Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: As-Zaleek Date: ส.ค. 22, 2010, 01:27 PM
อย่างนี้ตรรกะเข้าเรียกว่าอ้างถูกแต่สรุปผิด สลัฟกำลังพูดถึง"การเห็นของชาวสวรรค์" ครับ การเห็นนั้นไม่มีรูปแบบหรือวิธีการ ไม่ได้กำลังพูดถึงซีฟัต หรือพระองค์ที่ถูกเห็น คำว่า"รูปแบบ"กินความหมายกว้างครับ อย่างเพิ่งไปด่วนสรุปชี้นำ
ก็เพราะว่าพระองค์ไม่มีรูปแบบวิธีการตั้งแต่เดิมแล้ว การเห็นพระองค์ก็ไม่มีรูปแบบวิธีการตามมา
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: As-Zaleek Date: ส.ค. 22, 2010, 01:55 PM
salam
หลักอะกีดะฮ์ที่บริสุทธิ์ต้องกลั่นกรอง เพื่อไม่ให้พวกบิดอะฮ์เข้ามาสร้างความคลุมเคลือในศาสนา ด้วยการอ้างว่าหลักอะกีดะฮ์เรื่องซีฟาตของอัลลอฮ์ในเชิงลึกเป็นเืรื่องง่าย จนกระทั่งกลายเป็นมักง่าย สร้างความเสื่อมเสียให้แก่คนเอาวามทั่วไปที่ไม่สันถัดหลักอะกีดะฮ์เชิงลึกโดยตรง...เห็นไหมครับ การเข้าใจของคนเราที่ไม่ประสงค์จะเข้าใจนั้นเป็นอย่างไร
เอาเป็นว่า ไม่มีอะไรใหม่นะครับ ถ้ามีเวลาจะเข้ามาใหม่นะครับ ถึงแม้ผมจะไม่ให้ความสลักสำคัญอะไรกับการมาแสดงความเห็นที่จะออกไปในทางโต้วาทีซะมากในเวบนี้ แต่ผมก็จะแวะเวียนมาเสมอ เพราะอินชาอัลลอฮ์ยังมีผู้ต้องการเรียนรู้อยู่ในเวบแห่งนี้ที่เป็นอามานะฮ์ ที่มุสลิมจะต้องเข้ามาปกป้องการบิดเบือนศาสนา เท่าที่ความรู้ความสามารถ และเวลาจะเอื้ออำนวย
วัสลามครับ
หลังๆ คุณเข้าเว็บนี้ รู้สึกมีหลักการน่ะ แต่เว็บอื่นแล้ว คุณรู้สึกว่ามั่นใจตัวเองเสียเหลือเกินในการแสดงความเห็นของอะกีดะฮ์ที่ตนเองยึดอยู่ คุณเข้าในเว็บนี้ครั้งแรกในการพูดเกี่ยวกับเรื่องซีฟาต ก็นำเสนอสไตล์ท้าทายและมั่นใจในตนเองสูงมิใช่หรือ?!
อะกีดะฮ์แนวทางของคุณไปโพสเว็บอื่นได้ เขียนเกริ่นบทนำสวนหรูก่อนโพสเพื่อหลอกล่อหลักการต่อคนอื่นได้ แต่ก็อย่ามั่นใจตัวเองสูงนัก...อย่าคิดว่าอะกีดะฮ์ตนเองเท่านั้นที่ถูก...
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: al-kudawah Date: ส.ค. 22, 2010, 03:10 PM
อย่าร้อนรนสิครับ ทีละเรื่อง อิสลามนั้นง่ายจริงๆครับ และไม่ได้สวยหรูอย่างที่ท่านสร้างภาพ ง่าย และเรียบง่าย ตรงกันข้ามกับสวยหรู คือสมถะต่างหาก อากีดะฮ์ที่ผมกล่าวมาไม่ตรงตามสะละฟุศศอและห์อย่างไร ก็ช่วยชี้ชัดด้วย เอาทีละประเด็นครับ อย่าเหมารวม
ดังนั้นการบอกว่าอัลเลาะฮ์ีมีรูปแบบ(แต่ไม่รู้ว่ารูปแบบอย่างไร) ก็จะเลยนำไปสู่การเชื่อ(ของวะฮาบีบางคนว่า)อัลลอฮ์มีรูปร่างแต่ไม่เหมือนกับสิ่งใด!
อะกีดะฮ์มักง่ายของวะฮาบีย์แบบนี้ บิดอะฮ์ครับ...
คืออะกีดะฮ์ของเว็ปไซท์แห่งนี้ที่เกี่ยวกับเรื่องซิฟาตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัยคือ ตัฟวีฎหรือมอบหมายการรู้ความหมายของซีฟาตไปยังอัลเลาะฮ์และร่อซูลุลเลาะฮ์ โดยปฏิเสธรูปแบบวิธีการให้กับพระองค์ ซึ่งเป็นแนวทางของสะลัฟที่ถูกต้อง หากเชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีซีฟาตที่มีให้ความหมายตรงหรือความหมายแท้และเชื่อว่าพระองค์ทรงมีรูปแบบเฉพาะของพระองค์หรือรูปแบบวิธีการที่เหมาะสมสำหรับพระองค์นั้น ก็จะทำให้เชื่อไปว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีตาโดยมีรูปแบบที่เหมาะสมกับพระองค์ และอัลเลาะฮ์ทรงมีหน้าโดยมีรูปแบบที่เหมาะสมกับพระองค์ และพระองค์มีมือโดยมีรูปแบบที่เหมาะสมกับพระองค์ และพระองค์มีนิ้วโดยมีรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับพระองค์ และมีหน้าแข้งโดยมีรูปแบบที่เสมาะสมสำหรับพระองค์ หลักอะกีดะฮ์ดังกล่าวนี้ จึงทำให้บางท่านเชื่อว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างที่ไม่เหมือนมัคโลคหรือมีรูปร่างที่เหมาะสำหรับพระองค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักอะกีดะฮ์ดังกล่าว จะกระตุ้นความนึกคิดของคนเอาอามทั่วไปอยู่เสมอว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่างแม้จะบอกว่าไม่เหมือนกับมัคโลคก็ตาม
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: As-Zaleek Date: ส.ค. 22, 2010, 04:40 PM
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักอะกีดะฮ์ดังกล่าว จะกระตุ้นความนึกคิดของคนเอาอามทั่วไปอยู่เสมอว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่างแม้จะบอกว่าไม่เหมือนกับมัคโลคก็ตาม
อย่าว่าแต่คนเอาวามทั่วไปเลย แม้กระทั่งระดับอุลามาอฺใหญ่ของวะฮาบี เชคอุษัยมีน ยังหลีกไม่พ้นจากการไปเีกี่ยวข้องเรื่องการมีรูปร่างของอัลลอฮ์...ดังกล่าวจึงทำให้เอาวามที่เป็นวะฮาบีบางคนยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าอะกีดะฮ์ที่ตนเองเชื่อว่าอัลลอฮ์มีรูปร่างนั้น เป็นสัจธรรมของแท้ ทั้งที่อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ไม่เกี่ยวข้องกับอะกีดะฮ์ดังกล่าวเลย
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: laliklalee Date: ส.ค. 22, 2010, 11:35 PM
salam
เข้ามาอีกครั้ง บรรยากาศก็ยังเหมือนเดิมนะครับ เป็นบรรยากาศแบบเดิมๆของเวบนี้ที่ทดสอบจิตใจเสียจริง เฮ้อ...
ไล่เรียงทีละประเด็นของแต่ละท่านแล้วกันนะครับ
ท่าน As-Zaleek
สุดท้ายท่านก็ไม่ได้มีการยอมรับตรรกะที่ผิดพลาดในการยกฮาดีษขึ้นมาสนับสนุนแนวคิดของตนเองแต่อย่างใด เพียงเฉไฉไปอ้างตรรกะที่ว่า การที่ชาวสวรรค์เห็นพระองค์โดยไม่มีรูปแบบหรือวิธีการ ก็เพราะว่าพระองค์ไม่มีรูปแบบวิธีการตั้งแต่เดิมแล้ว ซึ่งเป็นเพียงตรรกะลอยๆที่สร้างขึ้นมาจากความเชื่อตนเองที่ปักธงนำอยู่แล้วนั่นเอง
จริงๆผมได้พูดความแตกต่างระหว่างง่าย กับมักง่ายให้ท่านเห็นแล้วว่าผมไม่ได้มองข้ามไป แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้ท่านเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำในคำๆนี้ไปเสียเอง คำว่า “อากีดะฮ์” เชิงลึกนี่มีต้นตอมาจากหลักฐานบทไหนหรือเปล่าครับ? หรือเป็นเพียงศัพท์เทคนิคใหม่ที่เหล่าอาชาอิเราะฮ์เพิ่งมาให้คำนิยามกันเอาเอง ถามเอาความรู้จริงๆนะครับ ถ้ามีหลักฐาน ผมก็จะได้เชื่ออย่างสนิทใจว่า อากีดะฮ์นั้น มีแบบลึก แบบตื้น กับเขาเหมือนกัน
ที่ท่านค่อนขอดและ ตั้งข้อสังเกตว่าผมมีหลักการเหลือเกิน หรือว่า มั่นใจเหลือเกินนั้น ผมก็ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงว่าหมายความตามที่พูดหรือไม่ แต่เรื่องความมั่นใจนั้นเป็นสิ่งที่เชื่อว่าทั้งท่านและผมต่างมีไม่มาก ไม่น้อยไปกว่ากัน ในหลักอากีดะฮ์ที่ตนเองเลือกยึดถือหรอก จริงไหมครับ? เรื่องความมั่นใจ หรือหลักการที่ต้องมีอยู่แล้วนี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ห้ามกันไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าเป็นการปรามเพราะอาจถูกระงับสมาชิกภาพ ผมก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย หากจะอยู่ในห้องนี้ได้ต้องพูดความจริงแบบกระอ้อมกระแอ้ม ก็อย่าอยู่ดีกว่า บาปเปล่าๆครับ ถูกไหม
ส่วนการทียกพาดหัวมาเรื่องเขคอุษัยมีน ก็ไม่ทราบมีเจตนาใด คือถ้าเชคท่านนี้เชื่ออย่างไรผมต้องเชื่ออย่างนั้นกระนั้นหรือครับ? ก็ต้องดูเป็นเรื่องๆไปครับ และผมก็ต้องรอดูหลักฐานประกอบการอ้างอิงของท่านก่อน การอ้างลอยๆแบบนี้ขอไม่พูดคุยกันก่อนแล้วกันนะครับ บอกแล้วว่ากระดุมเม็ดแรกที่ไม่ยอมกลัดให้ตรง ตรรกะผิดพลาดเรื่องวาฮาบีย์ก็ยังเผยออกมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
ส่วนท่าน al-kudawah
หากตามที่ท่านอ้างว่า “อะกีดะฮ์ของเว็ปไซท์แห่งนี้เกี่ยวกับเรื่องซิฟาตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัยคือ ตัฟวีฎหรือมอบหมายการรู้ความหมายของซีฟาตไปยังอัลเลาะฮ์และร่อซูลุลเลาะฮ์” เพียงประการเดียวผมก็เห็นด้วยและไม่ขัดแย้งแต่อย่างใด แต่การต่อด้วย “...โดยปฏิเสธรูปแบบวิธีการให้กับพระองค์” เลยต้องชี้แจงนะครับว่า หลักความเชื่ออะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์ที่แท้จริงนั้น ย่อมไม่มีใครอาจหาญสร้างรูปแบบ หรือวิธีการให้กับพระองค์ได้ พวกเราเพียงแต่ไปพยายามขวนขวายตีความไปมากกว่าที่มีคำอธิบายมาจากหลักฐานที่พวกเราสามารถยึดถือได้เท่านั้น หลักฐานที่บ่งชี้ว่าคำๆนี้หมายความตรงตัวเราก็เชื่อตามนั้น ส่วนคำไหนที่หลักฐานอธิบายถึงความเป็นนัยยะ เราก็เชื่อตามนั้นเช่นกัน และเราจะไม่มีความมั่นใจในตนเองในความรู้ที่ลึกซึ้งในหลักอากีดะฮ์ที่ลึกซึ้ง มากไปกว่านบี หรือบรรพชนยุคแรก เพราะเราต่างเชื่อว่าท่านเหล่านั้นได้อธิบายหลักอากีดะฮ์ไว้สมบูรณ์และรัดกุมเพียงพอแล้ว โดยไม่ได้ปกปิด หรือ หลงลืมแต่อย่างใด และนี่เป็นการพยายามรักษาอากีดะฮ์ของเราให้บริสุทธิ์ใกล้เคียงกับยุคสลัฟให้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องง่าย และไม่ต้องแสวงหาการตีความใหม่ๆของใครในยุคหลังจากนั้น
ส่วนตรรกะที่ว่า “หากเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีตา ทรงมีหน้า ทรงมีมือ ทรงมีนิ้วและทรงมีหน้าแข้ง โดยมีรูปแบบที่เสมาะสมสำหรับพระองค์ แล้วจะทำให้บางท่านเชื่อว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างที่ไม่เหมือนมัคโลค หรือทรงมีรูปร่างที่เหมาะสำหรับพระองค์” เป็นเรื่องที่ผิดแล้ว ก็เป็นเพราะพวกท่านเชื่อว่าพระองค์ทรงมีรูปร่าง หรือรูปแบบของพระองค์เองไม่ได้อยู่แล้วนั่นเอง ทั้งๆที่พระองค์ไม่ได้กล่าวเฉพาะเจาะจงไว้แต่อย่างใดว่า พระองค์ไม่ทรงมีรูปแบบ หรือรูปลักษณ์ หรือคุณลักษณะใดๆอยู่เลย พระองค์ทรงระบุไว้ชัดเจนเพียงพระองค์ไม่ทรงเสมอเหมือนสิ่งใด และเช่นกันสิ่งใดก็ไม่เสมอเหมือนพระองค์ การเชื่อไม่เลยเถิดเยี่ยงนี้จึงสามารถตอบประเด็นที่ว่า อำนาจ ความรู้ ความร่ำรวย ความเมตตา หรือความกรุณาที่มัคลูกของพระองค์ก็มีอยู่ด้วยนั้น เป็นลักษณะที่สื่อให้มนุษย์เข้าใจได้แต่พึงรู้ไว้เพียงว่าไม่เสมอเหมือนกับที่พระองค์ทรงมี และมนุษย์ก็จำเป็นต้องหยุดคิดจินตนาการต่อในเรื่องนี้ ก็เท่านั้นเอง และนี่เป็นความเชื่อที่มีเหตุผลกินกับสติปัญญา ส่วนจะกระตุ้นความนึกคิดของคนเอาอามทั่วไปอยู่เสมอว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่าง แม้จะไม่เสมอเหมือนกับมัคโลค ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่คุณก็บอกอยู่แล้วว่า เอาวาม ไม่เห็นน่าแปลกใจ อิสลามพูดความจริงเดียวกับคนทุกระดับสติปัญญา ไม่ต้องอาศัยกุศโลบาย หรืออุบายธรรม เยี่ยงศาสนาอื่น
วัลลอฮูอะลัม
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: al-firdaus~* Date: ส.ค. 23, 2010, 12:17 AM
หลักความเชื่ออะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์ที่แท้จริงนั้น ย่อมไม่มีใครอาจหาญสร้างรูปแบบ หรือวิธีการให้กับพระองค์ได้ พวกเราเพียงแต่ไปพยายามขวนขวายตีความไปมากกว่าที่มีคำอธิบายมาจากหลักฐานที่พวกเราสามารถยึดถือได้เท่านั้น หลักฐานที่บ่งชี้ว่าคำๆนี้หมายความตรงตัวเราก็เชื่อตามนั้น ส่วนคำไหนที่หลักฐานอธิบายถึงความเป็นนัยยะ เราก็เชื่อตามนั้นเช่นกัน และเราจะไม่มีความมั่นใจในตนเองในความรู้ที่ลึกซึ้งในหลักอากีดะฮ์ที่ลึกซึ้ง มากไปกว่านบี หรือบรรพชนยุคแรก เพราะเราต่างเชื่อว่าท่านเหล่านั้นได้อธิบายหลักอากีดะฮ์ไว้สมบูรณ์และรัดกุมเพียงพอแล้ว โดยไม่ได้ปกปิด หรือ หลงลืมแต่อย่างใด และนี่เป็นการพยายามรักษาอากีดะฮ์ของเราให้บริสุทธิ์ใกล้เคียงกับยุคสลัฟให้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องง่าย และไม่ต้องแสวงหาการตีความใหม่ๆของใครในยุคหลังจากนั้น
อัลอะชาอิเราะฮ์จะไม่ทำการพูดพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิ์ต่าง ๆ ของอัลลอฮ์ โดยยึดเพียงแค่การพิจารณาด้วยสติปัญญา
แต่ทว่าพวกเขาพูดในสิ่งดังกล่าวโดยนำสติปัญญา ที่อยู่บนพื้นฐานจาก
-อัลกุรอาน
-อัซซุนนะฮ์
-อัล-อิจญ์มาอ์ มติของปวงปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ที่เกี่ยวกับประเด็นของศาสนา
เหล่านี้มาสนับสนุนความถูกต้องของสิ่งที่ได้นำมาจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ดังนั้น สติปัญญาตามทัศนะของอัละชาอิเราะฮ์คือสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของศาสนา
มิใช่เป็นพื้นฐานยืนยันในเรื่องของศาสนา เพราะการใคร่ครวญในแง่ของสติปัญญาที่บริสุทธิ์ปลอดภัยนั้น
จะไม่ออกไปจากสิ่งที่ศาสนาได้นำมาและจะไม่ค้านกัน
ที่สำคัญ ไม่ทำให้คนเอาวามต้องเข้าใจผิดว่า เช่นว่า อัลลอฮ์ทรงมีมือ มีรูปร่าง
ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อย เพราะไม่รับผิดชอบต่อการทำให้คนเอาวามต้องเข้าใจในเอกภาพของอัลลอฮ์ผิดเพี้ยนไป
แต่อาชาอิเราะฮ์ พยายามที่จะปกป้องพระองค์ให้บริสุทธิ์จากการเหมือนของมัคโลค
