กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ข่าวสารและสังคมมุสลิม
Pages: 12345678910111213
Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: mustura^@^ Date: ต.ค. 05, 2009, 07:30 AM
สีดำเพราะเมลานินหรือเปล่าก๊ะ
เย้ยยยย เมลานินไม่มีในพืช มีเฉพาะในมนุษย์และสัตว์มิจั้ยรึ

Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: - ครูจริงใจ- Date: ต.ค. 05, 2009, 08:25 AM
^
 ;D  เฮอะๆ คนละอย่างกันจ่ะ

สารสีที่เห็นในข้าวเหนียวที่จริงถ้าสังเกตุดีๆ ก็ไม่ได้เป็นสีดำซะสนิทหรอก.
เคยทานขนมหวานที่ทำจากเหนียวดำแล้วราดน้ำกระทิสดๆ ป่ะ ? (ไม่รู้เรียกว่าไรแล้ว..(ลืม  ;D) อันนี้ต้องถามก๊ะฟิรดาวส์ ) สีจะออกดำๆม่วงๆ ไม่ได้มีสีดำสนิทเลย (ไม่รู้ว่าเห็นเหมือนกันป่าว - -')

สารสีที่มีในข้าวเหนียวจัดอยู่ในกลุ่ม Anthocyanins และอาจจัดอยู่ในกลุ่มของสารประกอบพวก  Flavonoid และ Phenolic compounds สารประกอบที่มีโครงสร้างดังกล่าว เป็นสารพฤกษเคมี (Phytochemicals) มีฤทธิ์ในการต้านการเกิดอนุมูลอิสระ (Antioxidant) (ด้วยประการนี้ พวกโอพีซี จึงสามารถใช้ชะลอความชรา ได้บ้างอะไรบ้าง ^^"  )

ส่วนรายละเอียดของ สารเมลานิน  ไปดูเองเน่อ  >> เมลานิน



ปล. พากระทู้ออกทะเลซะไกล๊ไกล  ขอตัวขึ้นฝั่งแล่ะ  ;D




Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: - ครูจริงใจ- Date: ต.ค. 05, 2009, 08:33 AM



3. ทำไมเวลาต้มถั่ว จึงไม่นิยมใส่น้ำตาลพร้อมถั่ว ?  (ข้อนี้คาดว่า ง่ายสุดๆ  :laugh: )






Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: เหรียญ 2 ด้าน Date: ต.ค. 05, 2009, 08:46 AM
ใกล้เคียงแล้วค่ะ ^^''

2. ทำไมก่อนนึ่งข้าวเหนียวจึงต้องแช่น้ำ และทำไมไม่หุงเหมือนข้าว ?
ตอบ- ข้าวจัดเป็นคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในกลุ่มโพลิแซคคาไรด์ (ต่อกันด้วยกลูโคสหลายหน่วย) ซึ่งในโครงสร้างจะมีหมู่ไฮดรอกซิล (-OH group) ซึ่งเป็นหมู่ที่ชอบน้ำหันออกมานอกโครงสร้าง
         ทำให้สามารถจับกับโมเลกุลของน้ำได้ด้วยพันธะไฮโดรเจน (H bond)
   
         ข้าว มีองค์ประกอบของอะไมโลส เป็นส่วนใหญ่ ( http://eu.lib.kmutt.ac.th/elearning/Courseware/BCT611/chapter2.html )

         
ภาพที่ 1 : โครงสร้างของอะไมโลส

         
         ข้าวเหนียว มีองค์ประกอบของอะไมโลสและอะไมโลเพคติน (สายแขนง) (http://eu.lib.kmutt.ac.th/elearning/Courseware/BCT611/Chap2/chapter2_1.html)

ภาพที่ 2 :โครงสร้างของอะไมโลเพคติน
     


เหตุผล
          จากภาพที่ 1 และ 2 จะเห็นได้ว่า โครงสร้างของอะไมโลเพคตินจะมีส่วนที่ชอบน้ำในปริมาณที่เยอะกว่า (ทั้งจากสายโซ่หลักและสายแขนง)
ด้วยเหตุผลนี้ หากใส่น้ำลงไปด้วยในตอนหุงจะทำให้หมู่ –OH ที่มีอยู่ในปริมาณสูงในองค์ประกอบของข้าวเหนียว  เกิดการจับกับน้ำได้มาก ส่งผลให้ข้าวเหนียวแฉะนั่นเอง จึงต้องแช่น้ำให้โครงสร้างเกิดการดูดซับน้ำให้เกิดการพองตัวพอประมาณแล้วจึง เทน้ำออกแล้วมานึ่งต่อ  ในขณะที่ข้าวธรรมดามีปริมาณของหมู่ไฮดรอกซิลในส่วนของอะไมโลสในปริมาณที่พอเหมาะที่จะจับกับกับน้ำได้อย่างเหมาะสม (อันนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการหุง, ปริมาณน้ำต่อข้าวสาร ชนิดของข้าวสาร ฯลฯ) จึงทำให้สามารถใส่น้ำพร้อมข้าวได้เลยขณะหุง

