฏิเสธ พระนามเหล่านั้นเท่ากับว่าเขากำลังปฏิเสธในสิ่งที่พระองค์นำมา แท้จริงพระองค์ทรงโกรธกริ้วบุคคลที่พวกเขาได้เปลี่ยนพระนามต่างๆของพระองค์ และพวกเขาจะได้รับการลงโทษในความผิดที่ได้ก่อขึ้น เชคซอแหละอับดุลลอฮฺเฟาซานได้กล่าวอีกว่า โองการอัลกุรอานทั้ง 7 ที่มีคำว่า อิสตาวะ ประกฎในรูปคำและประโยคก็ดีที่เหมือนกัน เป็นการบ่งบอกว่าโองการดังกล่าวมีความหมายตามที่ประกฎโดยไม่ต้องการการตะวิล [8]...................................
อัรชี ( عرش ) ในภาษาอาหรับหมายถึงบัลลังก์ของกษัตริย์ แต่อัรชี ( عرش ) ที่ประกฏในกุรอานนั้นหมายถึงบัลลังก์ของพระองค์อัลลอฮฺที่มีบรรดามลาอิกะห์ แบกอยู่และเสมือนหลังคาที่ให้รมเงาแก่สิ่งถูกสร้าง
พระองค์ตรัสว่า
]وَالْمَلَكُ عَلَى أَرْجَائِهَا وَيَحْمِلُ عَرْشَ رَبِّكَ فَوْقَهُمْ يَوْمَئِذٍ ثَمَانِيَةٌ[
และมะลักก์จะประกฎอยู่บนเวหาและ(มะลาอีกะฮฺ)จำนวนแปดท่านจะทูนบัลลังก์ของพระผู้อภิบาลของเจ้าไว้ในวันนั้น [9]
พระองค์ตรัสว่า
]الَّذِينَ يَحْمِلُونَ الْعَرْشَ وَمَنْ حَوْلَهُ يُسَبِّحُونَ بِحَمْدِ رَبِّهِمْ وَيُؤْمِنُونَ بِهِ وَيَسْتَغْفِرُونَ لِلَّذِينَ آمَنُوا رَبَّنَا وَسِعْتَ كُلَّ شَيْءٍ رَحْمَةً وَعِلْمًا فَاغْفِرْ لِلَّذِينَ تَابُوا وَاتَّبَعُوا سَبِيلَكَ وَقِهِمْ عَذَابَ الْجَحِيمِ[
บรรดาผู้แบก บัลลังก์และผู้ที่อยู่รอบๆบัลลังก์ต่างก็แซ่ซ้องด้วยการสดุดีสรรเสริญพระผู้ อภิบาลของพวกเขาและศรัทธาต่อพระองค์และขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา โอ้พระผู้อภิบาลของเราพระองค์ท่านทรงแผ่ความเมตตาและความรู้ไปทั่วทุกสิ่ง ขอพระองค์โปรดอภัยแก่บรรดาผู้ขอลุแก่โทษและดำเนินตามแนวทางของพระองค์ท่าน และทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟนรกด้วยเถิด [10]
ฉนั้น เป็นการเหมาะสมแล้วสำหรับผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรอย่างพระองค์ที่สถิตอยู่บน บัลลังก์ เราไม่ทราบวิธีการและคุณลักษณะอื่นๆในการสถิตย์อยู่บนบัลลังของพระองค์ แต่ทว่าเรายึดมันในสิ่งสอดคล้องและเราเขาใจตามความหมายในภาษาอาหรับ เหมือนคุณลักษณะอื่นๆของพระองค์ที่ประกฎในกุรอานที่ถูกประทานมาด้วยภาษา อาหรับ
salam
ถึงพี่น้องนักศึกษาครับ วะฮาบีย์อ้างว่าความหมายที่ตนเองให้นั้นคือความหมายภาษาอาหรับที่มีอยู่ในอัลกุรอาน และใครที่ไม่ให้ความหมายเหมือนกับพวกเขาก็จะถูกกล่าวหาว่า ปฏิเสธความหมายของอัลกุรอานและฮะดิษ ถือว่าเป็นคำกล่าวที่เห็นแก่ตัวและสร้างความเข้าใจผิดต่อตนเองและผู้อื่น เพราะความจริงแล้วความหมายมันมีหลายนัยตามหลักภาษาอาหรับ แล้วเหตุใดวะฮาบีย์ถึงแอบอ้างว่าความหมายของตนเองนั้นถูกต้อง ส่วนคนอื่นที่ไม่ให้ความหมายเหมือนตนถือว่าปฏิเสธความหมายภาษาอาหรับในอัลกุรอาน ซุบฮานัลลอฮ์! ขออัลลอฮ์ชี้นำให้พวกเขากลับมาอยู่ทางนำด้วยเถิด ยาร็อบ!
วะฮาบีย์มักจะอ้างคำอธิบายความหมายอิสติวาอฺที่ว่า
ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ : قال الكلبي ومقاتل: استقر
"การอิสติวาอฺบนบัลลังก์นั้น อัลกัลบีย์และมะกอฏิลกล่าวว่า หมายถึง ทรงสถิตอยู่"
คำกล่าวของ อัลกะละบีย์และมุกอติล นี้แหละครับ ที่วะฮาบีย์ทั้งหลายเขายึดเอามาเป็นบรรทัดฐานในเรื่องของอะกีดะ ฮ์ เกี่ยวกับ อัลอิสติวาอ์ เพราะวะฮาบีย์จะแปลเกี่ยวกับอายะฮ์ อัลอิสติวาอ์นี้ บางทีแปลว่า "ประทับ(นั่ง)" (جَلَسَ) หรือแปลว่า "สถิต" (اِسْتَقَرَّ) เท่านั้น และกลุ่มวะฮาบีย์ก็เลือกแปลแบบนี้ ซึ่งเมื่อตรวจสอบไปยังต้นขั่วเดิมก็เป็นคำกล่าวที่ให้ความหมายโดย อัลกัลบีย์ และ มุกอติล
ต่อไปนี้เราลองมารู้จักและพิจารณาถึงสถานะภาพของ อัลกัลบีย์ และ อัลมุกติล ตามหลักวิชาการกันครับ
1. อัล-กัลบีย์
ท่านอัล-บัยฮะกีย์ ได้กล่าววิจารณ์และถ่ายทอดคำวิจารณ์ของบรรดานักหะดิษว่า
" อบูซอลิหฺ , อัล-กัลบีย์ , และมุฮัมมัด บิน มัรวาน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดนี้ ถูกทิ้ง ตามทัศนะของอุลามาอ์หะดิษ ซึ่งบรรดานักฮะดิษจะไม่นำมาอ้างหลักฐานด้วยกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย จากบรรดาสายรายงานของพวกเขา เนื่องจากมีสิ่งที่ขัดกับหลักการอย่างมาก และปรากฏความเท็จในบรรดาสายรายงานของพวกเขา "
"ท่านอลี บิน อัลมะดีนีย์ กล่าวว่า ฉันได้ยิน ยะหฺยา บิน สะอีด อัลก็อฏฏอน ได้เล่า จากท่านซุฟยาน ซึ่งท่านซุฟยานกล่าวว่า อัลกัลบีย์ กล่าวว่า "อบู ซอลิหฺ กล่าวกับฉันว่า ทุกสิ่งที่ฉันได้รายงานเล่ากับท่านนั้น เป็นการโกหก"
"... อัล-กัลบีย์ นั้น ท่านยะหฺยา บิน สะอีด และ ท่านอับดุรเราะฮ์มาน บิน มะฮ์ดี ได้ทิ้ง(การรายงาน) กับเขา"
"ท่านยะหฺยา บิน มะอีน กล่าวว่า อัล-กัลบีย์ นั้น ไม่มีอะไร(รายงานถึงฉันเลย)" ดู อัลอัสมาอ์ วะ อัสซิฟาต ของท่าน อัล-บัยฮะกีย์ หน้าที่ 384
และท่านอัลกุรฏุบีย์กล่าวว่า “อัลกัลป์บีย์นั้น ฎออีฟ” ดู ตัฟซีร อัล-กุรฏุบีย์ เล่ม 1 หน้า 271
2. มุกอติล บิน สุลัยมาน
มุ กอติล ท่านนี้ ฏออีฟ อย่างมาก และเป็นพวกมุชับบิฮะฮ์ อัลมุญัสสิมอะฮ์ ท่านอัซฺซะฮะบีย์ กล่าววิจารณ์ว่า" มุกอติล บิน สุไลมาน นี้ เป็นคนบิดอะฮ์ และเขาเชื่อถือไม่ได้ " (ดู อัลอุลู้ว์ หลักฐานลำดับที่ 333 และหนังสือ มีซาน อัลเอี๊ยะติดาล เล่ม 4 หน้า 174)
ท่านอิมาม อัสซะยูฏีย์ ได้กล่าวว่า " ท่านอัซซะฮะบีย์ ได้กล่าววิจารณ์ สายรายงานหะดิษหนึ่งที่ท่าน อัล-หากิม รายงาน จากท่านอิบนุ มัสอูด (ร.ฏ.) ว่า อิสหาก และ มุกอติล นั้น ทั้งสอง เชื่อถือไม่ได้ และเป็นคนที่พูดไม่สัจจะ" (ดู อัล-ละอาลิอฺ อัล-มัสนูอะฮ์ เล่ม 2 หน้า 306 และ อัลมุสตัดร๊อก เล่ม 4 หน้า 320)
ท่านอัลค่อฏีบ อัลบุฆดาดีย์ ได้รายงานถึงท่านอิมามอะห์มัด ซึ่งท่านอะห์มัดกล่าวว่า "ให้กับมุกอติลนั้นมีตำราต่าง ๆ เมื่อดูแล้ว ฉันไม่พบว่าเขามีความรู้เรื่องอัลกุรอาน" หนังสือตารีคบุฆดาด 13/161
