Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: nada-yoru Date: ก.พ. 03, 2010, 07:52 PM
salam
"เมื่อเลือดกำเดาไหลไม่ยอมหยุด"
เลือดกำเดานั้นส่วนใหญ่เกิดจากเส้นเลือดบริเวณ ผนังจมูกฉีกขาด
เพราะเส้นเลือดเปราะเนื่องจากขาดวิตามินซี
หรืออากาศแห้งก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เยื่อบุจมูกแห้ง
และเป็นผลให้เส้นเลือดเปราะและแตกง่าย
เพราะฉะนั้น จะหนาวหรือเย็น ถ้าความชิ้นสัมพัทธ์ต่ำ อากาศแห้ง
เลือดกำเดาไหลได้บ่อย
วิธีปฐมพยาบาลที่ง่าย(และได้ผลดี) คือ นั่งแหงนหน้า หายใจทางปาก
ใช้มือบีบจมูกไว้ชั่วขณะ เกือบครึ่งจะหายได้เอง
ถ้ากระบวนการแข็งตัวของเลือดปกติ
ถ้ายังไม่หาย อาจใช้ก็อซหนายัดเข้าไปในรูจมูกข้างนั้นให้แน่น
หายใจด้วยรูจมูกข้างเดียว ถ้ายังไม่หายอีก ก็ต้องใช้ยาที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว
เช่น Adrenaline หยอดเข้าไปที่ก็อซ
ถ้ายังไม่หายคงต้องให้หมอตรวจ บางทีต้องจี้เส้นเลือดด้วยไฟฟ้า
หรือสารเคมี Trichlor Acetic Acid(TCA) ลองทำมาแล้วค่ะ ได้ผล...

ที่มา: จากคุณหมอใจดีค่ะ
วัสลามค่ะ
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: nada-yoru Date: ก.พ. 04, 2010, 10:00 PM
salam
เวลาที่เราเห็นเพื่อนหรือใครก็ตามที่เรารู้จักมักคุ้น
กำลังเครียดหรือนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดผูกเป็นโบว์สีดำ
ลองยื่นขนมเคี้ยวเล่นหรือเครื่องดื่มที่ออกรสหวานหรือจะหวานอมเปรี้ยวก็ได้
ให้เขาลองชิมดูพร้อมรอยยิ้มจริงใจ
โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยวที่ว่าไร้ประโยชน์ต่อร่างกายนี่แหล่ะค่ะที่ได้ผลเยี่ยม
โดยที่เราแกะและยื่นให้เขากินกับเราด้วย...
ไม่ได้ให้เขาเอาไปเก็บเอาไว้กินทีหลังและก็ไม่ได้บังคับให้เขากินด้วยคำพูด
เพราะว่า หากยื่นให้เขาไปอย่่างนั้นคนที่กำลังเครียดจัดนั้น
ปกติท้องไม่รับค่ะ คอจะฝืด ไม่อยากกินอะไร
แต่ถ้าเพื่อนยื่นขนมเล็กๆน้อยๆให้(ขนมขบเคี้ยวมันไม่หนักท้องอะไร)
เขาคงไม่กล้าปฏิเสธ และเชื่อเถอะค่ะว่า เขาจะยิ้มออกมาได้
เมื่อเขายิ้มได้ รอยยิ้มนั้นจะค่อยๆสลายบางอย่างที่อัดแน่น
อยู่ในหัวสองหัวของเขา ซึ่งก็คือ หัวสมองและหัวใจของเขาให้คลายออก
คิ้วที่ขมวดเป็นโบว์สีดำก็จะค่อยๆกลายเป็นสีชมพู

ก่อนจะจางลงเมื่อเขาเริ่มรับไมตรีด้วยการหยิบสิ่งที่เราหยิบยื่นให้
และก็เป็นอีกเคล็ดลับนึงเช่นกันค่ะว่่า เวลาเครียดๆหรือต้องใช้สมอง
ในการคิดโน่นคิดนี่ ของหวานๆจะช่วยให้สมองผ่อนคลายลงได้ดีนักแล...
เมื่อสมองผ่อนคลายลง ไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเดิมๆหรือเรื่องที่กำลังคิด
กำลังเครียดอยู่ จิตใจก็จะเบาลง คลายลง...
หลังจากนั้นก็ค่อยๆชวนเค้าคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรื่องที่ดูผ่อนคลายไปพลาง
ทานขนมนั่นไปพลาง ทานด้วยกันยิ่งดี ยิ่งกินซองเดียวกันยิ่งอร่อย
ย่ิงพยายามแย่งอันที่เขาจะกินด้วยยิ่งสนุก...
(แม้ว่ามารยาทที่ดีนั้น ไม่ควรพูดหรือเล่นในขณะกิน
แต่มันก็น่าจะมีข้อยกเว้นบ้างในบางสถานการณ์ว่ามั้ยคะ