ภาพที่ 3 : ลักษณะการจับกับน้ำของแป้ง

     



อ้างจาก: พี่โด่โด่~

ปล.มีคนบอกมาว่าข้าวเหนียวดำช่วยชะลอการแก่ก่อนวัยค่ะ...

^ เนื่องเพราะข้าวเหนียวดำมีสารที่เรียกว่า โอพีซี [1]ข้าวเหนียวดำจึงมีสารอาหารมากกว่าข้าวเหนียวขาว


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เพิ่มเติม
 
[1] โอพีซี : OPC ย่อมาจาก Oligomeric Proantho Cyanidins เป็นสารเคมีป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ช่วยในการชะลอการแก่ก่อนวัยและเสื่อมถอยของร่างกาย ตลอดจนโรคต่างๆ อีกทั้งช่วยปรับปรุงสภาพของเซลล์ ความยืดหยุ่นของผิวหนัง การเคลื่อนไหวของข้อต่อ ระบบหมุนเวียนโลหิต บำรุงสายตาป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน มีความจำเป็นในการทำให้สารต่างๆ ในร่างกายมีความเป็นกลาง ซึ่งสำคัญต่อการป้องกันไม่ให้ร่างกายเสื่อมถอย โรคเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน ลมชักและการแก่ก่อนวัย ทางวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสารนี้มีความเข้มข้นกว่าวิตามินซี 20 เท่า และ 50 เท่าเมื่อเทียบกับวิตามินอี

เพิ่มเติม OPC  >>  http://www.vwander.com/save/?save=news&no=012














ขอบคุณครับ
Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: กอ-กล้วย Date: ต.ค. 05, 2009, 09:23 AM
ขออนุญาตเพิ่มเติมในส่วนของข้อ 2 นะคะ

เนื่องจากข้าวมีหลากหลายสายพันธ์ ดังนั้น ปริมาณอะมิโลสที่พบในข้าวจึงต่างกันด้วย ทำให้ข้าวแต่ละชนิดแสดงคุณสมบัติแตกต่างกัน
อัตราส่วนของอะมิโลสและอะมิโลเพกทินที่แตกต่างกันในข้าวจะส่งผลต่อเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากข้าวทำให้จุดประสงค์ในการนำข้าวไปใช้ประโยชน์ต่างกัน
๋Juliano ได้จำแนกข้าวที่ผ่านการขัดสีตามปริมาณของอะมิโลสที่วิเคราะห์ด้วยวิธีการเกิดสีกับไอโอดีน ดังนี้

    - ข้าวที่มีปริมาณอะมิโลสต่ำมาก (waxy) พบว่ามีปริมาณอะมิโลสที่เป็นองค์ประกอบเท่ากับร้อยละ 0 – 2 นิยมนำไปใช้ในการทำขนมหวาน และน้ำสลัด นอกจากนี้ยังใช้เป็นอาหารหลักของประเทศลาว และทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งเตรียมโดยการนำมาแช่น้ำและนึ่ง
   - ข้าวที่มีปริมาณอะมิโลสต่ำ พบว่ามีปริมาณอะมิโลสเป็นองค์ประกอบเท่ากับร้อยละ 9 – 20 ของน้ำหนักแห้ง นิยมนำมาใช้ในอาหารเด็ก อาหารเช้า และขนมปังที่ใช้เชื้อยีสต์เพื่อทำให้ขึ้นฟู
   - ข้าวที่มีปริมาณอะมิโลสปานกลาง พบว่ามีปริมาณอะมิโลสเป็นองค์ประกอบเท่ากับร้อยละ 20 – 25 ของน้ำหนักแห้ง ในประเทศฟิลิปปินส์จะนำมาใช้ในการทำเค้กที่จะต้องมีการหมัก (ferment rice cake) และซุปกระป๋อง
   - ข้าวที่มีปริมาณอะมิโลสสูง พบว่ามีปริมาณอะมิโลสเป็นองค์ประกอบมากกว่าร้อยละ 25 ของน้ำหนักแห้ง ใช้ในการทำก๋วยเตี๋ยว