ท่านอัลค่อฏีบ อัลบุฆดาดีย์ ได้รายงานถึงท่านอะห์มัด บิน ยาซาร ความว่า "มุกอติลนั้นฮะดิษเขาถูกทิ้ง โดยเขาได้พูดเกี่ยวกับบรรดาซีฟาตของอัลเลาะฮ์ด้วยกับสิ่งที่ไม่อนุญาตให้รายงานจากเขา" หนังสือตารีคบุฆดาด 13/162
ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮิบบาน กล่าวว่า "มุกอติลได้รับเอามาจากพวกยาฮูดีและนะซอรอเกี่ยวกับวิชาอัลกุรอานเพื่อให้สอดคล้องกับพวกเขา และมุกอติลเป็นพวกมุชับบิฮะฮ์ที่พรรณาความคล้ายคลึงระหว่างอัลเลาะฮ์กับมัคโลคและพร้อมกับสิ่งดังกล่าว เขายังโกหกเกี่ยวกับฮะดิษ" ดู หนังสืออัลมัจญฺรูฮีน 2/15 , หนังสืออัฏฏุอะฟาอฺ ของท่านอิบนุเญาซีย์ 1/136
เมื่อผู้ที่รายงานและผู้ที่กล่าวว่า อัลอิสติวาอ์ มีความหมายว่า "สถิต" นั้น เป็นบุคคลที่อุลามาอ์ไม่ให้การเชื่อถือ และพูดไม่สัจจะ ดังนั้นการแปลความหมายอิสติวาอฺของวะฮาบีย์ที่ว่า “สถิต” นั้น จึงเป็นการแปลตามหลักอะกีดะฮ์ของกลุ่มบิดอะฮ์
อนึ่ง ผมได้ อ่านหนังสือที่อัลบานีย์ได้ย่อเอาไว้ ซึ่งหนังสือชื่อ มุตตะซ๊อร อัล-อุลุ้ว์ ของท่านอัซซะฮะบีย์ หน้าที่ 16 - 17 ซึ่งอัลบานีย์รู้สึกแปลกใจ และไม่ทราบสาเหตุว่า เพราะเหตุใด ท่าน อัซซะฮะบีย์เอง ห้ามการอธิบายความหมาย "อิสติวาอ์" ว่า คือ "การสถิต" ( الإستقرار ) อัลบานีย์ได้กล่าวว่า
"ฉันไม่ทราบเหมือนกันว่า อะไรคือสิ่งที่มาห้าม (ท่านอัซซะฮะบีย์) ผู้ประพันธ์หนังสืออัลอุลุ้ว์ - ขออัลเลาะฮ์ทรงอภัยแก่เขา - จาก(การยอมรับ) ความหมายของ "การสถิต" ( اَلإِسْتِقْرَارُ ) นี้ และท่านอัซซะฮะบีย์ก็มั่นใจว่า คำพูดที่รายงานนี้มุงกัร(ฏออีฟ) ...และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ท่านจะเห็นว่าท่านอัซซะฮะบีย์ – ร่อหิมะฮุลลอฮ์ - ตำหนิต่อบุคคลที่อยู่หลังจากศตวรรษที่ 300 ที่กล่าวว่า
إن الله استوى استواء استقرار
"แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงอิสติวาอ์ "แบบสถิต"
ซึ่ง เหมือนกับที่ท่านจะได้เห็น (การตำหนิจากการให้ความหมายว่า"สถิต") ในการกล่าวถึง (ท่านอบู มุหัมมัด อัลก๊อซซอบ บุคคลลำดับที่ 140) และท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าว(ตำหนิ)อย่างชัดเจน ในขณะที่กล่าวถึงหลักฐาน จาก (ท่านอัล บะฆอวีย์ ลำดับที่ 161) ว่า แท้จริง เขา(คือท่านอัซซะฮะบีย์) ไม่ประทับใจ กับการตัฟซีร "อัลอิสติวาอ์" ว่า "สถิต" (ที่เอามาจากอัล-กัลบีย์และมุกอติล) และยิ่งไปกว่านั้น ท่านอัซซะฮะบีย์ ก็ยังตำหนิเป็นอย่างมากกับการใช้คำว่า ( بذاته ) (บิซาติฮี) (สถิตบนบัลลังก์ด้วยซาตของพระองค์) ซึ่งท่านได้ตำหนิอุลามาอ์กลุ่มหนึ่ง ที่กล่าวว่า "อัลเลาะฮ์อยู่บนบัลลังก์ด้วยซาตของพระองค์" ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวไม่มีการรายงานมาจากสะลัฟเลย พร้อมกับคำดังกล่าวนั้น เป็นการอธิบายให้กับคำกล่าวของพวกเขา(ที่ท่านอัซซะฮะบีย์ให้การตำหนิ)คือคำพูดที่ว่า "
استواء الله على خلقه حقيقة استواء يليق بجلاله وكماله
"การอิสติวาอ์ของอัลเลาะฮ์ บนมัคโลคของพระองค์นั้น คืออิสติวาอ์แบบหะกีกัต ที่เหมาะสมยิ่งด้วยความยิ่งใหญ่และสมบูรณ์ของพระองค์" (หมายถึงการอิสติวาอฺแบบฮะกีกัตคือสถิตด้วยซาตของพระองค์ซึ่งท่านอัซซะฮะบีย์ให้การตำหนิเป็นอย่างมาก”
ดังนั้นท่านอัซซะฮะบีย์ ได้พิจารณาว่า คำ ๆ นี้ (คือสถิตด้วยซาตของพระองค์นั้น) มาจาก ( فضول الكلام ) ส่วนเกินของคำพูด (หากแปลตามภาษาอาหรับเขาพูดกันคือ มาจากคำพูดที่ไร้สาระ) " ดู มุคติซ๊อร อัลอุลุ้ว์ ลิอะลียิลอะซีม ของ อัลบานีย์ หน้า 16 - 17 ตีพิมพ์ ที่ อัลมักตับ อัลอิสลามีย์
วัลลอฮุอะลัม
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: al-azhary Date: ต.ค. 19, 2008, 04:25 AM
วะฮาบีย์ปัจจุบัน ได้ตีความ โดยอ้างว่า คำว่า الفوقية และ الإستواء นั้น คือความหมายของการมีทิศและมีสถานที่อยู่ข้างบนให้กับอัลเลาะฮฺ แต่ความจริงมันเป็นเพียงแค่คำกล่าวอ้างเท่านั้น เพราะคำว่า الفوقية นั้นไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นสถานที่ หรือที่อยู่ หรือเป็นทิศ แต่คำว่า الفوقية ได้ชี้ถึงความหมายว่า فوقية القهر والقدرة คือพระองค์ทรงอำนาจมีอำนาจเหนือ และอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
ดังนั้นคำว่า الفوقية ดังที่ผมได้เคยอธิบายไปแล้ว คือสามารถเข้าใจได้ 2 ความหมาย คือ
1. ความหมายแบบ الحسى (แบบรูปธรรม) เช่นเรากล่าวว่า هذا الكتاب فوق الطاولة “หนังสือเล่มนี้อยู่บนโต๊ะ” ซึ่งความหมายถึงยืนยันแก่เราว่า หนังสืออยู่มีสถานที่อยู่ และมีทิศ คืออยู่บนโต๊ะ ความหมายนี้วะฮาบีย์เอามาใช้กับอัลเลาะฮฺ ก็แสดงว่าการมีอยู่บนอะรัชของอัลเลาะฮฺนั้น คล้ายคลึง تشبيه กับมัคโลค คือมีทิศ มีสถานที่อยู่ แต่วะฮาบีย์บอกว่า “ อัลเลาะฮฺอยู่ไม่เหมือน تمثيل มัคโลค” เราจึงเห็นได้ว่าวะฮาบีย์ปัจจุบันนั้น ปฏิเสธการเหมือน แต่ไม่ปฏิเสธการคล้ายคลึง เพราะคำว่าเหมือน “ตัมซีล” تمثيل นั้นคือเหมือนกันอย่างสมบูรณ์ แต่คำว่า “ตัชบีฮ์” تشبيه คือการคล้ายคลึง ซึ่งหากคล้ายคลึงเพียงแค่ด้านหนึ่ง หรือในแง่มุมหนึ่ง ก็ถือว่า تشبيه แล้ว
2. ความหมายแบบ المعنوى (แบบนามธรรม) เช่นเรากล่าวว่า هذا السلطان فوق ذلك السلطان “ผู้ปกครองอาณาจักรท่านนี้ อยู่เหนือ ผู้ปกครองอาณาจักรท่านนั้น” ซึ่งเราไม่ได้หมายความถึงสถานที่หรือมีที่อยู่แต่อย่างใด และเราก็ไม่ได้หมายถึงผู้ปกครองอณาจักรนั้นยืนอยู่บนหัวผู้ปกครองอีกคนหนึ่ง เพราะคำว่า”เหนือ” ณ ที่นี้ คือผู้ปกครองอาณาจักรท่านนี้มีอำนาจเหนือผู้ปกครองอาณาจักรท่านนั้น ซึ่งความหมายนี้อัลเลาะฮฺทรงตรัสยืนยันไว้เองว่า
وهو القاهر فوق عباده
“และพระองค์ทรงมีอำนาจเหนือข้าทาสของพระองค์” อัลอันอาม 18
ท่าน อัฏเฏาะบะรีย์ ได้สรุปอธิบายอายะฮ์นี้ว่า
فَهُوَ فَوْقهمْ بِقَهْرِهِ إِيَّاهُمْ , وَهُمْ دُونه