)
เชื่อเถอะค่ะว่า...ได้ผล !!! แต่การจะให้เขาพ้นไปจากความทุกข์นั้น
มันยากค่ะ...เพราะว่าหากเขากลับไปอยู่กับตัวเขาเอง
เขาก็อาจคิดและเครียดขึ้นมาอีก แต่อย่างน้อย เขาก็คงไม่เครียดจนรู้สึกว่า
ไร้คนคอยเป็นห่วงแน่ๆค่ะ เพราะว่า...เขารู้ว่าเราพร้อมจะช่วยเขาอยู่...
และปัญหานั้น...คนที่จะแก้ได้ดีที่สุดก็คงต้องเป็นเจ้าตัวเขาน่ะค่ะ...
เราทำได้แค่ให้กำลังใจ...ช่วยให้เขายิ้มได้...
การหยิบยื่นของกินเล็กๆน้อยๆ ที่ดูไร้ประโยชน์ต่อร่างกายอย่างขนมขบเคี้ยว
บางครั้งมันก็มีประโยชน์ต่อจิตใจ และทำให้คนที่คอกำลังฝืดอยู่
ได้รับรสอาหาร...ลิ้นและกระเพาะอาหารจะได้เร่งให้เขาอยากกินขึ้นมา...
เพราะว่า...อาหารมีส่วนช่วยให้คนอารมณ์ดีได้ค่ะ

ดังนั้น เวลาเครียดจงกิน กินเข้าไป กินเข้าไป กินเข้าไป 55555
อย่าทรมานท้องไส้นะคะ เพราะมันไม่ผิด ผิดที่สมองโน่นนนนนน...

ปล.แต่ถ้าเครียดเพราะไม่มีอะไรกิน อันนี้ ไม่รู้จะแก้ให้ยังไงค่ะ
นอกจาก ยืมตังค์เพ่ือน

สุขภาพใจก็สำคัญ เพราะว่าที่หน้าเหี่ยวเร็วนั้น ไม่ใช่อันใดเลย...

ป.ลิงอีกที...ไอเรามันไม่ใช่จิตแพทย์ แค่เคยได้รับและได้ให้มาก่อน
(ลองนึกภาพตอนที่เรานั่งเครียดกับเรื่องบางเรื่อง
แล้วอยู่ๆหลานของเราวิ่งเขามาหา ไม่พูดไม่จา แล้วยื่นขนมในมือให้
เราจะใจร้ายตวาดเด็กตาดำๆที่กำลังส่งยิ้มมาให้เราพร้อมกับขนมได้หรือคะ
และเราไม่คิดจะยิ้มให้เด็กที่กำลังยิ้มให้เราอย่างจริงใจได้หรือคะ
และเราไม่คิดจะหยิบขนมนั้นขึ้นมากินสักนิดเพื่อไม่ให้เด็กเก้อเชียวหรือคะ
และถ้าเด็กคนนั้นคุยอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ค่อยเข้าไปในหูเรานัก
แต่เห็นเขาพูดเอาพูดเอา ถามโน่นนี่เราด้วยความเป็นห่วง
พูดเรื่องดินน้ำลมฟ้า อากาศ ขนมไม่อร่อย และถามว่าชอบขนมนั้นมั้ย
เราจะรู้สึกยังไงคะ รำคาญหรือเปล่า...สำหรับข้าน้อยคนนึงที่รู้สึกดี
เวลาเครียด หลานๆและเด็กๆช่วยให้หายคลายเครียดลงได้ค่ะ...)
และที่สำคัญ ได้เผลอหยิบสูตรของหลานๆมาใช้หลายต่อหลายครั้ง
ที่เห็นคนที่เรารักหรือเป็นห่วงกำลังเครียด
เลยรู้สึกว่าสิ่งที่บอกหรือพร่ามไปนั้นมันใช้ได้ผลค่ะ...
ขนมเด็กๆพร้อมรอยยิ้มเด็กๆ ช่วยได้ แม้หน้าตาไม่เป็นใจ
แต่แอ๊บแบ๊วได้ค่ะ ขนม รอยยิ้ม...ของกินช่วยด้ายยยยย
แต่ไม่ขอฟังธงว่าใช้ได้กับทุกคน(โดยเฉพาะคนที่กำลังเครียดอยู่ว่า
จะทำยังไงให้น้ำหนักลด เดี๋ยวจะกลายเป็นการซ้ำเติมเพิ่มปัญหาได้ 55555 )
ไม่รู้คุณหมอจะว่ายังไง