ดังนั้น "ข้าวหอมเป็นน้องของข้าวแข็ง และเป็นพี่ของข้าวเหนียว" จร้า......... เอิ้ก

Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: ILHAM Date: ต.ค. 05, 2009, 10:23 AM

ดังนั้น "ข้าวหอมเป็นน้องของข้าวแข็ง และเป็นพี่ของข้าวเหนียว" จร้า......... เอิ้ก



ผมสงสัยมานานแล้ว มันคืออะไรกันแน่ประโยคนี้ แต่ลืมถาม
Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: nada-yoru Date: ต.ค. 05, 2009, 07:26 PM



3. ทำไมเวลาต้มถั่ว จึงไม่นิยมใส่น้ำตาลพร้อมถั่ว ?  (ข้อนี้คาดว่า ง่ายสุดๆ  :laugh: )



เพราะถั่ว(เขียว)จะไม่สุกแน่เรยยยยยยย ;D

ปล.ถ้าตอบถูกหรือว่าเฉียดฉิวไม่มีรางวัลให้บ้างเหรอคะคุณครูจริงใจ
 party:

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^_________^

Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: มัคลูเกาะห์☆~ Date: ต.ค. 05, 2009, 08:16 PM
ถามมั่ง



4. ทำไมเวลาอมข้าวไว้ในปากนานๆ แล้วจะรู้สึกหวานขึ้น ?
Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: คนเดินดิน Date: ต.ค. 28, 2009, 10:06 PM



3. ทำไมเวลาต้มถั่ว จึงไม่นิยมใส่น้ำตาลพร้อมถั่ว ?  (ข้อนี้คาดว่า ง่ายสุดๆ  :laugh: )



เพราะถั่ว(เขียว)จะไม่สุกแน่เรยยยยยยย ;D

ปล.ถ้าตอบถูกหรือว่าเฉียดฉิวไม่มีรางวัลให้บ้างเหรอคะคุณครูจริงใจ
 party:

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^_________^


คิดเหมือนกันได้ป่ะ

(เค้าเปล่าลอกนะคะคุณครู)

 loveit:
Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: nada-yoru Date: ต.ค. 28, 2009, 10:40 PM
^
^

รอคำตอบจากคุณครูจริงใจจนลืมเรื่องถั่วเขียวไปแล้วค่ะ ;D
ถั่วเขียวจะกลายเป็นถั่วงอกแล้วค่ะคุณครู...



ถามมั่ง

4. ทำไมเวลาอมข้าวไว้ในปากนานๆ แล้วจะรู้สึกหวานขึ้น ?

เพราะในน้ำลายของเรามีเอนไซม์ชื่ออะไมเลสที่ช่วยย่อยข้าวหรือแป้ง(คาร์โบไฮเดรต)
ให้กลายเป็นน้ำตาลค่ะ (ไม่มีคนให้ลอกการบ้าน เลยขอมั่วอีกรอบนะคะ)... ;D



ดังนั้น "ข้าวหอมเป็นน้องของข้าวแข็ง และเป็นพี่ของข้าวเหนียว" จร้า......... เอิ้ก



ผมสงสัยมานานแล้ว มันคืออะไรกันแน่ประโยคนี้ แต่ลืมถาม

ขอตอบตามความเข้าใจของพี่ได้มั้ยอิลฮาม พี่ไม่เห็นพี่กอ-กล้วย
เข้าบอร์ดมานานแล้วนิ...อิอิ...

เพราะข้าวหอมจะนิ่มกว่าข้าวแข็ง แต่ไม่นิ่มจนเหนียวอย่างข้าวเหนียว
ก็เลยอยู่ตรงกลางระหว่างข้าวเหนียวกับข้าวแข็งหรือเปล่านะ

ข้าวแข็งเป็นพี่คนโต(เพราะแข็งที่สุด) ตามมาด้วยข้าวหอมเป็นคนกลาง
และน้องสุดท้องคือข้าวเหนียวเพราะนิ่มที่สุด(มั้ง)คะ ;D

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ


 loveit:


Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: Bangmud Date: ต.ค. 29, 2009, 09:01 AM


3. ทำไมเวลาต้มถั่ว จึงไม่นิยมใส่น้ำตาลพร้อมถั่ว ?  (ข้อนี้คาดว่า ง่ายสุดๆ  :laugh: )