"ดังนั้นพระองค์จึงอยู่เหนือพวกเขาด้วยอำนาจของพระองค์ต่อพวกเขา(มิใช่ด้วยซาตของพระองค์)และพวกเขาก็อยู่ภายใต้(อำนาจ)พระองค์" ตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์ ซูเราะฮ์อัลอันอาม อายะฮ์ที่ 18
ท่าน อัฏฏ๊อบรีย์อุลามาอฺสะลัฟ ได้ให้ความหมายในเชิงนามธรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งท่านกล่าวว่า
فَإِنْ زَعَمَ أَنَّ ذَلِكَ لَيْسَ بِإِقْبَالِ فِعْل وَلَكِنَّهُ إقْبَال تَدْبِير , قِيلَ لَهُ : فَكَذَلِكَ فَقُلْ : عَلَا عَلَيْهَا عُلُوّ مُلْك وَسُلْطَان لَا عُلُوّ انْتِقَال وَزَوَال
"ดังนั้น ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า ท่านอ้างว่า การตีความคำว่า "استوى" นั้น คือ การมุ่งหน้า . ฉะนั้น หรือว่าพระองค์ทรงผินหลังให้กับฟากฟ้า จากนั้นพระองค์ก็มุ่งไปยังฟากฟ้า?? แต่หากเขาอ้างว่า ดังกล่าวนั้น ไม่ใช่การมุ่งหน้าแบบกระทำ(มุ่งหน้า) แต่เป็นการมุ่งบริหาร. ก็ให้กล่าวแก่เขาว่า ดังนั้น แบบนั้นแหละ(คือการให้ความหมายว่าเป็นการมุ่งกระทำเชิงบริหาร) ท่านจงกล่าวว่า "พระองค์ทรงสูงส่งเหนือฟากฟ้า แบบการสูงส่งของการปกครองและอำนาจ (ไม่ใช่อยู่สูงแบบมีสถานที่) ไม่ใช่สูงแบบเคลื่อนย้ายและก็หายไป" (ดู ตัฟซีร ฏ๊อบรีย์ เล่ม 1 หน้า 192)
ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสกอลานีย์กล่าวว่า
وَلَا يَلْزَمُ مِنْ كَوْنِ جِهَتَىِ الْعُلُوِّ وَالسُّفْلِ مُحَالاً عَلىَ اللهِ أَنْ لاَ يُوْصَفُ بِالْعُلُوِّ ، لِأَنَّ وَصْفُهُ بِالْعُلُوَّ مِنْ جِهَةِ الْمَعْنَى ، وَالْمُسْتَحِيْلُ كََوْنُ ذَلِكَ مِنْ جِهَةِ الْحِسِّ وَلِذَلِكَ وَرَدَ فِىْ صِفَتِهِ الْعَالِى وَالعَلِىُّ وَالْمُتَعَالِى ، وَلَمْ يَرِدْ ضِدُّ ذَلِكَ ,إِنْ كَانَ قَدْ أَحَاطَ بِكُلِّ شَىْءٍ عِلْماُ جَلَّ وَعَزَّ
ความว่า “ ไม่จำเป็นจากการมีสองทิศสูง(บน)และทิศล่างนั้น เป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับอัลเลาะฮ์ที่พระองค์ไม่มีคุณลักษณะที่สูงส่ง เพราะลักษณะความสูงส่งของพระองค์นั้น มาจากด้านของนามธรรม(คือสูงส่งมิใช่รูปธรรมที่อยู่ในความหมายที่พระองค์มี สถานที่สถิตอยู่ให้กับพระองค์) และเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ กับ(การมีคุณลักษณะสูงส่ง)ดังกล่าวนั้นมาจากด้าน(ความหมาย)ที่เป็นรูปธรรม สัมผัสได้(คือมีสถานที่อยู่แบบสูงๆขึ้นไป) และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ คำว่า العالى والعلى والمتعالى (หมายถึงพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง) จึงมีมาอยู่ในลักษณะของพระองค์ และไม่มีระบุมาโดยตรงกันข้ามกับสิ่งดังกล่าวเลย และหากแม้ว่าพระองค์ทรงห้อมล้อมทุก ๆ สิ่งด้วยความรอบรู้ของพระองค์สักทีก็ตาม” ดู ฟัตหฺ อัลบารีย์ เล่ม 6 หน้า 136
ท่านอิมามนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ เราเฏาะตุตฏอลีบีน ของท่าน ว่า
إن من الأمور التى يرتد به الإنسان عن دين الإسلام ويكفر معتقدها هى : أن يثبت إنسان لله تعالى الإتصال والإنفصال
ความ ว่า " ส่วนหนึ่งจากประการต่างๆ ที่ทำให้ มนุษย์ตกมุรตัดออกจากศาสนาอิสลาม และเป็นกุฟุรกับผู้ที่ยึดมั่นกับมัน ก็คือ การที่มนุษย์คนหนึ่งได้ทำการยืนยันให้กับอัลเลาะฮฺ กับการที่(พระองค์)ทรงติดอยู่(ในโลกนี้) หรือแยก(จากโลกนี้ คือพระองค์อยู่นอกโลก) " ดู หนังสือ เราเฏาะตุตฏอลิบีน ของท่านอิมามนะวาวีย์ เล่ม 10 หน้า 64
ท่านอิมามนะวาวีย์(ร.ฏ.) ได้กล่าวเช่นกันว่า
وقال المتولى : من إعتقد قدم العالم ، أو حدوث الصانع ، أو نفى ماهو ثابت للقديم بالإجماع كالألوان ، أو أثبت له الإتصال أو الإنفصال كان كافرا
ความว่า " และท่านมุตะวัลลีย์ กล่าวว่า ผู้ที่เชื่อมั่นว่า โลกนั้นก่อดีม(ไม่มีจุดเริ่มต้น ซึ่งตรงนี้อิบนุตัยมียะฮฺ กล่าวว่า ประเภทของมวลสารของโลกนั้น ก่อดีม) หรือผู้ทรงสร้างนั้นเกิดขึ้นมาใหม่(โดยมีจุดเริ่มต้น) หรือปฏิเสธสิ่งที่ยืนยันให้กับสิ่งที่ก่อดีมด้วยการลงมติแห่งปวงปราชญ์ หรือ ผู้ที่ยืนยันให้กับอัลเลาะฮฺ กับการอยู่ติด(ในโลก) หรือการอยู่แยก(ออกไปนอกโลก) ผู้นั้นย่อมเป็นกาเฟร " หนังสือ อัรเราเฏาะฮฺ อัตฏอลิบีน เล่ม 10 หน้า 63
ท่านอิบนุเญาซีย์กล่าวเช่นกัน ว่า " ดังนั้นท่านไม่เห็นดอกหรือ ? ว่ามีชนกลุ่มหนึ่ง ได้ยินบรรดาฮะดิษเกี่ยวกับซีฟาต(ที่ทำให้มีความคลุมเคลือการเหมือนหรือคล้ายคลึงระหว่างอัลเลาะ ฮฺและมัคโลค) แล้วพวกเขาก็เข้าใจมัน บนสิ่งที่ให้ความเข้าแบบสัมผัสได้ (ในเชิงรูปธรรมคล้ายกับมัคโลค) เช่นพวกเขากล่าวว่า อัลเลาะฮฺลงมาจากฟากฟ้าและเคลื่อนไหวด้วยซฺาตของพระองค์ และนี้เป็นความเข้าใจที่เลว เนื่องจากผู้ที่เคลื่อนไหวได้นั้น ต้องมาจากสถานที่หนึ่ง โดยไปยังอีกสถานที่หนึ่ง และดังกล่าวทำให้เข้าได้ว่า สถานที่นั้นใหญ่กว่ากว่าพระองค์ และจำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหว และทุกสิ่งดังกล่าวนั้น เป็นไปไม่ได้ต่ออัลเลาะฮฺ(ซ.บ.) " ดู ซ็อยดุลคอฏิร หน้า 476
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: al-azhary Date: ต.ค. 19, 2008, 04:29 AM
แม้แต่มะลาอิกะฮ์ที่ได้ชื่อว่า มะลาอิกะตุลมุก็อรร่อบีน (มะลาอิกะฮ์ผู้มีฐานะใกล้ชิดอัลเลาะฮ์) ยังไม่รู้เลยว่า อัลเลาะฮ์อยู่ที่ใหน
รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า
أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ ، وَالْعَرْشُ عَلىَ مَنْكِبِهِ ، وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
"ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน" หะดิษนี้ ซอฮิหฺ
ท่านอะบียะอฺลาได้รายงานฮะดิษไว้ใน มุสนัดของท่าน เล่ม 11 หน้า 496 หะดิษที่ 6619 , ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร ได้ตัดสินซอฮิหฺไว้ในหนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิซะวาอิด อัษษะมานียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 267 ซึ่งท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า (ให้กับฮะดิษของอบียะอฺลา นั้น หะดิษซอฮิหฺ) , และท่านอัลหาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวยืนยันไว้ในหนังสือ มัจญฺมะอ์ อัซซะวาอิด เล่ม 1 หน้า 80 โดยท่าน อัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า (รายงานโดยอบูยะอฺลา และบรรดานักรายงานหะดิษนี้ เป็นนักรายงานที่ซอฮิหฺ) , ท่านอิมามอัศศะยูฏีย์ได้รายงานไว้ในหนังสืออัลญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฆีร ฮะดิษลำดับที่ (906) , และฮะดิษนี้ได้รับการสนับสนุนจากจากฮะดิษท่านญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ ด้วยสองรายงาน ซึ่งรายงานโดยท่านอะบูดาวูด ฮะดิษลำดับที่ (4727) และอัลบานีย์เอง ก็ตัดสินว่าเป็นฮะดิษซอฮิห์ ไว้ในหนังสือ มุตตะซ็อรสุนันอะบีดาวูด (4727) , และอัลบานีย์ยังตัดสินเป็นฮะดิษซอฮิห์ไว้ในหนังสือ ญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฮิห์ (854)
ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร ผู้ที่โลกอิสลามให้ฉายาว่า "อะมีรุลมุมินีนฟิลฮะอิษ" (หัวหน้ามวลผู้ศรัทธาในวิชาฮะดิษ) ได้อธิบายฮะดิษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า
إِنَّ أَحَدَكُمْ إِذَا قَامَ فِي صَلَاتِهِ فَإِنَّهُ يُنَاجِي رَبَّهُ أَوْ إِنَّ رَبَّهُ بَيْنَهُ وَبَيْنَ الْقِبْلَةِ فَلَا يَبْزُقَنَّ أَحَدُكُمْ قِبَلَ قِبْلَتِهِ
"แท้จริงเมื่อคนใดจากพวกท่านอยู่ในละหมาด แท้จริงแล้วเขากำลังเข้าเฝ้าผู้อภิบาลของเขา หรือแท้จริงผู้อภิบาลของเขานั้น อยู่ระหว่างเขากับกิบละฮ์ ดังนั้นคนใดจากพวกท่านอย่าถ่มน้ำลายท่านด้านกิบลัต" รายงานโดยบุคอรีย์ (390)
ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุฮะญัร กล่าวอธิบายฮะดิษนี้ว่า
وَفِيهِ الرَّدّ عَلَى مَنْ زَعَمَ أَنَّهُ عَلَى الْعَرْش بِذَاتِهِ
"ในฮะดิษนี้ ได้โต้ตอบผู้ที่อ้างว่า อัลเลาะฮ์อยู่บนอะรัชด้วยซาตของพระองค์" หนังสือฟัตฮุลบารีย์ : 1/508
รายงานจากท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ความว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ أَقْرَبُ مَا يَكُونُ الْعَبْدُ مِنْ رَبِّهِ عَزَّ وَجَلَّ وَهُوَ سَاجِدٌ فَأَكْثِرُوا الدُّعَاءَ
"ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า บ่าวคนหนึ่ง จะใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากที่สุด โดยที่เขาทำการสุยูด ดังนั้น พวกท่านจงขอดุอาอ์ให้มากๆ" รายงานโดย อิมามมุสลิม
ท่าน อิมาม หาฟิซฺ อัสสะยูฏีย์ ผู้ได้รับฉายาว่า "อะมีรุลมุมินีนฟิลฮะอิษ" (หัวหน้ามวลผู้ศรัทธาในวิชาฮะดิษ)เช่นกัน ได้กล่าวว่า
وَقَالَ الْبَدْر اِبْن الصَّاحِب فِي تَذْكَرَته : فِي الْحَدِيث إِشَارَة إِلَى نَفْي الْجِهَة عَنْ اللَّه تَعَالَى
" ท่าน อัลบัดรฺ บิน อัสศอฮิบ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัตตัษฺกิเราะฮ์ของเขาว่า ในหะดิษนี้ ชี้ถึง การปฏิเสธทิศจากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) " ดู หนังสือ อธิบาย สุนัน อันนะซาอีย์ ของท่าน อัสสะยูฏีย์ : 1/576
ดังนั้นเมื่อบรรดาตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษที่ซอฮิห์ได้ระบุว่า อัลเลาะฮ์อยู่ใกล้ชิดเรา , พระองค์อยู่ระหว่างเรากับกิบลัต , พระองค์อยู่เหนืออะรัช , พระองค์อยู่พร้อมกับเรา , และมะลาอิกะฮ์ผู้แบกบัลลังก์ยังไม่รู้ว่าอัลเลาะฮ์อยู่ที่ใหน , ซึ่งประมวลหลักฐานทั้งหมดโดยที่เราไม่ปฏิเสธหลักฐานใดหลักฐานหนึ่งนั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮ์ฐานันดรทรงสูงส่งมิใช่พระองค์ทรงอยู่บนสถานที่สูง
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: Deeneeyah Date: ต.ค. 19, 2008, 11:38 AM
salam
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7110431/Y7110431.htmlกระทู้แนวนี้ ผมเคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าต่างศาสนิกเข้ามาอ่าน คงคิดว่า มุสลิมยังหาเจ้ากันไม่เจอเลย

Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: al-azhary Date: ต.ค. 19, 2008, 12:37 PM
salam
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7110431/Y7110431.html
กระทู้แนวนี้ ผมเคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าต่างศาสนิกเข้ามาอ่าน คงคิดว่า มุสลิมยังหาเจ้ากันไม่เจอเลย

salam
ผมเคยบอกกับพี่น้องแล้วครับว่า อะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ รักษาอะกีดะฮ์รักษาไว้ซึ่งอะกีดะฮบริสุทธิ์และปกป้องอะกีดะฮ์อิสลามจากความเข้าใจผิดของต่างศาสนิกและทำให้พวกเขาไม่กล่าวหาไปโพทนาหลักความเชื่อของมุสลิมในทางที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนหาพระเจ้าไม่เจอนั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ขอให้ศรัทธาเชื่อว่าพระเจ้าทรงมี สรรพสิ่งทั้งหลายในสากลโลกยืนยันถึงการมีพระองค์ เหมือนกับที่เราไม่เคยเจอท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผลงานคำสอนที่ท่านได้เผยแผ่มาถึงเรา แต่เราก็ศรัทธาเชื่อว่าท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือศาสนทูตแห่งเรา ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้นครับ
ดังนั้นกระทู้เว็บพันทิปถูกตั้งขึ้นมาเช่นนั้น เพราะเว็บใหนล่ะที่เขาอ้างอิง แล้วทำให้อะกีดะฮ์อิสลามเสื่อมเสีย ขอต่ออัลเลาะฮ์ให้เราอยู่บนอะกีดะฮ์ที่บริสุทธิ์ต่อพระองค์ด้วยเถิด
วัสลาม
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: ad-dalawy Date: ต.ค. 19, 2008, 11:54 PM
salam
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7110431/Y7110431.html
สืบเนื่องมาจากอะกีดะฮ์วะฮาบีจึงทำให้เป็นแบบนี้ ขออัลเลาะฮ์คุ้มครองเราให้ห่างไกลด้วยเถิด....
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: Al Fatoni Date: ต.ค. 20, 2008, 03:39 PM
มันน่าเศร้าที่ว่า คนที่มีความรู้ทางศาสนาฝ่ายเรา แต่ส่วนใหญ่ไม่ชอบเล่นเน็ต หรือเล่นเน็ตไม่เป็น ทั้งๆ ที่อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งเรียนรูที่ง่ายที่สุด และเข้าเจาะกลุ่มเป้าหมายได้เกือบทุกกลุ่ม แต่น่าเศร้าที่บุคคลที่ไม่ค่อยสันทัดในความเข้าใจศาสนา เมื่อเจอคำถามแปลกที่คนต่างศาสนิกถามมา หรือสาดโคลนใส่เข้ามา แทนที่จะเป็นผู้รูที่แท้จริงไปตอบ และให้ความกระจ่าง แต่กลับเป็นบุคคลที่ไม่มีความรู้ศาสนา หรือรู้ไม่ค่อยจะเต็มประดา ตอบไปตามที่ตนเข้าใจ และรับรู้มาจากบางแนวทางที่รู้ๆ กัน แล้วผลที่ออกมา เมื่อคนต่างศาสนิกเข้าใจว่าอิสลามคืออย่างที่บุคคลผู้ไม่สันทัดนั้นอธิบาย และต่อมาได้เจอกับของจริง ก็จะงง และถามตัวเอง เอ..อิสลามมันยังงัยกันเนี่ยะ ตกลงหลักความเชื่อมันต่างกันหรือไง ทั้ง ๆที่ถือศาสนาเดียวกัน แล้วไหนบอกว่าอิสลามคือสัจธรรมที่หนึ่งเดียวเท่านั้น เสียหายโขครับ แบบนี้ ดังกล่าวนี้ จึงขอร้องให้ท่านที่เรียนไคโร หมั่นเข้าเว็บในลักษณะแบบพันทิปด้วยนะครับ หากท่านอธิบายได้ก็จงอธิบาย เพราะผมเห็นน้อยมากที่อธิบายในแนวอะชาอิเราะฮ์mujปรากฏอยู่ในเว็บ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไทย มาเลย์ หรืออินโดฯ ก็ตาม ก็เนื่องจากโต๊ะครูเราไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต ท่านเหล่านั้นต้องการอยู่กับอิบาดะฮ์ และลูกศิษย์ของท่านมากกว่า ท่านเหล่านั้นกลัวว่าอีมานของท่านเสียไป แม้จะเริ่มจากจุดเล็กๆ ก็ตาม ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพวกเรา ชาวนักศึกษาสุนนะฮ์ทุกคน ซึ่งเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า วัยรุ่นสมัยนี้ รับข้อมูลต่างๆ ส่วนใหญ่จะผ่านทางอินเทอร์เน็ต ไม่เว้นแต่เรื่องศาสนา เรื่องอะกีดะฮ์ของตน บางคนวันนี้เป็นอะชาอิเราะฮ์ในตอนเช้า ตอนเย็นก็เปลี่ยนเป็นชีอะฮ์ พอพรุ่งนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นวะฮาบีย์ และสลับสัปเปลี่ยน หาจุดยืนไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตนก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมนั่นแหละ แต่มีใครจะใส่ใจบ้างไหมว่า แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไปในวันนั้น ลูกหลานของท่านเปลี่ยนอะกีดะฮ์ไปกี่รอบ กี่อะกีดะฮ์แล้ว มันไม่ใช้เรื่องน่าตลกเลย วอนผู้รู้อะชาอิเราะฮ์ที่เล่นเน็ต และเป็นนักท่องเว็บ และมีความรู้ทางศาสนาช่วยนำเสนอข้อมูลอะกีดะฮ์อะฮฺลุสสุนนะฮ์ วัลญมาอะฮ์ อะชาอิเราะฮ์ ลงเว็บอื่นๆ นอกเหนือจากเว็บนี้ให้เยอะๆ นะครับ ขอเน้นที่เว็บวิกิพิเดีย เว็บพันทิป เป็นต้น โดยเฉพาะเว็บแรกชีอะฮ์ครองที่นั่งแล้ว แล้วเว็บที่สองวะฮาบีย์ครองที่นั่ง แล้วอัชาอิเราะฮ์หละ อยู่ไหน??? พี่น้องส่วนใหญ่ของเมืองไทยมีพื้นฐานทางอะกีดะฮ์แบบอะชาอิเราะฮ์ อย่าปล่อยให้พวกเขาเหล่าเปลี่ยนไปเป็นแนวทางที่อันตรายเหล่านั้นเลยครับ ฝากพี่น้องด้วยนะครับ ผมเองก็จะพยายายามเรียนรู้จากเว็บนี้ให้ได้มากที่สุดและจากแหล่งอื่นๆ เพื่อช่วยพี่น้อง แต่ตอนนี้ต้องขอแรงพี่น้องที่ชำนาญก่อนละกัน ตอนนี้ทำได้แค่ปลุกระดมศรัทธาและกระตุกต่อมความคิดทั้งของพี่น้องและของผมเอง-วัสสลาม
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: almadany Date: ต.ค. 20, 2008, 10:10 PM
แม้แต่มะลาอิกะฮ์ที่ได้ชื่อว่า มะลาอิกะตุลมุก็อรร่อบีน (มะลาอิกะฮ์ผู้มีฐานะใกล้ชิดอัลเลาะฮ์) ยังไม่รู้เลยว่า อัลเลาะฮ์อยู่ที่ใหน
รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า
أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ ، وَالْعَرْشُ عَلىَ مَنْكِبِهِ ، وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
"ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน" หะดิษนี้ ซอฮิหฺ
ท่านอะบียะอฺลาได้รายงานฮะดิษไว้ใน มุสนัดของท่าน เล่ม 11 หน้า 496 หะดิษที่ 6619 , ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร ได้ตัดสินซอฮิหฺไว้ในหนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิซะวาอิด อัษษะมานียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 267 ซึ่งท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า (ให้กับฮะดิษของอบียะอฺลา นั้น หะดิษซอฮิหฺ) , และท่านอัลหาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวยืนยันไว้ในหนังสือ มัจญฺมะอ์ อัซซะวาอิด เล่ม 1 หน้า 80 โดยท่าน อัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า (รายงานโดยอบูยะอฺลา และบรรดานักรายงานหะดิษนี้ เป็นนักรายงานที่ซอฮิหฺ) , ท่านอิมามอัศศะยูฏีย์ได้รายงานไว้ในหนังสืออัลญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฆีร ฮะดิษลำดับที่ (906) , และฮะดิษนี้ได้รับการสนับสนุนจากจากฮะดิษท่านญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ ด้วยสองรายงาน ซึ่งรายงานโดยท่านอะบูดาวูด ฮะดิษลำดับที่ (4727) และอัลบานีย์เอง ก็ตัดสินว่าเป็นฮะดิษซอฮิห์ ไว้ในหนังสือ มุตตะซ็อรสุนันอะบีดาวูด (4727) , และอัลบานีย์ยังตัดสินเป็นฮะดิษซอฮิห์ไว้ในหนังสือ ญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฮิห์ (854)
ดังนั้นเมื่อบรรดาตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษที่ซอฮิห์ได้ระบุว่า อัลเลาะฮ์อยู่ใกล้ชิดเรา , พระองค์อยู่ระหว่างเรากับกิบลัต , พระองค์อยู่เหนืออะรัช , พระองค์อยู่พร้อมกับเรา , และมะลาอิกะฮ์ผู้แบกบัลลังก์ยังไม่รู้ว่าอัลเลาะฮ์อยู่ที่ใหน , ซึ่งประมวลหลักฐานหมดโดยที่เราไม่ปฏิเสธหลักฐานใดหลักฐานหนึ่งนั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮ์ฐานันดรทรงสูงส่งมิใช่พระองค์ทรงอยู่บนสถานที่สูง
มะลาอิกะฮ์ที่แบกบัลลังก์ของพระองค์...ยังไม่รู้เลยว่าอัลเลาะฮ์อยู่ใหน...
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: al-azhary Date: ต.ค. 21, 2008, 04:51 PM
salam
พี่น้องนักศึกษาเรามาเข้าใจประเด็นคำที่ว่า ซีฟัตอุลู้ว์ صِفَةُ الْعُلُوِّ "คุณลักษณะอันสูง..." ของอัลเลาะฮ์ กันครับ ซึ่งคำว่า الْعُلُوِّ (อัลอุลุ้วฺ) ที่แปลว่า "สูง" นี้ ในหลักภาษาอาหรับให้ความหมายได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งตรงนี้จึงมีความเข้าใจในหลักอะกีดะฮ์ที่ต่างกัน
1. หลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ : คืออัลเลาะฮ์มีคุณลักษณะที่สูง (ให้ความหมายในรูปธรรม) หมายถึง สถิตอยู่ในสถานที่สูง ๆ ขึ้นไป
2. หลักอะกีดะฮ์ของอัลอะชาอิเราะฮ์ : คืออัลเลาะฮ์มีคุณลักษณะที่สูง (ให้ความหมายในนามธรรม) หมายถึง มีคุณลักษณะที่สูงส่ง
ท่าน อัฏเฏาะบะรีย์อุลามาอฺสะลัฟ ได้ให้น้ำหนักและทอนความหมายให้อยู่ในเชิงของนามธรรม(คือคุณลักษณะสูงส่ง) ครับ ซึ่งท่านกล่าวว่า
فَإِنْ زَعَمَ أَنَّ ذَلِكَ لَيْسَ بِإِقْبَالِ فِعْل وَلَكِنَّهُ إقْبَال تَدْبِير , قِيلَ لَهُ : فَكَذَلِكَ فَقُلْ : عَلَا عَلَيْهَا عُلُوّ مُلْك وَسُلْطَان لَا عُلُوّ انْتِقَال وَزَوَال
"ดังนั้น ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า ท่านอ้างว่า การตีความคำว่า "استوى" นั้น คือ การมุ่งหน้า . ฉะนั้น หรือว่าพระองค์ทรงผินหลังให้กับฟากฟ้า จากนั้นพระองค์ก็มุ่งไปยังฟากฟ้า?? แต่หากเขาอ้างว่า ดังกล่าวนั้น ไม่ใช่การมุ่งหน้าแบบกระทำ(มุ่งหน้า) แต่เป็นการมุ่งบริหาร. (ท่านอัฏเฏาะบะรีย์จึงกล่าวตอบโต้ว่า) ก็ให้กล่าวแก่เขาว่า ดังนั้น แบบนั้นแหละ(คือการให้ความหมายว่าเป็นการมุ่งกระทำเชิงบริหาร) ท่านจงกล่าวว่า "พระองค์ทรงสูงส่งเหนือฟากฟ้า แบบการสูงส่งของการปกครองและอำนาจ (ไม่ใช่อยู่สูงแบบมีสถานที่) ไม่ใช่สูงแบบเคลื่อนย้ายและก็หายไป" (ดู ตัฟซีร เฏาะบะรีย์ เล่ม 1 หน้า 192)
หมายเหตุ : แต่วะฮาบีย์บอกว่าอัลเลาะฮ์เคลื่อนย้าย!?
วะฮาบีย์อ้างว่าการมีอยู่ของมัคโลคนั้นสิ้นสุดที่บัลลังก์ (อะรัช) แล้วอ้างว่าบนบัลลังก์นั้นไม่มีสิ่งใดแล้วนอกจากอัลเลาะฮ์ตะอาลา แต่มีฮะดิษซอฮิห์ได้มาลบล้างการกล่าวอ้างของพวกเขา ดังนี้
ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า
قَالَ لَمَّا قَضَى اللَّهُ الْخَلْقَ كَتَبَ كِتَابًا عِنْدَهُ سَبَقَتْ رَحْمَتِي غَضَبِي فَهُوَ عِنْدَهُ فَوْقَ الْعَرْشِ
"ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ในขณะที่อัลเลาะฮ์ทรงตัดสินบรรดามัคโลค พระองค์ทรงบันทึกในสิ่งบันทึกหนึ่ง(คือเลาฮิลมะห์ฟูซฺ) ณ ที่พระองค์ ว่า ความเมตตาของข้านำหน้าความกิ้วของข้า ซึ่งบัญชี(เลาฮิลมะห์ฟูซฺ) ณ พระองค์นั้น ได้อยู่บนอะรัช" รายงานโดยบุคอรีย์ (6988)
ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร กล่าวอธิบายว่า
وَالْغَرَض مِنْهُ الْإِشَارَة إِلَى أَنَّ اللَّوْح الْمَحْفُوظ فَوْق الْعَرْش
"จุดมุ่งหมายจากฮะดิษ ชี้ให้เห็นว่า เลาฮิลมะห์ฟูซฺนั้น อยู่บนอะรัช" หนังสือฟัตฮุลบารีย์ 3/526
ดังนั้นกลุ่มวะฮาบีย์บอกได้ไหมว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีอยู่บนอะรัชโดยหุ้นส่วนพร้อมกับเลาฮิลมะห์ฟูซฺที่อยู่บนอะรัชด้วย ซึ่งมันไม่ค้านกับคำตรัสของพระองค์ที่ว่า "พระองค์ทรงไม่คล้ายเหมือนกับสิ่งหนึ่งใด" ดอกหรือ? หรือจะบอกว่าอัลเลาะฮ์มีสถานที่อยู่บนอะรัชและเลาฮิลมะห์ก็ฟูซฺอยู่บนอะรัชด้วย?!
ดังนั้นคำว่า เหนือบัลลังค์ของเลาฮิลมะห์ฟูซฺ คือให้ความหมายแบบรูปธรรม ซึ่งหมายถึงเลาฮิลมะห์ฟูซฺมีสถานที่อยู่บนบัลลังก์ ส่วนอัลเลาะฮ์ตะอาลาเหนือบัลลังก์นั้นคืออยู่ในความหมายนามธรรม(จะเป็นรูปธรรมไม่ได้) ซึ่งหมายพระองค์ทรงสูงส่งเหนือบัลลังก์ มิใช่มีสถานที่สถิตนั่งอยู่บนบัลลังก์ตามหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ เพราะมิเช่นนั้นจะเป็นชิริกหุ่นส่วนภาคีในคุณลักษณะของพระองค์ด้วยการมีสิ่งที่อยู่บัลลังก์อยู่ 2 คืออัลเลาะฮ์และเลาฮิลมะห์ฟูซฺ ซึ่งเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นเมื่อบรรดาตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษที่ซอฮิห์ได้ระบุว่า อัลเลาะฮ์อยู่ใกล้ชิดเรายิ่งกว่าเส้นเอ็นที่ต้นคอ , พระองค์อยู่กับเราไม่ว่าเราจะอยู่ใหน , พระองค์อยู่ระหว่างเรากับกิบลัต , พระองค์อยู่เหนือบัลลังก์ , และมะลาอิกะฮ์ผู้แบกบัลลังก์ยังไม่รู้ว่าอัลเลาะฮ์อยู่ที่ใหน , แต่กลับมีฮะดิษซอฮฺห์บอกว่าเลาฮิลมะห์ฟูซฺอยู่บนบัลลังก์ , ซึ่งประมวลหลักฐานทั้งหมดโดยที่เราไม่ปฏิเสธหลักฐานใดหลักฐานหนึ่ง แล้วทำการรวมหลักฐานทั้งหมด ย่อมชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีฐานันดรทรงสูงส่งมิใช่พระองค์ทรงสถิตนั่งอยู่บนสถานที่สูง
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า
أَفَتُؤْمِنُونَ بِبَعْضِ الْكِتَابِ وَتَكْفُرُونَ بِبَعْضٍ
"พวกเจ้าจะศรัทธาคำภีร์เพียงบางส่วนและปฏิเสธมันเพียงบางส่วนกระนั้นหรือ?" อัลบะกอเราะฮ์ 85
วัลลอฮุอะลัม
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: faiz Date: ต.ค. 21, 2008, 06:01 PM
salam
ช่วยอธิบาย อายัต และฮะดิษบทนี้ด้วยครับ
عَنْ جَرِيْرِ بْنِ عَبْدِ اللهِ قَالَ كُنَّا عِنْدَ النَبِى صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ فَنَظَرَ الِىَ القَمَرِ لَيْلَةً يَعْنِى البَدْر
فَقَالَ اِنَّكُمْ سَتَرَوْنَ رَبَّكُمْ كَمَا تَرَوْنَ هَذاَ القَمَرَ لاَ تُضَامُّوْنَ فِى رُؤْيَتِهِ
ท่านญะรีร อิบนิ อับดิลลาห์ รายงานว่า ขณะที่พวกเราได้อยู่กับท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้มองไปยังดวงจันทร์ในคืนจันเต็มดวง แล้วกล่าวว่า พวกเจ้าจะได้เห็นองค์อภิบาลของพวกเจ้าดังได้เห็นจันทร์เต็มดวงนี้ โดยไม่มีอะไรมาบดบังการเห็นพระองค์เลย บันทึกโดยอิหม่ามบุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 521
وُجُوْهٌ يَوْمَئِذٍ نَاضِرَةٌ اِلَى رَبِّهَا نَاظِرَةٌ
ใบหน้า (ของผู้ศรัทธา) ทั้งหลายในวันนั้น ต่างเบิกบานโดยจะมองไปองค์อภิบาลแห่งใบหน้านั้น ซูเราะห์อัลกิยามะห์ อายะห์ที่ 22 - 23
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: นูรุ้ลอิสลาม Date: ต.ค. 24, 2008, 12:13 PM
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ
ทราบมาว่ามีวะฮาบีย์คนหนึ่งที่กำลังพยายามหลอกลวงพวกตนอยู่ และไร้เดียงสาเชิงวิชาการอยากเป็นผู้รู้กับเขาด้วยได้บอกว่า ทางเรากล่าวเท็จต่อท่านอัฏเฏาะบะรีย์ ในการอธิบายอายะฮ์ที่ 29 ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ที่ว่า
ท่าน อัฏฏ๊อบรีย์อุลามาอฺสะลัฟ ได้ให้ความหมายในเชิงนามธรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งท่านกล่าวว่า
فَإِنْ زَعَمَ أَنَّ ذَلِكَ لَيْسَ بِإِقْبَالِ فِعْل وَلَكِنَّهُ إقْبَال تَدْبِير , قِيلَ لَهُ : فَكَذَلِكَ فَقُلْ : عَلَا عَلَيْهَا عُلُوّ مُلْك وَسُلْطَان لَا عُلُوّ انْتِقَال وَزَوَال
"ดังนั้น ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า ท่านอ้างว่า การตีความคำว่า "استوى" นั้น คือ การมุ่งหน้า . ฉะนั้น หรือว่าพระองค์ทรงผินหลังให้กับฟากฟ้า จากนั้นพระองค์ก็มุ่งไปยังฟากฟ้า?? แต่หากเขาอ้างว่า ดังกล่าวนั้น ไม่ใช่การมุ่งหน้าแบบกระทำ(มุ่งหน้า) แต่เป็นการมุ่งบริหาร. ก็ให้กล่าวแก่เขาว่า ดังนั้น แบบนั้นแหละ(คือการให้ความหมายว่าเป็นการมุ่งกระทำเชิงบริหาร)
ท่านจงกล่าวว่า "พระองค์ทรงสูงส่งเหนือฟากฟ้า แบบการสูงส่งของการปกครองและอำนาจ (ไม่ใช่อยู่สูงแบบมีสถานที่) ไม่ใช่สูงแบบเคลื่อนย้ายและก็หายไป" (ดู ตัฟซีร ฏ๊อบรีย์ เล่ม 1 หน้า 192 อธิบายอายะฮ์ที่ 29 ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์)
แล้วเขาอ้างว่าทางเราแบบโกหกว่า การอธิบายดังกล่าวไม่เกี่ยวกับกับอายะฮ์ที่ 5 ซูเราะฮ์ ฏอฮา โดยอ้างว่ามันเป็นคนละอายะฮ์กันกับอายะฮ์ที่ 29 ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ มันไม่เกี่ยวกัน โดยเขาอ้างอิงคำพูดของท่านอัฏเฏาะบะรีย์ว่า
وقوله ( الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى ) يقول تعالى ذكره: الرحمن على عرشه ارتفع وعلا
"คำตรัสของพระองค์ที่ว่า "อัรเราะห์มาน อิสติวาอฺ อยู่บนอารัช" คือพระองค์ทรงตรัสว่า อัรเราะห์มาน ได้ขึ้น(โดยคำบัญชา)และสูง(สูง)เหนืออารัช"
แต่พอเรากลับไปดูตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์ วะฮาบีย์ผู้ไร้เดียงสาเชิงวิชาการคนนี้กลับตัดทอนคำพูดของท่านอัฏเฏาะบะรีย์ ซึ่งข้อเต็มๆมีดังต่อไปนี้
وقوله ( الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى ) يقول تعالى ذكره: الرحمن على عرشه ارتفع وعلا
وقد بيَّنا معنى الاستواء بشواهده فيما مضى وذكرنا اختلاف المختلفين فيه فأغنى ذلك عن إعادته في هذا الموضع "คำตรัสของพระองค์ที่ว่า "อัรเราะห์มาน อิสติวาอฺ อยู่บนอารัช" คือพระองค์ทรงตรัสว่า อัรเราะห์มาน ได้ขึ้น(โดยคำบัญชา)และสูง(สูง)เหนืออารัช และ
แท้จริงเราได้อธิบายความหมายของอิสติวาอฺมาด้วยบรรดาหลักฐานต่างๆมาสนับสนุนความหมาย(ในเชิงภาษา)มาแล้วก่อนหน้านี้ และเราได้กล่าวการขัดแย้งของนักตัฟซีรเกี่ยวกับอิสติวาอฺ ดังนั้นดังกล่าวจึงไม่จำเป็นที่จะกลับไปทบทวนอีกในสถานที่ดังกล่าว"
จากข้อความสีแดง วะฮาบีย์คนนั้นเขาตัดทอนไปเพื่อปกปิดและกล่าวเท็จต่อท่านอัฏเฏาะบะรีย์ เนื่องจากในอายะฮ์ที่ 5 ซูเราะฮ์ฏอฮานี้ มันคาบเกี่ยวกับการอธิบายคำว่าอิสติวาอฺในซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์อายะฮ์ที่ 29 เพราะท่านอัฏเฏาะบะรีย์บอกว่าท่านได้นำเสนอรายละเอียดไปแล้วและไม่ต้องการนำมากล่าวซ้ำอีกและรายละเอียดในเรื่องอิสติวาอฺนั้น คือคำอธิบายในซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์อายะฮ์ที่ 29 ที่อ่านมานั่นเอง ดังนั้นวะฮาบีที่กล่าวหาเราโกหกนั้น ที่จริงเขาได้โกหกต่อตนเองและผู้อื่นนั่นเอง
วัลลอฮุอะลัมบิสศ่อวาบ
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: Al Fatoni Date: ต.ค. 24, 2008, 08:39 PM
ดูเหมือนว่า หากว่ากันตามความจริงแล้ว ศิฟัตที่มีการถกเถียงกันมากที่สุด รองจากศิฟัตกะลาม (ในอดีต) โดยเฉพาะหลังการเกิดขึ้นของวะฮาบียนั้น จาก 20 ศิฟาตที่วาญิบต้องรู้อย่างละเอียดของอัลลอฮฺนั้นก็คือ ศิฟัตที่ 4 "มุคอละฟะตุฮุ ตอาลา ลิลฮะวาดิษ" Bersalahan Allah taala bagi yang baharu (อัลลอฮฺทรงแตกต่างจากสิ่งใหม่) และบางครั้งการขาดช่วงจากการรับรู้ข้อมูลบางประการเกี่ยวกับศิฟัตนี้ อาจจะถึงขั้นมีภัยต่ออกีดะฮ์ของคนๆ นั้นเลยทีเดียว - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลาม
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: al-azhary Date: ต.ค. 25, 2008, 10:30 AM
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ
ทราบมาว่ามีวะฮาบีย์คนหนึ่งที่กำลังพยายามหลอกลวงพวกตนอยู่ และไร้เดียงสาเชิงวิชาการอยากเป็นผู้รู้กับเขาด้วยได้บอกว่า ทางเรากล่าวเท็จต่อท่านอัฏเฏาะบะรีย์ ในการอธิบายอายะฮ์ที่ 29 ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ที่ว่า
salam
ข้อกล่าวหาดังกล่าว ผมได้ทำการชี้แจงในกระทู้นี้แล้วครับ
ท่านอัฏฏ๊อบรีย์ตีความอิสติวาอ์เป็นอำนาจการปกครอง! ดังกล่าวก็เพื่อมิให้มีความยืดยาวเกินไปในกระทู้นี้
วัสลาม
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? By: al-azhary Date: ต.ค. 25, 2008, 10:36 AM
salam
ช่วยอธิบาย อายัต และฮะดิษบทนี้ด้วยครับ
عَنْ جَرِيْرِ بْنِ عَبْدِ اللهِ قَالَ كُنَّا عِنْدَ النَبِى صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ فَنَظَرَ الِىَ القَمَرِ لَيْلَةً يَعْنِى البَدْر
فَقَالَ اِنَّكُمْ سَتَرَوْنَ رَبَّكُمْ كَمَا تَرَوْنَ هَذاَ القَمَرَ لاَ تُضَامُّوْنَ فِى رُؤْيَتِهِ
“ท่านญะรีร อิบนิ อับดิลลาห์ รายงานว่า ขณะที่พวกเราได้อยู่กับท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้มองไปยังดวงจันทร์ในคืนจันเต็มดวง แล้วกล่าวว่า พวกเจ้าจะได้เห็นองค์อภิบาลของพวกเจ้าดังได้เห็นจันทร์เต็มดวงนี้ โดยไม่มีอะไรมาบดบังการเห็นพระองค์เลย” บันทึกโดยอิหม่ามบุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 521
وُجُوْهٌ يَوْمَئِذٍ نَاضِرَةٌ اِلَى رَبِّهَا نَاظِرَةٌ
“ใบหน้า (ของผู้ศรัทธา) ทั้งหลายในวันนั้น ต่างเบิกบานโดยจะมองไปองค์อภิบาลแห่งใบหน้านั้น” ซูเราะห์อัลกิยามะห์ อายะห์ที่ 22 - 23
ท่านอิมามอันนะวาวีย์กล่าวอธิบายว่า
مَذْهَب أَهْل الْحَقّ أَنَّ الرُّؤْيَة قُوَّة يَجْعَلهَا اللَّه تَعَالَى فِي خَلْقه , وَلَا يُشْتَرَط فِيهَا اِتِّصَال الْأَشِعَّة وَلَا مُقَابَلَة الْمَرْئِيّ وَلَا غَيْر ذَلِكَ , لَكِنْ جَرَتْ الْعَادَة فِي رُؤْيَة بَعْضنَا بَعْضًا بِوُجُودِ ذَلِكَ عَلَى جِهَة الِاتِّفَاق لَا عَلَى سَبِيل الِاشْتِرَاط , وَقَدْ قَرَّرَ أَئِمَّتنَا الْمُتَكَلِّمُونَ ذَلِكَ بِدَلَائِلِهِ الْجَلِيَّة وَلَا يَلْزَم مِنْ رُؤْيَة اللَّه تَعَالَى إِثْبَات جِهَة - تَعَالَى عَنْ ذَلِكَ - بَلْ يَرَاهُ الْمُؤْمِنُونَ لَا فِي جِهَة كَمَا يَعْلَمُونَهُ لَا فِي جِهَة . وَاَللَّه أَعْلَم
ท่านอิมามอันนะวา วีย์ได้อธิบายเช่นกันว่า "ที่เป็นสัจธรรมก็คือ แท้จริง การเห็นนั้น อัลเลาะฮ์จะสร้างพลัง(แห่งการเห็น) ให้อยู่ในมัคโลค(คือบรรดามุมินีน)และในการเห็นนั้นมิได้ถูกวางเงื่อนไขว่าจะสัมพันธ์กับการสะท้อนแสงและไม่ถูกวางเงื่อนไขว่าต้องเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ที่ถูกเห็นและไม่ถูกวางเงื่อนไขอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าวเลย แต่ตามหลักของกฏธรรมดาทั่วไปในการที่เราเห็นซึ่งกันและกันนั้นดังกล่าวจำเป็นต้องมีทิศมาบรรจบกันแต่มิได้อยู่บนเงื่อนไข(ว่าทั้งสองต้องมีทิศทางเห็น) และแท้จริงบรรดาปราชญ์มุตะกัลลิมีนของเราได้ยืนยันในสิ่งดังกล่าวด้วยบรรดาหลักฐานที่ชัดเจน และไม่จำเป็นว่าการเห็นอัลเลาะฮ์นั้น ต้องยืนยันการมีทิศทางให้กับพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าว แต่ทว่าบรรดามุอฺมินจะได้เห็นพระองค์โดย(พระองค์)มิได้อยู่ในทิศใด เหมือนกับที่บรรดามุอฺมินรู้ดีกว่าพระองค์มิได้อยู่ในทิศไใด วัลลอฮุอะลัม" ชัรห์ ซอฮิห์มุสลิม 2/20
จากคำกล่าวของอิมามอันนะวาวีย์นี้ ทำให้เรารู้ว่า อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์จะได้เห็นอัลเลาะฮ์ตะอาลาด้วยพลังที่พระองค์ทรงสร้างแก่ให้มัคโลคในวันกิยามะเพื่อให้เห็นพระองค์ตามวิธีการที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์จะให้มุมินเห็นอย่างชัดเจนโดยไม่ได้ข้อสงสัยอันใดเลย ซึ่งการเห็นนี้เมื่ออัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ให้เราได้เห็น ก็มิได้หมายความว่าต้องเห็นตามเงื่อนไขของการเห็นในโลกดุนยาที่ต้องมีทิศ ท่านอิมามญะลาลุดดีน อัดดะวานีย์ได้กล่าวว่า "ไม่จำเป็นจากบรรดาเงื่อนไข(การเห็นแบบในโลกดุนยา)ดังกล่าว นำมาเป็นเงื่อนไขในการเห็นในโลกอาคิเราะฮ์" หนังสือชัรห์ ญะลาลุดดีน อัดดะวานีย์ 2/167
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวอธิบายฮะดิษนี้ว่า
مَعْنَاهُ : تَشْبِيه الرُّؤْيَة بِالرُّؤْيَةِ فِي الْوُضُوح وَزَوَال الشَّكّ وَالْمَشَقَّة وَالِاخْتِلَاف
"(พวกเจ้าจะได้เห็นผู้อภิบาลพวกเจ้าดังได้เห็นจันทร์เต็มดวงนี้) หมายถึง การเปรียบเปรย การหันอัลเลาะฮ์เหมือนการเห็นดวงจันทร์ ในแง่ของ การเห็นที่ชัดเจน เห็นแบบไม่มีการสงสัย เห็นได้อย่างไม่ยากลำบาก และเห็นโดยไม่มีข้อกังขา" ชัรห์ ซอฮิห์มุสลิม 2/28
ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร ได้กล่าวว่า
وَالتَّشْبِيْهُ بِرُؤْيَةِ الْقَمَرِ لِلرُّؤْيَةِ دُوْنَ تَشْبِيْهِ الْمَرْئِيِّ تعَالىَ اللهُ عَنْ ذَلِكَ
"การเปรียบเทียบนั้น คือด้วยการเห็นดวงจันทร์ด้วยกับการเห็นหนึ่ง (คือเห็นแบบชัดเจนแบบนามธรรม) มิใช่เปรียบเทียบสิ่งที่ถูกเห็น (แบบรูปธรรมคือมิได้เปรียบเทียบอัลเลาะฮ์คล้ายจันทร์เพ็ญ) ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าว" หนังสือฟัตฮุลบารีย์
ท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺกล่าวเช่นกันว่า
وَلِقَاءُ اللهِ تَعَالىَ لِأَهْلِ الْجَنَّةِ بِلاَ كَيْفٍ وَلاَ تَشْبِيْهٍ وَلاَ جِهَةٍ حَقٌّ
"และการที่อัลเลาะฮฺ(ตะอาลา)ทรงพบกับชาวพบสวรรค์ โดยไม่มีวิธีการ ไม่มีการคล้ายคลึง และไม่มีทิศนั้น เป็นสัจจะธรรม" ดู กิตาบ อัลวะซียะฮฺ ของอบูหะนีฟะฮฺ หน้า 4
หนังสือ อะกีดะฮ์ อัฏฏะฮาวียะฮ์ คงเพียงพอในการนำเสนอ แนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์นะครับ ท่านอิมามอัฏฏ่อหาวีย์ อุลามาอ์มัซฮับหะนะฟีย์ กล่าวว่า
وَالرُّؤْيَةُ حَقٌّ لِأَهْلِ الْجَنَّةِ بِغَيْرِ إِحَاطَةٍ وَلاَ كَيْفِيَّةٍ كَمَا نَطَقَ بِهِ كِتَابُ رَبِّنَا ( وُجُوْهٌ يَوْمَئِذٍ نَاضِرَةٌ إِلىَ رَبِّهَا نَاظِرَةٌ) وَتَفْسِيْرُهُ عَلىَ مَا أَرَادَهُ اللهُ تَعَالىَ وَعَلِمَهُ
"การเห็นอัลเลาะฮ์ เป็นสัจจริงสำหรับชาวสวรรค์ โดยไม่มิได้เห็นรอบด้านอย่างครอบคลุมและไม่มีรูปแบบวิธีการ เสมือนที่คำภีร์ของผู้อธิบาลแห่งเราได้กล่าวว่า "ในวันนั้นหลายใบหน้ามีแต่ความชื่นบาน เขามองไปยังผู้อภิบาลของเขา" และการอธิบายมันนั้น คือตามสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ และตามสิ่งที่พระองค์ทรงรู้"
แต่เป็นที่แปลกใจว่าวะฮาบีย์พยายามเปรียบเทียบในแง่ของสิ่งที่ถูกเห็น โดยเปรียบเทียบว่าอัลเลาะฮ์คล้ายกับดวงจันทร์เพ็ญที่มองเห็นในรูปแบบวิธีการเงยหน้ามองขึ้นจากข้างด้านบนศีรษะของมนุษย์ทั้งหลาย ซึ่งขัดกับอายะฮ์อัลกุรอานที่ว่า "พระองค์ทรงไม่คล้ายเหมือนกับสิ่งใด" อัชชูรอ 11
โปรดจงระวัง! จากการยึดอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ในรูปแบบการมองเห็นอัลเลาะฮ์เช่นนี้ เพราะอาจจะมีพวกนอกลู่วาดรูปเหตุการณ์ในวันกิยามะฮ์ โดยมีบรรดาผู้คนมากมายกำลังเงยหน้ามองรัศมีคล้าย ๆ ดวงจันทร์ที่จรัสแสง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ อะกีดะฮ์อิสลามเสื่อมเสียและมัวหมองอย่างแน่นอน แต่อะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์นั้นไม่เปิดช่วงทางใด ๆ ที่จะให้พวกนอกลู่กระทำการณ์เช่นนี้ได้เลยแม้แต่น้อย อัลฮัมดุลิลลาฮ์ !
วัลลอฮุอะลัม