วัลลอฮ์อะลัม
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: ZUHARI Date: ส.ค. 23, 2010, 06:17 AM
salamเอ้องงคับพอดีเพิ่งมาใหม่ขอแสดงความเห็นหน่อนนะครับขออณุญาติด้วยคับ
คือผมอ่านไปอ่านมาเริ่มสับสนว่ากำลังคุยเรื่องอะไรทางคุณลาลิกลาลีบอกว่าอัลกุอานบอกมายังไงก็ว่าตามนั้นส่วนอีกหลายคนก็พยายามบอกว่าเราอย่าไปคิดว่าอัลเลาะห์เหมือนนัคลูคแล้วพวกคุณทั้งสองก็ต่างพูดเข้าใส่กันจนหลังๆฟังน้ำเสียงออกว่าต่างคนต่างไม่พอใจเอายังงี้ดีไหมคับหัวข้อนี้ผมว่าเอาวางไว้ตรงนั้นแหละคับเราอย่าไปยุ่งไปสงสัยไปจับไปต้องไปพูดปล่อยเอาไว้อย่างนั้นใครหรือคุนจะคิดยังไงคิดได้แต่ไม่ต้องพูดออกมาเป็นความเชื่อของแต่ละคนเอาเวลาไปทำอามั้นเรื่องอื่นจะดีกว่าไหมถ้าหากแรงไปขอมาอัปคับ
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: As-Zaleek Date: ส.ค. 23, 2010, 07:55 AM
salam
สุดท้ายท่านก็ไม่ได้มีการยอมรับตรรกะที่ผิดพลาดในการยกฮาดีษขึ้นมาสนับสนุนแนวคิดของตนเองแต่อย่างใด เพียงเฉไฉไปอ้างตรรกะที่ว่า การที่ชาวสวรรค์เห็นพระองค์โดยไม่มีรูปแบบหรือวิธีการ ก็เพราะว่าพระองค์ไม่มีรูปแบบวิธีการตั้งแต่เดิมแล้ว ซึ่งเป็นเพียงตรรกะลอยๆที่สร้างขึ้นมาจากความเชื่อตนเองที่ปักธงนำอยู่แล้วนั่นเอง
คำอ้างของคุณไม่อยู่บนหลักการและข้อยืนยันที่เป็นธรรม พูดจากสติปัญญาล้วน เพราะจากการอธิบายของปราชญ์ ได้ยืนความผิดพลาดของคุณ
ดังนั้นท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺปราศสะลัฟจึงว่า
وَلِقَاءُ اللهِ تَعَالىَ لِأَهْلِ الْجَنَّةِ بِلاَ كَيْفٍ وَلاَ تَشْبِيْهٍ وَلاَ جِهَةٍ حَقٌّ
"และการที่อัลเลาะฮฺ(ตะอาลา)ทรงพบกับชาวพบสวรรค์ โดยไม่มีวิธีการ ไม่มีการคล้ายคลึง และไม่มีทิศนั้น เป็นความจริง" ดู กิตาบ อัลวะซียะฮฺ ของอบูหะนีฟะฮฺ หน้า 4
ท่านอัลลามะฮ์ เชคอัลฆุนัยมีย์ อัลหะนะฟีย์ อธิบายหนังสืออัลอะกีดะฮ์อัลเฏาะหาวียะฮ์นี้ว่า
فإن الرؤية تابعة للشيء على ما هو عليه
“แท้จริงการเห็นนั้นมันจะตามสิ่งที่มันเป็นอยู่” หนังสือชัรห์อัลอะกีดะฮ์อัลเฏาะหาวียะฮ์ หน้า 68-69
ข้อเท็จจริงสำหรับผู้มีสติปัญญาบริสุทธิ์ จะเข้าใจได้เลยว่า การเห็นสิ่งหนึ่งก็ต้องเกี่ยวข้องกับสภาวะของสิ่งนั้น หากเห็นผู้หนึ่งอยู่ในสถานที่หนึ่ง การเห็นก็จะมีรูปแบบเช่นนั้นด้วย และหากเห็นผู้ที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย การเห็นก็จะเห็นในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับการเห็นสรรพสิ่งทั้งหลาย และการเห็นผู้มีรูปแบบหรือวิธีการ การเห็นก็จะมีรูปแบบวิธีการไปด้วย ดังนั้นหากเห็นผู้ที่ไม่มีรูปแบบวิธีการ การเห็นก็ไม่มีรูปแบบวิธีการ และการเห็นผู้ที่ไม่คล้ายคลึงกับสิ่งใด การเห็นก็จะไม่คล้ายคลึงกับสิ่งใดเช่นกัน แต่อัลลอฮ์จะให้มุอฺมินเห็นตามความประสงค์ของพระองค์...จริงๆผมได้พูดความแตกต่างระหว่างง่าย กับมักง่ายให้ท่านเห็นแล้วว่าผมไม่ได้มองข้ามไป แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้ท่านเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำในคำๆนี้ไปเสียเอง คำว่า “อากีดะฮ์” เชิงลึกนี่มีต้นตอมาจากหลักฐานบทไหนหรือเปล่าครับ? หรือเป็นเพียงศัพท์เทคนิคใหม่ที่เหล่าอาชาอิเราะฮ์เพิ่งมาให้คำนิยามกันเอาเอง ถามเอาความรู้จริงๆนะครับ ถ้ามีหลักฐาน ผมก็จะได้เชื่ออย่างสนิทใจว่า อากีดะฮ์นั้น มีแบบลึก แบบตื้น กับเขาเหมือนกัน
หลักอะกีดะฮ์เชิงลึก คือคนเอาวามทั่วไปส่วนมากไม่สามารถเข้าใจได้เลย ก็คือหลักอะกีดะฮ์ที่มีตัวบทแบบมีความหมายหลายนัย(มุตะชาบิฮาด) อาจจะทำให้คนเอาวามทั่วไปเกิดความคลุมเครือได้ นอกจากผู้ที่มีความแน่นแฟ้นในความรู้...
หรือหลักอะกีดะฮ์ในระดับฟัรดูกิฟายะฮ์ที่มีการวิเคราะห์รายละเอียดและปกป้องแนวทางที่บิดอะฮ์และบิดเบือน เช่น เที่ยวบอกคนเอาวามว่า อิสติวาอฺ มีความหมายว่า สถิตน่ะหรือนั่งประทับน่ะ แบบนี้ทำให้คนเอาวามทั่วไปเสื่อมเสียหลักอะกีดะฮ์ที่บริสุทธิ์ที่ท่านค่อนขอดและ ตั้งข้อสังเกตว่าผมมีหลักการเหลือเกิน หรือว่า มั่นใจเหลือเกินนั้น ผมก็ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงว่าหมายความตามที่พูดหรือไม่ แต่เรื่องความมั่นใจนั้นเป็นสิ่งที่เชื่อว่าทั้งท่านและผมต่างมีไม่มาก ไม่น้อยไปกว่ากัน ในหลักอากีดะฮ์ที่ตนเองเลือกยึดถือหรอก จริงไหมครับ? เรื่องความมั่นใจ หรือหลักการที่ต้องมีอยู่แล้วนี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ห้ามกันไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าเป็นการปรามเพราะอาจถูกระงับสมาชิกภาพ ผมก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย หากจะอยู่ในห้องนี้ได้ต้องพูดความจริงแบบกระอ้อมกระแอ้ม ก็อย่าอยู่ดีกว่า บาปเปล่าๆครับ ถูกไหม
มันต่างกันระหว่างมั่นใจว่าแนวทางตนเองเท่านั้นที่ถูก กับมั่นใจว่าแนวทางของตนเองถูกและแนวทางอื่นก็ถูกเพราะมีเป้าหมายเดียวจะแตกต่างกันก็ที่การอิจญฺติฮาดของปราชญ์ในเรื่องของอะกีดะฮ์ ผมนั้นอยู่ในแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ แต่ก็ยอมรับแนวทางของอัลมะตูรีดียะฮ์และอัลอะษะรียะฮ์ (แนวทางของปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีที่มุเฟาวิเฎาะฮ์คือมอบการรู้ความหมายของซีฟาตไปยังอัลลอฮ์)...
ส่วนตัวผมเอง คุณไม่ถูกระงับสมาชิกหรอก เพราะคุณเสวนาเชิงวิชาการ ไม่ได้มาโพสต์แปะลิงค์แล้วก็ไปนี่ เพราะเว็บนี้เขาบอกชัดเจนแล้วว่า จะให้วะฮาบีเสวนาเชิงวิชาการเท่านั้น หากจะไปเผยแพร่อะกีดะฮ์แนวทางตนเองก็ไปที่เว็บอื่นๆ เยอะแยะที่เขารับแนวทางแบบนี้มิใช่หรือ...ส่วนการทียกพาดหัวมาเรื่องเขคอุษัยมีน ก็ไม่ทราบมีเจตนาใด คือถ้าเชคท่านนี้เชื่ออย่างไรผมต้องเชื่ออย่างนั้นกระนั้นหรือครับ? ก็ต้องดูเป็นเรื่องๆไปครับ และผมก็ต้องรอดูหลักฐานประกอบการอ้างอิงของท่านก่อน การอ้างลอยๆแบบนี้ขอไม่พูดคุยกันก่อนแล้วกันนะครับ บอกแล้วว่ากระดุมเม็ดแรกที่ไม่ยอมกลัดให้ตรง ตรรกะผิดพลาดเรื่องวาฮาบีย์ก็ยังเผยออกมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
หากคุณพูดว่า “หากเชคอุษมัยมีนเชื่ออย่างนั้น ผมก็ไม่เชื่อตาม” แค่นั้นก็จบ ทำไมต้องรออ้างอิง และถ้าหากมีการอ้างอิงยืนยันตามนั้นจริง คุณจะมีความเห็นว่าอย่างไร...?1- พอได้ยิน คุณเอาเลยไปเปรียบเทียบกับ มัคลูก = เข้าข่าย تمثيل เปรียบพระองค์กับมัคลูก
2- สมองคุณเห็นว่า ไม่ได้ เปรียบเทียบกับมัคลูกไม่ได้ ฉะนั้น ต้องปฎิเสธเรื่องนี้ = เข้าข่าย تعطيل คุณปฏิเสธศิฟัตของอัลลอฮ์
3- เมื่อเป็นความหมายตรงไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นความหมายโดยนัยแทน คุณจึงตีความว่าต้องมีความหมายอย่างอื่น = เข้าข่าย تحريف คุณบิดเบือนความหมายของศิฟัต
ทั้งสามอย่างนี้สลัฟเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก
ขอรายละเอียดหน่อยครับ เพราะคุณเขียนมาเยอะมากครับ
1. ขอความเข้าใจเกี่ยวกับการแบ่งแยกระหว่าง تشبيه กับ تمثيل หน่อยว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
2. คำนิยาม تعطيل คือะไร และคำนิยาม تحريف หมายถึงอะไร และการตีความ(ตะวีล) เข้าข่าย تعطيل และ تحريف เสมอไปหรือไม่?