ปกติเคยแต่กิน ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ถ้าดูตามข้อเท็จจริง
ถ้าใส่น้ำตาลก่อน น้ำจะกลายเป็นน้ำเชื่อม ดูดซึมเข้าสู่ถั่วเขียวยากกว่าน้ำธรรมดา
หรือ อาจเป็นเพราะน้ำเชื่อมมีsurface tension ลดลง เดือดง่าย อุณหภูมิไม่สูงพอที่จะทำให้ถั่วเขียวสุก
ไม่ยืนยันทั้งสองทฤษฎี เพราะวิชาฟิสิกส์ค่อนข้างจะเป็นของแสลง
แต่ถ้าเป็นตามข้อสันนิษฐาน ต้องใส่ถั่วเขีวต้มจนบานก่อน หรือ แช่ถั่วเขียวไว้ก่อนเหมือนแช่ข้าวเหนียว ถูกต้องหรือไม่
Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: nada-yoru Date: ต.ค. 29, 2009, 09:56 AM
^
^

12ชั่วโมงค่ะ...เพราะช่วงนี้ตะวันขึ้น6 ตก6(โดยประมาณ)

เป็นช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนเจ้าค่ะ
(ยังไม่ทันได้นอนก็เช้าเสียแล้ว...เหอๆ)

ปล.ใช่ท่านมูสังผู้ยิ่งใหญ่หรือเปล่าคะ(สาว่าคุ้นๆ) ;D


วัสลามุอะลัยกุมค่ะ


Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: al-firdaus~* Date: ต.ค. 29, 2009, 10:11 AM
salam

1 วัน มี 24 ชม

แล้ว 1 คืน มีกี่ ชม

อันนี้ไม่แน่นอนอะนะ คิดว่าอยู่ที่ความรู้สึกของแต่ละคน...แฮะๆ

"ดึกแล้วคืนนี้ยังไม่หลับนอน ยังได้ยินเสียงสะท้อนจากหัวใจ
ข่มตาหลับลงยังคงแว่วมา ผ่านค่ำคืนที่ยาวนานเหลือเกิน
ได้ยินเถอะเสียงของเวลาที่หมุนไป มันช้าจนจะทนแทบไม่ไหว

คืนนี้อ้างว้าง คืนนี้เหน็บหนาว คืนนี้ปวดร้าวทรมานใจเหลือเกิน
คืนที่ว่างเปล่ามองไม่เห็นใคร จะหันไปทางไหนไม่มีใครเลยสักคน
คืนนี้เงียบเหงาเมื่อไหร่จะเช้า คืนนี้ช่างยาวนานทรมานกว่าทุกคืน
มันเงียบไปหมด ช่างเงียบเหลือเกิน เงียบจนได้ยินเสียงของหัวใจ

ไม่ว่าคืนนี้ ไม่ว่าคืนไหน มันก็ดูจะคล้ายๆ กันทุกคืน
ทนแทบไม่ไหว แต่ต้องทนฝืน ผ่านค่ำคืนที่ยาวนานนี้ไป"

เห็นมั้ย...ว่ามันยาววววววววววววววววนาน

Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: Bangmud Date: ต.ค. 29, 2009, 11:44 AM
คำถามชักจะเปลี่ยนแนว จาก ทำไม (Why)กลายเป็น เท่าไหร่, อย่างไร (How, How many)
แต่ก็ชอบ
กลางคืนมีกี่ชั่วโมงเห็นด้วยกับ คุณฟิรฺเดาส์ว่า ไม่แน่
ถ้านั่งรอดูถ่ายทอดสด เวลาจะยาวนานมาก แบบว่า "เมื่อไหร่มันจะเริ่มถ่ายทอดเสียทีวะ"
แต่ถ้าถ่ายทอดไปแล้ว เวลาจะน้อยมาก แบบว่า "จะหมดเวลาแล้วเหรอ แมนยูยังตามอยู่เลย"
เวลากลางวันที่บ้านโต๊ะครูก็ไม่แน่นอน กำลังอ่านกุรฺอานอยู่ โต๊ะครูไปเข้าห้องน้ำ ลูกโต๊ะครูบีนเก้าอี้ขึ้นไปหมุนเข็มนาฬิกา
เวลาหายไปครึ่งชั่วโมง คนอื่น ๆ พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ไม่เคยมีใครฟ้องโต๊ะครูเลย
หมายเหตุ : คนแก่ชอบเล่าเรื่องตอนยังอายุน้อย
والسلام
Re: รู้ไหมว่าทำไม ? By: al-firdaus~* Date: ต.ค. 29, 2009, 11:19 PM
แชมัด...รับมุข al-firdaus~*  :laugh: