Re: แสงที่มองไม่เห็น By: nada-yoru Date: ก.ย. 30, 2009, 02:31 AM
มีตะเกียง2ดวงที่ช่วงโชติวาว
ส่องแสงแพรวพราวให้ความสว่างสดใส
ดวงหนึ่งสว่างอยู่ที่ ณ ถิ่นแดนไกล
ดวงหนึ่งสดใสอยู่ในวิมานเมืองแมน
ดวงหนึ่งเพิ่มบรรยากาศ
ดวงหนึ่งส่องสาดเพราะขาดสิ้นแสงสุรี
คุณค่าที่มีเพียงต่างที่วางและสิ่งมุ่งหวัง
salam
โต้รุ่งหรืออิลฮาม...มีอารมณ์สุนทรีย์ในยามดึกเยี่ยงนี้
นับถือๆ
แต่แวบๆเห็นสาวน้อยอีกคนโต้รุ่งเป็นเพื่อนในบอร์ดเหมือนกัน
ใจชื้นขึ้นเป็นกอง...อิอิ...

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
^_________^
Re: แสงที่มองไม่เห็น By: nada-yoru Date: ก.ย. 30, 2009, 10:34 AM
ค้างคาวตัวนั้นมันคงหลงรัง กลับรังไม่ถูกมากกว่าพี่ว่า

มันมืดดดดดดด มองไม่เห็น...
Re: แสงที่มองไม่เห็น By: nada-yoru Date: ต.ค. 08, 2009, 03:49 AM
salam
"แสงในพายุ"

สายลม...เปรียบได้ดั่ง "เพื่อนตาย" ที่คอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ
อยู่กับเราจนวันสุดท้ายมาเยือน ไม่มีวันหมดจนกว่าเราจะหมดลมหายใจ
คอยปัดเป่าความร้อน คอยพัดพาความทุกข์ใจให้เบาบางลง
คอยพัดพริ้วโอนอ่อนให้เราสดชื่น
สายลม...เปรียบได้ดั่ง "ผู้หญิง"
...อ่อนไหว...อ่อนโยน...โอนอ่อน..นุ่มนวล...พริ้วหวาน
ทำให้โลกสดชื่น...ทำให้โลกสดใส...ปัดเป่าความร้อน...แต่ก็บางเบา...
มองไม่เห็น แต่รับรู้และสัมผัสได้...
แม้จะบอบบาง นุ่มนวล โชยเอื่อย แต่เมื่อใดที่สายลมแปรปรวน...
ความเบาบางเกิดรวมตัวกัน...แล้วหมุนตัวด้วยความเร็วสูง...
เมื่อนั้นแหล่ะ...หายนะกำลังมาเยือน...
คุณเคยสังเกตชื่อของพายุมั้ยคะ...ว่าเมื่อก่อนมีแต่ชื่อผู้หญิง...
แล้วรูปร่างของพายุก็สวยมิใช่น้อย...สวย...แต่ไม่มีใครกล้าอยู่ดู...
ดังนั้น...จงอย่าประมาทสายลมที่อ่อนไหว...
พอๆกับผู้หญิงที่สวยใส สดชื่นใจเวลาพบเห็น...
เพราะความสวยมักมาพร้อมกับหายนะ...
แล้วคุณคิดว่า...ผู้หญิงที่แสนบอบบาง...
สามารถทำลายล้างโลกได้ในพริบตาหรือไม่...
ก่ีคราวกับประวัติศาสตร์แห่งศึกชิงนาง..
กี่คราวที่อาณาจักรล่มสลายลงเพราะมือนาง...
หากสายลมพูดได้ มันจะบอกอะไรเราบ้างนะ
หรือสายลมกำลังจะบอกเราว่า
"อย่าประมาทกับการใช้ชีวิต...เพราะแม้แต่ฉัน เธอก็อย่าได้ประมาท...
เธออาจจะรักฉัน ชอบฉัน อยากให้ฉันอยู่เคียงข้าง เวลาที่เธอร้อนรน...
อยากให้ฉันช่วยปัดเป่าเมื่อยามที่เธอร้อนใจ...
แต่เธออาจจะเกลียดฉัน ต่อว่าฉัน สาปส่งฉัน วิ่งหนีฉัน เวลาที่ฉันแปรปรวน...
เธอจะรับได้ไหม...หากว่าฉันกลายเป็นลมพายุ..
เธอจะอยากให้ฉันอยู่ข้างเธออีกไหม...หากว่่าฉันกลายเป็นลมพายุ..."
...ถ้าเรายอมรับแสงสว่างและความอบอุ่น...
...เราต้องยอมรับฟ้าร้องและฟ้าแลบด้วย...
วัสลามุอะลัยกุม

Re: แสงที่มองไม่เห็น By: nada-yoru Date: ต.ค. 27, 2009, 12:46 PM
salam
"แสงสว่างกลางเกลียวคลื่น"

เมื่อคลื่นลูกเก่าเลยผ่านไป...คลื่นลูกใหม่ก็ซัดเข้ามา...
ปลาดาว...เป็นสัตว์ที่เกิดมาในท้องทะเล หลายครั้งที่ปลาดาวโดนคลื่นซัด
พัดพามาเกยอยู่บนชายหาดนับแสนนับล้านตัว...
พอแสงอาทิตย์สาดส่องเจ้าปลาดาวเหล่านั้นก็จะแห้งตาย
กลายเป็นเศษซากที่ไม่มีใครสนใจบนหาดทราย...
หากปลาดาวอยู่ในท้องทะเลลึก มีหรือที่มันจะโดนกระแสคลื่นพัดพา
มีหรือที่มันจะตกอยู่ในวังวนของกระแสคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
อาจเพราะว่ามันเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนั้น...
อาจเป็นเพราะมันอยากลองออกมาดูโลกกว้างเบื้องบน
มันจึงถีบตัวพาตัวเองมาตกอยู่ในวังวนของเกลียวคลื่น
มิแยแสต่อความโหดร้ายของเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าหาตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
มิแยแสว่าชีวิตตนหนทางข้างหน้าจะต้องเจอกับคลื่นลมอีกกี่ระลอก...
เมื่อขึ้นมาแล้ว ใช่ว่าจะสามารถกลับลงไปยังท้องทะเลลึกที่แสนสงบ
และสวยงามได้ง่ายๆ...
ปลาดาวตัวน้อยตัวนึงที่กำลังถูกเกลียวคลื่นซัดมาเกยฝั่ง
โดยที่ไม่สามารถต่อต้านหรือฝืนตัวเองไม่ให้ถูกเกลียวคลื่นพัดมาเกยฝั่งได้
ปลาดาวตัวน้อยตัวนั้นจะมีปัญญาทำอะไรได้ ในเมื่อมันเกิดในท้องทะเล
มันก็ต้องตกอยู่ในวังวนแห่งนี้ไปจนตาย
ได้แค่รอด้วยความหวังว่าเมื่อไหร่ คลื่นลูกใหม่จะหอบแล้วพาร่างอันน้อยนิด
แค่เศษเสี้ยวของท้องทะเลนี้ กลับไปยังที่ที่จากมาอีกครั้ง...
รอว่าจะมีใครใจดีหยิบมันขึ้นมาเพื่อขว้างให้มันกลับไปใช้ชีวิตในท้องทะเลอีกครั้ง
ไม่ต้องมาเสี่ยงกับความเป็นความตายหรือรอเวลาให้แสงแดดแผดเผาร่างกาย
ให้เหี่ยวแห้ง แล้วกลายเป็นแค่เพียงเศษซากของผืนทรายที่ไม่มีใครสนใจ...
เรามนุษย์ล่ะจะยอมให้ชีวิตเดินไปตามวิถีของมันไปเรื่อยๆอย่างนี้
เป็นอย่างปลาดาวที่ยอมให้เกลียวคลื่นซัดเขาหาฝั่งวนไปเวียนมาอยู่อย่างนี้
เราจะยอมใช้ชีวิตในวงจรแบบนี้อย่างนั้นน่ะหรือ
รอความหวังเฉกเช่นปลาดาวอย่างนั้นน่ะหรือ...
หรือเราจะลองเป็นปลาดาวที่ไม่ยอมรอความหวัง
แต่จะใช้มันเป็นพลังแห่งความหวังที่มีอันน้อยนิดท่ามกลางเกลียวคลื่น
เพื่อช่วยตัวเองให้กลับคืนสู่ท้องทะเลลึก แล้วอยู่ในห้วงลึกแห่งนั้น
ไม่คิดจะโผล่มาล้อเล่นกับเกลียวคลื่นเพื่อตกอยู่ในวังวนนี้
เพราะท้องทะเลลึกเป็นที่ที่สงบและสวยงาม
เหมาะสำหรับปลาดาวตัวน้อยไร้เรี่ยวแรงและอ่อนแอยิ่งนัก...
เพียงแต่เราอาจต้องใช้เรื่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพ่ือนำพาตัวเอง
กลับไปยังท้องทะเลลึกนั่นให้ได้ แม้จะยากแค่ไหน เหนื่อยล้าเพียงใด
หรือจะเจ็บปวดกับการจากลาผืนทรายนับล้านเม็ดที่แสนคุ้นเคยแค่ไหน
หากมันจะทำให้ชีวิตเราหลุดพ้นจากวังวนของเกลียวคลื่นที่มิเคยหยุดซัด
เราพร้อมจะเปลี่ยนชีวิตเพื่อจากลาเกลียวคลื่นและเม็ดทรายเหล่านี้ได้หรือ...
มีนิทานปลาดาวอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากจะนำมาฝากค่ะ
นิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า...
ณ ชายหาดแห่งหนึ่ง ซึ่งทะเลแถบนั้นเป็นที่อาศัยของปลาดาวจำนวนมากมาย
ทุกๆ เช้า น้ำทะเลจะซัดสาดเจ้าปลาดาวน้อยใหญ่ขึ้นมาเกยตื้นบนพื้นหาด
เมื่อเข้าสู่เวลาสาย แสงตะวันอันร้อนแรงก็จะเริ่มแผดเผาเจ้าปลาดาว
จนมันค่อยๆ แห้งตายไปทีละตัว สองตัว...
แต่ถึงกระนั้น ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่เขาจะออกมาที่ชายหาดในทุกๆ เช้า
เพื่อจะโยนปลาดาวที่เกยตื้นลงทะเล แม้ว่าจำนวนปลาดาวบนชายหาด
จะมากขนาดไหนก็ตาม แต่เขาก็ยังคงทำสิ่งนี้อยู่ทุกวัน
จนถึงเช้าวันหนึ่ง ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังโยนปลาดาวลงทะเล
เหมือนกับทุกๆ วัน ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
แล้วก็พูดว่า
เจ้าหนุ่มเอ๋ย...มันจะมีประโยชน์อะไรที่เธอจะทำแบบนี้ทุกวัน
เพราะในวันต่อไป ปลาดาวก็ต้องถูกน้ำซัดขึ้นฝั่งอีกอยู่ดี
และปลาดาวที่อยู่บนฝั่งมันก็มากเกินกว่าที่เธอจะช่วยมันได้ทั้งหมด
ถึงเธอจะช่วยมันได้บ้าง แต่ถ้าเทียบกับปลาดาวอีกมากที่เธอช่วยมันไม่ได้
มันก็ไม่ต่างกับการที่เธอจะเพิกเฉยต่อพวกมันหรอก ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ พร้อมทั้งหยิบปลาดาวตัวหนึ่งโยนอย่างสุดแรงเกิด
ลงไปที่พื้นน้ำทะเล พร้อมทั้งกล่าวว่า
มันต่างกันที่ตรงนี้แหละครับหยิบชีวิตใกล้สิ้นหวัง
จากหนึ่งยังสู่หนึ่งได้
ร้อยหมื่นหรือล้านใด
จะมอดไหม้ก็ยังทำ
มิสูญสิ้นปลูกสิ่งรัก
อาจยากนักเพราะอาจช้ำ
ยาวนานกว่าทรงจำ
อยู่ในใจตลอดมา
สิ้นสูญใช่สูญเปล่า
และสูญสิ้นใช่ไร้ค่า
เศษเสาหักโค่นคา
ยังเหลือเศษให้ต่อเติม
ความหวังใช่สูญสิ้น
และเศษซากใช่ยากเสริม
แตกต่างเพราะต่อเติม
จากเศษเดิมที่เพิ่มพูน
ส่วนต่างของความหวัง
คือส่วนยังที่เกื้อกูล
ก่อเต็มและสมบูรณ์
จากศูณย์สู่
นิรันดร์
...โดย...อากาศกวี....
แสงสว่่างกลางเกลียวคลื่น...
แสงสีขาวเรืองรอง...
แสงแห่งความหวัง...ยัง...แสงแห่งชีวิต...
วัสลามุอะลัยกุม
Re: แสงที่มองไม่เห็น By: nada-yoru Date: พ.ย. 29, 2009, 11:14 PM
salam
เราจะมองไม่เห็นคุณค่าของเงา
จนกว่าเราจะรู้จักคุณค่าของแสง
และ
เราจะมองไม่เห็นเงาที่ซ่อนอยู่
จนกว่าเราจะเห็นแสงที่มองไม่เห็นวัสลามุอะลัยกุมค่ะ
Re: แสงที่มองไม่เห็น By: FiTrImA Date: พ.ย. 30, 2009, 09:10 PM
เราจะมองไม่เห็นคุณค่าของเงา
จนกว่าเราจะรู้จักคุณค่าของแสง
และ
เราจะมองไม่เห็นเงาที่ซ่อนอยู่
จนกว่าเราจะเห็นแสงที่มองไม่เห็น
เพราะแสงและเงาเป็นของคู่กัน
เปรียบเสมือนความรัก ถ้ามีเธอก็ต้องมีฉัน

Re: แสงที่มองไม่เห็น By: nada-yoru Date: ธ.ค. 01, 2009, 12:17 PM
^
แสง...สาดมาให้ความอบอุ่นในหัวใจ เป็นแสงของใจส่องให้เห็นทาง...
เงา...ร่มเย็น เป็นเงาของหัวใจ ให้ที่พักพิงแก่หัวใจ

Re: แสงที่มองไม่เห็น By: ILHAM Date: ธ.ค. 01, 2009, 12:19 PM
แสงจันทร์กระจ่าง ส่องนำทางสัญจร คิดถึงนางฟ้าอรชร ป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง
Re: แสงที่มองไม่เห็น By: nada-yoru Date: ธ.ค. 01, 2009, 12:23 PM
^
สายโด่งขนาดนี้...นางฟ้าอรชรคงตื่นนอนแล้วล่ะอิลฮามเหออออ...

คงโดนแสง(อาทิตย์)ทิ่มตาเอาบ้างล่ะ...เหอๆ
Re: แสงที่มองไม่เห็น By: a d n a n Date: ธ.ค. 01, 2009, 12:57 PM
“แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี”
คติ ประจำโรงเรียน สมัยมัธยมผมเอง

Re: แสงที่มองไม่เห็น By: nada-yoru Date: ธ.ค. 01, 2009, 01:35 PM
^
โรงเรียนอะไรหนออออออ...

แล้วสมัยมัธยมที่ท่านว่า...มันผ่านมากี่ปีแล้วคะ...

Re: แสงที่มองไม่เห็น By: a d n a n Date: ธ.ค. 01, 2009, 06:50 PM
^
โรงเรียนอะไรหนออออออ... 
แล้วสมัยมัธยมที่ท่านว่า...มันผ่านมากี่ปีแล้วคะ... 
เบญจมราชูทิศ บอกไปจะรู้จักมั้ยนี่
แต่ผ่านมากี่ปีนี้

(...ไม่บอก...)
Re: แสงที่มองไม่เห็น By: nada-yoru Date: ธ.ค. 01, 2009, 07:04 PM
^
โรงเรียนอะไรหนออออออ... 
แล้วสมัยมัธยมที่ท่านว่า...มันผ่านมากี่ปีแล้วคะ... 
เบญจมราชูทิศ บอกไปจะรู้จักมั้ยนี่
แต่ผ่านมากี่ปีนี้
(...ไม่บอก...)
ตอบได้กว้างมากเลยท่าน...เบญจมฯนี่มันหลายที่หลายจังหวัดนะท่านนะ...
ว่าไป ท่านอยู่โรงเรียนดังนะคะเนี่ย...
ไม่เหมือนเรา โรงเรียนอยู่ในหมง...เหอๆ
ปล.เรื่องกี่ปีที่ท่านถูกเชิญออกจากที่นั่นมา ท่านเอาไปฝากไว้ในธนาคาร
เอ๊ย เอาไปไว้ในฟาร์มลับใช่มั้ยคะ เลยบอกไม่ได้...

บางอย่างไม่รู้มักจะปลอดภัย เอ๊ย สบายใจ...
เพราะยังไงๆ ข้าน้อยก็ไม่ยอมแก่กว่าใครง่ายๆอยู่แล้ว

งั้นบังเอาไว้ก่อนดีฝ่า...
วัสลามุอะลัยกุมค่ะบัง
Re: แสงที่มองไม่เห็น By: ILHAM Date: ธ.ค. 01, 2009, 07:05 PM
โรงเรียนนั้นมีหลายที่นะ จังหวัดไหน
Re: แสงที่มองไม่เห็น By: a d n a n Date: ธ.ค. 02, 2009, 09:47 AM
ตอบได้กว้างมากเลยท่าน...เบญจมฯนี่มันหลายที่หลายจังหวัดนะท่านนะ...
ว่าไป ท่านอยู่โรงเรียนดังนะคะเนี่ย...
ไม่เหมือนเรา โรงเรียนอยู่ในหมง...เหอๆ
ปล.เรื่องกี่ปีที่ท่านถูกเชิญออกจากที่นั่นมา ท่านเอาไปฝากไว้ในธนาคาร
เอ๊ย เอาไปไว้ในฟาร์มลับใช่มั้ยคะ เลยบอกไม่ได้... 
บางอย่างไม่รู้มักจะปลอดภัย เอ๊ย สบายใจ...
เพราะยังไงๆ ข้าน้อยก็ไม่ยอมแก่กว่าใครง่ายๆอยู่แล้ว 
งั้นบังเอาไว้ก่อนดีฝ่า...
วัสลามุอะลัยกุมค่ะบัง
วอลัยกุมมุสลามวะเราะมาตุลลอฮิวาบารอกาตุฮ
เฮ้ย ๆ เรียก บังได้งัย เนียน เลยนะ ก๊ะ

จ.ปัตตานีค๊าบ (ดังไปทางไม่ค่อยดีอ่ะดิ่ 55+)