วัสลามค่ะ
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: thefool1234 Date: ก.พ. 05, 2010, 07:28 PM
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: nada-yoru Date: ก.พ. 05, 2010, 07:42 PM
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ
สวัสดีค่ะ

Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: ... Date: ก.พ. 16, 2010, 03:28 PM
ต้องอธิบายว่า ชาเขียว มีคุณสมบัติ เป็นโปรตีนสูง เมื่อร้อนโปรตีนจะไม่จับตัวเป็นไขมันอิสระ ทำให้ไปไล่จับอนุมูลอิสระได้เร็วขึ้น ถ้าปล่อยให้เย็นแล้วดื่ม ไขมันจากโปรตีนในชาเขียว ทำหน้าที่ได้ไม่มากนัก ทำให้มีไขมันสะสม เกิดเน่าบูดได้ง่าย ไม่มีประโยชน์ เหมือน คนงานเก็บขยะไม่เก็บขยะ
ทำไม คนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวแช่เย็นอย่างเด็ดขาด เรื่องจริงที่คนไทยไม่รุ้............... ชาเขียว เป็นชาที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันมานานกว่า 100 ปี ในขณะที่คนไทยเพิ่งรู้จัก กันไม่เกิน 10 ปีมานี้เอง คนญี่ปุ่นนิยมดื่มชาเขียวร้อนร้อนกัน เพราะได้พิสูจน์ แล้วว่าชาเขียวร้อนมีคุณสมบัติลดอนุมูลอิสระที่เป็นพิษในร่างกายคนเราให้ขับออก มาทางอุจจาระ และขับไขมันส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ
ชาเขียวชึ่งทำให้ร่างกายสามารถขับพิษและลดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย อันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของชาเขียวร้อน ที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มกันตั้งแต่เด็กจนแก่ แต่คนไทย นิยมดื่มชาเขียวแช่เย็น
ซึ่งคนไทยส่วนมากไม่เคยรู้จักคุณสมบัติที่แท้จริงของชาเขียวเลย ทำให้คนญี่ปุ่นรุ้สึกขบขันในใจแถมหัวเราะเยาะในใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้ คนไทยจะมีร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนญี่ปุ่น เพราะอะไรงั้นหรือ...เพราะว่าชาเขียวที่มีคุณอนันต์นั้น ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน เพราะชาเขียว จะมีประโยชน์ต่อร่างกายในขณะที่ร้อนอยู่เท่านั้น ในทางกลับกันหากดื่มชาเขียวตอนที่เย็นแล้วกลับทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย กล่าวคือ การดื่มชาเขียวแช่เย็น นอกจากไม่ช่วยในการลดอนุมูลอิสระสารพิษออกจากร่างกายได้แล้วยังก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของสารพิษดังกล่าวอันเป็นสาเหตุของมะเร็ง
นอกจากนี้ชาเขียวเย็นยังส่งผลให้ไขมันในร่างกายก่อตัวมากขึ้นตามผนังหลอดเลือด และอุดตันตามผนังลำไส้ ทำให้เกิดโรคร้ายตามมา อาทิเช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ เส้นเลือดตีบ ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น
เรายังมีการทดสอบให้เห็นอย่างง่าย ๆและชัดเจนเกี่ยวกับอันตรายที่กล่าวมาเบื้องต้นนี้ให้ท่านเห็นได้ด้วยตนเอง โดยการนำชาเขียวแช่เย็น ยิ่งเย็นยิ่งเห็นชัด นำมาเทลงในชามก๊วยเตี๊ยว จะพบว่าหลังจากเทชาเขียวแช่เย็นลงไปได้ครู่เดียว จะมีคราบไขมันลอยเห็นเป็นคราบบนน้ำซุป หรือเกาะเป็นคราบที่ชามก๊วยเตี๊ยวทันที แล้วร่างกายท่านล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อดื่มชาเขียวแช่เย็นเข้าไปสยองไหมละ
ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวแช่เย็นอย่างเด็ดขาด แต่จะดื่มชาเขียวร้อนอย่างชาญฉลาด ในขณะที่คนไทยที่คิดว่าตนเองฉลาดกลับดื่มชาเขียวแช่เย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย แบบฉล๊าด ฉลาด...... ขอบคุณข้อมูลจาก กรมอนามัย
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: ILHAM Date: ก.พ. 16, 2010, 03:30 PM
ตายแล้ว ผ้าที่ระเบียงยังไม่เก็บเลยนิ
ฝนตกแน่เลยวันนี้นิ
เกิดมีสาระขึ้นมากระทันหัน
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: AUZULODEEN Date: ก.พ. 16, 2010, 03:37 PM
salam
ได้ตังค
วันละ20ไม่พอซื้อชาเขียว
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: ILHAM Date: ก.พ. 16, 2010, 03:41 PM
ชาเขียวแบบกล่อง10บาท เหลืออีก10บาทไว้โทรหาคนที่2ได้อีก
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: ... Date: ก.พ. 16, 2010, 03:46 PM
มีข้อมูลดีดี ก้อต้องแบ่งปันกันบ้างอารัยบ้าง

ไม่ได้หวังอารัยมากมาย นอกจากความเมตตาจากเอกองค์อัลเลาะห์
ปล.เรามีสาระฝนตกเฉยๆ ถ้าท่านพี่อิลฮามมีสาระน้ำคงท่วม หุหุ
(ทำคะแนนบ้างแลห้าา า า สาว่าโดนหมายหัวอยู่นิ)

Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: AUZULODEEN Date: ก.พ. 16, 2010, 03:55 PM
salam
ถ้ากินชาเขียวก็ไม่ได้น้ำมันรถซิ กลับบ้านไม่ได้ ต้องไปค้างบ้านคนที่2อีก ลำบากจริงๆๆ
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: ILHAM Date: ก.พ. 16, 2010, 04:00 PM
คนแรก20คนที่2ก็ขออีก20 ได้ค่ารถพอดี
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: hiddenmin Date: ก.พ. 16, 2010, 05:08 PM
......
.........
เรายังมีการทดสอบให้เห็นอย่างง่าย ๆและชัดเจนเกี่ยวกับอันตรายที่กล่าวมาเบื้องต้นนี้ให้ท่านเห็นได้ด้วยตนเอง โดยการนำชาเขียวแช่เย็น ยิ่งเย็นยิ่งเห็นชัด นำมาเทลงในชามก๊วยเตี๊ยว จะพบว่าหลังจากเทชาเขียวแช่เย็นลงไปได้ครู่เดียว จะมีคราบไขมันลอยเห็นเป็นคราบบนน้ำซุป หรือเกาะเป็นคราบที่ชามก๊วยเตี๊ยวทันที แล้วร่างกายท่านล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อดื่มชาเขียวแช่เย็นเข้าไปสยองไหมละ
.........
....................
แบบนี้มันเล่นง่ายเกินละพี่น้อง ใส่น้ำแข็งก้อนลงในไปในชามมันก็มีคราบไข้มันขึ้นมาได้เหมือนกันนั้นแหละ
แบบนี้ออกผลวิจัยใหม่ได้เลย กินน้ำแข็งแช่เย็น อันตราย ควรกินตอนที่ยังอุ่นๆ
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: ... Date: ก.พ. 16, 2010, 07:57 PM
hihi:ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 555555555

Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: บาชีร Date: ก.พ. 17, 2010, 01:32 AM
คนญี่ปุ่นคงไม่รู้ว่า
คนไทยกินอาหารเน้นไปทางความอร่อย
ชาเขียวเย็นมันอร่อย ก็เลยกิน(ดื่ม)
ไม่ใช่กินอาตๆ แบบญี่ปุ่นนี่นา
Re: สูตร(ไม่)ลับสำหรับสุขภาพ By: ... Date: ก.พ. 17, 2010, 10:30 AM
รักอร่อย แต่ไม่รักสุขภาพ

งั้นเวลากินชาเขียวก้อใส่น้ำแข็งเยอะๆนะ 555 +