3. เป็นที่ทราบดีว่า ยะดุน (แปลว่ามือ) แต่ความหมายแท้ตามหลักภาษาอัลกุรอาน(ภาษาอาหรับ)หมายถึงอะไรและความหมายโดยนัยมีอะไรบ้าง
ขอบคุณครับ
ผมขอวกมาที่ประเด็นสำคัญของกระทู้นี้ คือผมอยากทราบข้อ 3 ที่บังอัซฮะรีย์ได้เคยถามคุณ ก็คือ “3. เป็นที่ทราบดีว่า ยะดุน (แปลว่ามือ) แต่ความหมายแท้ตามหลักภาษาอัลกุรอาน(ภาษาอาหรับ)หมายถึงอะไรและความหมายโดยนัยมีอะไรบ้าง”
วัลลอฮุอะลัม , วัสลาม
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: laliklalee Date: ส.ค. 23, 2010, 11:44 AM
salam
ท่านก็ยังคงยืนยันที่จะใช้ตรรกะส่วนตัวในการนำคำพูดของ ท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺ มารองรับตรรกะตนเองอยู่ดี จริงๆแล้วการมอง การฟัง การดื่ม การกิน การดำรงชีวิตในโลกแห่งการตอบแทนหลังการฟื้นคืนชีพนั้น ผู้ศรัทธาย่อมเข้าใจได้อยู่แล้วว่าแตกต่างกันกับบนโลกนี้อย่างแน่นอน ทั้ง ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย การพักผ่อนนอนหลับ ของชาวสวรรค์ที่เปลี่ยนไป ระบบการเห็นของชาวสวรรค์จะเปลี่ยนไม่ได้หรือครับ ตรรกะที่ว่า “การเห็นผู้มีรูปแบบหรือวิธีการ การเห็นก็จะมีรูปแบบวิธีการ การเห็นผู้ที่ไม่มีรูปแบบวิธีการ การเห็นก็ไม่มีรูปแบบวิธีการ” จึงเป็นตรรกะที่ทึกทักเอาเองจากคำพูดปราชญ์อิสลามทั้งสองท่านครับ เป็นตรรกะที่สร้างขึ้นจากความไม่เข้าใจ จะเห็นได้ว่าคำอธิบายการเห็นที่ไม่มีรูปแบบ วิธีการของชาวสวรรค์นั้น ได้รับการยืนยันเพิ่มเติมจาก ท่านอัลลามะฮ์ เชคอัลฆุนัยมีย์ อัลหะนะฟีย์ อธิบายหนังสืออัลอะกีดะฮ์อัลเฏาะหาวียะฮ์ความว่า “แท้จริงการเห็นนั้นมันจะตามสิ่งที่มันเป็นอยู่” สติปัญญาปกติของเราเข้าใจได้ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงเป็นอยู่มีรูปแบบเฉพาะของพระองค์เอง ที่ไม่เหมือนมัคลูคใดๆ และสภาวะดังกล่าวอยู่พ้นญานวิสัยของมัคลูคที่จะมองเห็นพระองค์ในดุนยา แต่ในอาคีเราะฮ์นั้น การเห็นไม่ต้องใช้รูปแบบ หรือวิธีการเยี่ยงดุนยา ( เช่นการตกกระทบและสะท้อนของแสง หรืออื่นๆ) แต่เป็นการเห็นโดยพระประสงค์ของพระองค์ที่ไม่ต้องมีรูปแบบหรือวิธีการตามปกติใดๆมารองรับ และชาวสวรรค์จะเห็นพระองค์ในรูปแบบที่พระองค์ทรงเป็นอยู่อย่างแท้จริง และสิ่งที่เห็นตาไม่เคยได้เห็น และสมองก็ไม่เคยได้จินตนาการถึง
ง่ายไหมครับอิสลาม ? อธิบายปราชญ์ทั้งสองท่านแบบนี้ไม่ได้หรือ? ไม่เห็นต้องเฉไฉอย่างที่ท่านพยายามทำอยู่เลยนี่ครับ อธิบายแบบนี้คนเอาวามก็เข้าใจ อาเหล่มก็เข้าใจ การที่ผู้รู้อ้างถูกแต่สรุป หรือ แปรเจตนาผู้พูดผิดโดยเจตนา กลับเป็นสิ่งที่สร้างความเข้าใจผิดต่อคนเอาวามเสียยิ่งกว่า จึงนับเป็นความไม่รับผิดชอบยิ่งกว่ายอมพูดความจริงแล้วแต่ปล่อยคนเอาวามที่ไม่ใช้ความพยายามอย่างแท้จริง ให้เข้าใจซีฟัตของพระองค์แบบผิดๆไปเอง
ส่วนคำว่า “หลักอะกีดะฮ์เชิงลึก” ท่านก็ยังไม่ได้ตอบคำถามผมตรงประเด็น แต่กลับเฉไฉไปโยงกับคำว่า คำที่มีความหมายหลายนัย(มุตะชาบิฮาด) แล้วอ้างว่าเป็นสิ่งเดียวกันกล่าวคือ คนเอาวามทั่วไปส่วนมากไม่สามารถเข้าใจได้เลย จริงๆแล้วอายะฮ์ที่มีความหมายหลายนัยไม่ได้หมายถึงซีฟัตของพระองค์อัลลอฮ์เพียงอย่างเดียว และไม่ได้หมายความเดียวกันกับหลักอากีดะฮ์เชิงลึกที่ท่านพยายามให้เป็น ผมจึงได้เรียนชี้แจงไปแล้วว่า อายะฮ์ที่เป็นนัยนั้น เราจะไม่แสวงหาความหมายด้วยตนเอง หรือชนยุคหลังจากสลัฟ เราเพียงหาหลักฐานที่เป็นคำอธิบายต่อนัยยะดังกล่าวแล้วยึดถือต่อหลักฐานนั้นก็เพียงพอ คือหลักอะกีดะฮ์ที่มีตัวบทหลักฐานชัดเจนอย่างไร ถ้าไม่มีความชัดเจนกว่านั้น หรือยังรู้สึกคลุมเครือ เราก็จะปล่อยไว้อย่างนั้น ไม่จินตนาการต่อ ไม่อาจหาญสร้างความชัดเจนขึ้นมา ด้วยความศรัทธาต่อหลักกุรอานที่เป็นมุฮ์กามาตที่ไม่ต้องตีความใดๆ เพราะการที่ชนยุคสลัฟได้อธิบายไว้แล้วปล่อยให้ความคลุมเครือยังคงคลุมเครืออยู่นั้น แสดงว่าเป็นความคลุมเครือที่มุสลิมต้องยอมรับ และไม่จำเป็นต้องแสวงหาความชัดเจนในเรื่องเหล่านี้เพราะพ้นญานวิสัยแล้ว ตามที่กระผมได้บอกไปแล้ว หากเราเชื่อในมาตรฐานการส่งมอบความรู้ที่ไม่ปิดปัง หรือหลงลืม ของเหล่าสลัฟ สิ่งชัดเจนต่ออากีดะฮ์นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของมุสลิมจะถูกปล่อยปละละเลยไม่อธิบายทั้งที่อธิบายได้กระนั้นหรือ? ท่านเหล่านั้นมีความเป็นห่วงเกรงการตีความไปเองของเหล่าชนเอาวามน้อยกว่าท่านกระนั้นรึ? หรือว่าชนยุคหลังจากสลัฟกลับมีความความแน่นแฟ้นในความรู้.ในหลักอากีดะฮ์ (เชิงลึก) ดังกล่าวมากกว่า???
โปรดใช้สติปัญญาตรงดูเถิดพี่น้อง
คือในฐานะของคนเอาวามอย่างผม ต้องมีความเป็นธรรมในหัวใจครับในการพิสูจน์สัจธรรม ไม่ใช่เอาวามแต่ปกป้องความเชื่ออย่างหลับหูหลับตา โดยหลักการผมได้ถามท่านเรื่องเจตนาการยกเชคอุษัยมีนขึ้นมา ว่าเพราะอะไร? เพราะเกรงว่าท่านจะมีพฤติกรรมเหมารวมเช่นเดียวกับการเหมารวม ในทฤษฎีการตั้งฉายา “วาฮาบีย์” ที่ไร้เหตุผลรองรับ จริงๆแล้วผมไม่ปฏิเสธ หรือยอมรับเรื่องใด ของใครทั้งหมด ( เว้นการยอมรับจากกุรอาน หรือฮาดีษที่เชื่อถือได้นะครับ ) เรื่องข้อมูล หรือแนวทางวินิจฉัยในเวบนี้บางเรื่องที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็หยิบยืมไปใช้อธิบายต่อ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เช่นกัน ฟัตวาของเชดอุษัยมีนบางเรื่องผมก็ไม่เห็นด้วย เช่นเรื่องเดือน เป็นต้น ซุนนะฮ์ที่แท้จริง ต้องยึดมั่นแนวทางนบีด้วยฟันกรามครับ อย่าตะอัศศุฟเป็นอันขาด แล้วจะไม่หลงทาง อินชาอัลลออ์ ส่วนท่านมีหลักฐานประกอบการอ้างอย่างไรผมก็รอดู ไม่ถูกเหรอครับที่เกร่นไว้ก่อนว่าไม่ปักธงนำ
ส่วนสาเหตุการปฎิเสธการลงลึกในการตีความคำศัพท์คำนั้น คำนี้ กระผมได้ชี้แจงไว้น่าจะชัดเจนแล้ว คงไม่ขอกล่าวซ้ำ แต่หากท่านจะทักท้วงว่าไม่เป็นธรรมในแง่ใดในเหตุผลดังกล่าวก็บอกมาได้ครับ จะได้อธิบายได้ตรงประเด็น
ส่วนเรื่องการระงับสมาชิกภาพโดยใช้เกณฑ์ที่ว่า สมาชิกที่ไม่โพสท์เรื่องราวที่เป็นลักษณะทางวิชาการ หรือ โพสท์ link ไปยังเวบอื่นที่เป็นความเชื่อที่สวนทางกับอะชาอิเราะฮ์นั้น ก็ขอให้รักษามาตรฐานนี้และใช้อย่างไม่เลือกปฏิบัติก็แล้วกันครับ โดยเฉพาะสมาชิกแนวฮาร์ดคอร์ชาวอาชาอิเราะฮ์ที่ไม่มีความเป็นวิชาการอยู่เลย
มาอัฟด้วยนะครับหากการพูดความจริงต้องทำให้หลายคนไม่สบายใจ เดือนรอมฎอนต้องพยายามรอบคอบเรื่องคำพูดให้มาก แต่ถ้าพลาดไปก็มาอัฟด้วยครับ
ด้วยความปรารถนาดี
วัสลาม
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: al-kudawah Date: ส.ค. 23, 2010, 02:24 PM
สติปัญญาปกติของเราเข้าใจได้ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงเป็นอยู่มีรูปแบบเฉพาะของพระองค์เอง ที่ไม่เหมือนมัคลูคใดๆ และสภาวะดังกล่าวอยู่พ้นญานวิสัยของมัคลูคที่จะมองเห็นพระองค์ในดุนยา แต่ในอาคีเราะฮ์นั้น การเห็นไม่ต้องใช้รูปแบบ หรือวิธีการเยี่ยงดุนยา ( เช่นการตกกระทบและสะท้อนของแสง หรืออื่นๆ) แต่เป็นการเห็นโดยพระประสงค์ของพระองค์ที่ไม่ต้องมีรูปแบบหรือวิธีการตามปกติใดๆมารองรับ และชาวสวรรค์จะเห็นพระองค์ในรูปแบบที่พระองค์ทรงเป็นอยู่อย่างแท้จริง และสิ่งที่เห็นตาไม่เคยได้เห็น และสมองก็ไม่เคยได้จินตนาการถึง
ถ้าหากกล่าวอย่างนี้ไม่ถูกต้องกว่าหรือ?
"สติปัญญาปกติของเราเข้าใจได้ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงเป็นอยู่มี
คุณลักษณะ(ซีฟาต)เฉพาะของพระองค์เอง ที่ไม่เหมือนมัคลูคใดๆ และสภาวะดังกล่าวอยู่พ้นญานวิสัยของมัคลูคที่จะมองเห็นพระองค์ในดุนยา แต่ในอาคีเราะฮ์นั้น การเห็นไม่ต้องใช้รูปแบบ หรือวิธีการเยี่ยงดุนยา ( เช่นการตกกระทบและสะท้อนของแสง หรืออื่นๆ) แต่เป็นการเห็นโดยพระประสงค์ของพระองค์ที่ไม่ต้องมีรูปแบบหรือวิธีการตามปกติใดๆมารองรับ และชาวสวรรค์จะเห็นพระองค์ใน
คุณลักษณะที่ทรงเป็นอยู่อย่างแท้จริง และสิ่งที่เห็นตาไม่เคยได้เห็น และสมองก็ไม่เคยได้จินตนาการถึง"
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: laliklalee Date: ส.ค. 23, 2010, 02:38 PM
ทำไมถึงคิดว่าถูกต้องกว่าล่ะครับ?
ในเมื่อมัคลูกก็มี "คุณลักษณะ" ของมัคลูกเองเหมือนกันเช่นเดียวกับคำว่า "รูปแบบ" ผมเห็นว่าก็ถูกต้องทั้งคู่ขึ้นอยู่กับความหมายที่ประสงค์จะสื่อสารนะครับ ลำพังเปลี่ยนคำศัพท์สองคำนี้คงไม่ได้เปลี่ยนสาระสำคัญของการไม่เสมอเหมือนสิ่งใดของพระองค์ไปได้หรอก จริงไหมครับ?
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: al-kudawah Date: ส.ค. 23, 2010, 02:45 PM
ทำไมถึงคิดว่าถูกต้องกว่าล่ะครับ?
ในเมื่อมัคลูกก็มี "คุณลักษณะ" ของมัคลูกเองเหมือนกันเช่นเดียวกับคำว่า "รูปแบบ" ผมเห็นว่าก็ถูกต้องทั้งคู่ขึ้นอยู่กับความหมายที่ประสงค์จะสื่อสารนะครับ ลำพังเปลี่ยนคำศัพท์สองคำนี้คงไม่ได้เปลี่ยนสาระสำคัญของการไม่เสมอเหมือนสิ่งใดของพระองค์ไปได้หรอก จริงไหมครับ?
ถ้าเช่นนั้น มัคลูคมีคุณลักษณะและรูปแบบ อัลเลาะห์ก็มีคุณลักษณะและรูปแบบด้วยใช่ไหม? มนุษย์มีมือและมีรูปแบบ และอัลเลาะห์มีคุณลักษณะมือและมีรูปแบบด้วยใช่ไหม? คล้ายแต่ไม่เหมือนอย่างนั้นหรือปล่าว?
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: laliklalee Date: ส.ค. 23, 2010, 02:53 PM
ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เพราะหากพระองค์ใช้ใช้คำศัพท์ใดตรงกับนามที่มัคลูกมี ผู้ศรัทธาต้องรู้โดยอัตโนมัติว่ามีในแบบเฉพาะของพระองค์ และไม่ละม้ายคล้ายคลึง หรือเหมือนกันกับทั้งมวลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะใช้คำในลักษณะที่เป็น "รูปธรรม" หรือ "นามธรรม" ก็ตาม เช่น "คุณลักษณะ" ,"รูปแบบ" , "มือ" , "เท้า" ,"ความร่ำรวย" , "อำนาจ", "ความรอบรู้", "ความกว้างขวาง", "ความเมตตา" , "พึงพอใจ" , "โกรธ" เป็นต้น
นาม หรือ อาการนามเหล่านี้ หากพระองค์ทรงใช้กับตัวพระองค์เอง เราก็จำเป็นต้องเชื่อตามนั้น ไม่ไปคิดสวนทางหรือบิดเบือนความหมาย แต่หากเป็นนัยยะที่แปรเป็นอย่างอื่นก็ต้องดูว่า นบี และชนยุคสลัฟได้อธิบายไว้ครบถ้วนแล้วอย่างไร?
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: al-kudawah Date: ส.ค. 23, 2010, 03:30 PM
ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เพราะหากพระองค์ใช้ใช้คำศัพท์ใดตรงกับนามที่มัคลูกมี ผู้ศรัทธาต้องรู้โดยอัตโนมัติว่ามีในแบบเฉพาะของพระองค์ และไม่ละม้ายคล้ายคลึง หรือเหมือนกันกับทั้งมวลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะใช้คำในลักษณะที่เป็น "รูปธรรม" หรือ "นามธรรม" ก็ตาม เช่น "คุณลักษณะ" ,"รูปแบบ" , "มือ" , "เท้า" ,"ความร่ำรวย" , "อำนาจ", "ความรอบรู้", "ความกว้างขวาง", "ความเมตตา" , "พึงพอใจ" , "โกรธ" เป็นต้น
ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน
หากพูดอย่างนี้จะดีกว่าไหม "หากพระองค์ใช้ใช้คำศัพท์ใดตรงกับนามที่มัคลูกมี
ผู้ศรัทธาเชื่อโดยอัตโนมัติว่าเป็นคุณลักษณะของพระองค์โดยไม่มีรูปแบบวิธีการ และไม่ละม้ายคล้ายคลึง หรือเหมือนกันกับทั้งมวลอย่างแน่นอน"
เป็นที่ทราบว่าคำศัพท์ในอัลกุรอานที่อัลเลาะห์ประทานมานั้นเป็นภาษาอาหรับ เช่น คำว่า สะมีอฺ พระองค์ทรงได้ยิน บะซีร พระองค์ทรงเห็น เป็นคุณลักษณะที่สมบูรณ์ ซึ่งสติปัญญาให้การยอมรับก่อนที่มีตัวบทมารับรองเสียอีกและมีความหมายที่ชัดเจนไม่การจินตนาการ แต่คำศัพท์ ยะดุน "มือ" สติปัญญาไปคิดเองไม่ได้นอกจากมีตัวบทมาระบุ และเป็นคำศัพท์ที่ให้ความหมายหลายนัยทั้งที่เป็นอวัยวะและไม่ใช่อวัยวะ ปราชญ์สะลัฟจึงมีความระวังและเข้มงวดในการเข้าไปพิจารณาคุณลักษณะอันหลังนี้ที่แตกต่างกับอันแรก
Re: คุณ laliklalee ช่วยอธิบายหน่อย By: laliklalee Date: ส.ค. 23, 2010, 03:36 PM
คงไม่ดีกว่าหรอกครับ เพราะ เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า คุณลักษณะของพระองค์นั้นไม่มีรูปแบบวิธีการแม้กระทั่งในรูปแบบวิธีการเฉพาะของพระองค์เอง
คุณมีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้ไหมครับ? หลักฐานที่คุณ Al-Firdaus นิยามไว้แล้ว 3 ข้อนะครับ ไม่ใช่สมมติฐานมนุษย์บางกลุ่มที่ตั้งตรรกะเอาเองว่า " ถ้าเป็นการได้ยิน การเห็น มนุษย์จะไม่จินตนาการต่อ(จริงหรือ?) แต่ถ้าเป็นมือ หรือเท้า มนุษย์จะจินตนาการต่อ(จริงหรือ?) ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้าม มนุษย์ต้องมีตัวบทมารองรับ(เห็นด้วย) " ถ้ามนุษย์จะจินตนาการ อะไรหยุดได้ครับ ถ้าไม่ใช่ศรัทธา?
คือผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง และยืนยันเสมอมาว่าต้องมีตัวบทมารองรับในการตีความ ( แต่ตัวบทที่อ้างนั้นคืออะไรครับ ไม่ใช่พอจะอ้างตัวบทกลับเอาทรรศนะมาทุกที แล้วค่อยอ้างต่อไปยังตัวบทที่เป็นนัยยะ ที่ไม่ได้มีมติเอกฉันทน์ใดๆรองรับอีกที )