
ท่านผู้อ่านอาจจะตั้งคำถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหัวใจกำลังมืดดำ? ขอตอบว่า: หัวใจที่มืดดำนั้น จะมีเครื่องหมายที่สังเกตได้ ก็คือ รู้สึกว่าจิตใจแข็งกระด้าง ขาดรสชาติในการทำอิบาดะฮ์ จิตใจไม่ปรารถนาที่จะใฝ่หาสัจธรรม ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ เมื่อกระทำบาป ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเมื่อทิ้งละหมาด ไม่ให้ความสำคัญกับคำสอนของศาสนา และหัวใจไม่รู้สึกโศกเศร้าเสียใจต่อบาปที่ได้เคยกระทำมา เป็นต้น
นี่คือข้อเท็จจริงที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
تُعْرَضُ الْفِتَنُ عَلَى الْقُلُوبِ كَالْحَصِيرِ عُودًا عُودًا فَأَيُّ قَلْبٍ أُشْرِبَهَا نُكِتَ فِيهِ نُكْتَةٌ سَوْدَاءُ وَأَيُّ قَلْبٍ أَنْكَرَهَا نُكِتَ فِيهِ نُكْتَةٌ بَيْضَاءُ حَتَّى تَصِيرَ عَلَى قَلْبَيْنِ عَلَى أَبْيَضَ مِثْلِ الصَّفَا فَلَا تَضُرُّهُ فِتْنَةٌ مَا دَامَتْ السَّمَاوَاتُ وَالْأَرْضُ وَالْآخَرُ أَسْوَدُ مُرْبَادًّا كَالْكُوزِ مُجَخِّيًا لَا يَعْرِفُ مَعْرُوفًا وَلَا يُنْكِرُ مُنْكَرًا إِلَّا مَا أُشْرِبَ مِنْ هَوَاهُ
“บรรดาฟิตนะห์(เช่น บาป)จะแนบติดหัวใจทีละนิดทีละน้อยดั่งเสื่อถักที่แนบติด(กับคนนอนหลับจนเห็นรอยเสื่อ) แล้วหัวใจดวงใดที่ดื่มด่ำกับฟิตนะห์(บาป) มันก็จะเกิดเป็นจุดดำขึ้นในหัวใจดวงนั้น แต่หัวใจดวงใดที่ปฏิเสธ(จากฟิตนะฮ์) มันก็จะเกิดเป็นจุดขาว(มีนูรรัศมี)ขึ้นในหัวใจ จนทำให้หัวใจนั้นกลายเป็นสองซีกด้วยกัน โดยทางซีกขาวเปรียบเสมือนหินแววไส ซึ่งฟิตนะห์ไม่สามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปได้ตราบฟ้าดินสลาย ส่วนทางซีกดำนั้นจะดำหม่นหมอง เสมือนกับเหยือกน้ำที่คว่ำไว้ (ไร้ประโยชน์) ที่ไม่สามารถรับรู้ดีชั่วหรือถูกผิด นอกจากจะดื่มด่ำกับอารมณ์ใฝ่ต่ำเท่านั้น” รายงานโดยมุสลิม, หะดีษลำดับที่ 144, มุสลิม บิน อัลฮัจญาจญฺ, ศ่อฮีห์มุสลิม, ตะห์กีก: มุฮัมมัด ฟุอ๊าด อับดุลบากีย์ (ไคโร: ดารุ เอี๊ยะห์ยาอฺ อัลกุตุบิลอะร่อบียะฮ์, พิมพ์ครั้งที่ 1, ค.ศ. 1991/1412), เล่ม 1 หน้า 128.
ดังนั้นผู้ที่ยังคงทำบาปและฝ่าฝืนคำสั่งใช้ของอัลเลาะฮ์และร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บาปก็จะเกิดเป็นจุดดำ ติดแน่น และปกคลุมหัวใจทีละน้อย จนกระทั่งไม่น้อมรับความดีใดๆ การทำความสะอาดหัวใจจากจุดดำนี้ ก็ด้วยการเตาบะฮ์ที่มุ่งมั่นและจริงใจต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา เพราะท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
اَلتَّائِبُ مِنْ الذَّنْبِ كَمَنْ لَا ذَنْبَ لَهُ
“ผู้สารภาพผิดจากบาป เสมือนว่าเขาไม่มีบาปใดๆ” รายงานโดยอิบนุมาญะฮ์, หะดีษลำดับที่ 4251, อิบนุ มาญะฮ์, สุนันอิบนุมาญะฮ์, เล่ม 2, หน้า 1420.
ดังนั้นการเตาบะฮ์ที่จริงใจจึงเปรียบได้กับกับผงซักฟอกที่ขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนภาชนะ จากนั้นภาชนะก็จะมีความสะอาดแวววาว ซึ่งเช่นเดียวกับการเตาบะฮ์ที่ล้างหัวใจให้บริสุทธิ์จากบาป หัวใจจึงกลับมาเจิดจรัสด้วยอีหม่านอีกครั้งหนึ่ง
ท่านอิบนุอะฏออิลลาฮ์ ได้ทำการอุปมาอุปไมยเกี่ยวกับผู้กระทำบาปไว้อย่างน่าคิดว่า
مِثَالُ الْعَبْدِ إِذَا فَعَلَ الْمَعْصِيَةَ: كَالْقِدْرِ الْجَدِيْدِ، وَيُوْقَدُ تَحْتَهَا النَّارُ سَاعَةً فَتَسْوَدُّ، فَإِذَا بَادَرْتَ إِلَى غَسْلِهَا اِنْفَصَلَتْ مِنْ ذَلِكَ السَّوَادِ، وَإِنْ تَرَكْتَهَا وَطَبَخْتَ فِيْهَا مَرَّةً بَعْدَ مَرَّةٍ ثَبَتَ السَّوَادُ فِيْهَا حَتَّى تَتَسَكَّرَ، وَلاَ يُفِيْدُ غَسْلُهَا شَيْئاً، فَالتَّوْبَةُ هِيَ الَّتِي تَغْسِلُ سَوَادَ الْقَلْبِ، فَتَبْرُزُ الأَعْمَالُ وَعَلَيْهَا رَائِحَةُ الْقَبُوْلِ، فَاطْلُبْ مِنَ اللهِ تَعَالَى التَّوْبَةَ دَائِماً.
“อุปมาบ่าวคนหนึ่งเมื่อเขาได้ทำการฝ่าฝืน อุปไมยประหนึ่งภาชนะใบใหม่ และทำการจุดไฟข้างใต้มัน(เพื่อหุงต้ม)หนึ่งชั่วโมง ภาชนะนั้นก็จะมีสีดำ ดังนั้นเมื่อท่านรีบล้างมัน รอยสีดำดังกล่าวก็จะออกไปอย่างง่ายดาย แต่ถ้าหากปล่อยมันไว้และนำภาชนะนั้นไปหุงต้มครั้งแล้วครั้งเล่า รอยสีดำก็จะติดแน่นจนกระทั่งตกเป็นผลึก การล้างภาชนะนั้นก็จะไม่มีประโยชน์อันใดอีกแล้ว ดังนั้นการเตาบะฮ์ก็คือสิ่งที่จะมาล้างรอยดำของหัวใจ ดังนั้นบรรดาอะมัลก็จะปรากฏขึ้นโดยมีกลิ่นอันหอมหวนของการตอบรับอะมัล เพราะฉะนั้นท่านจงขอการเตาบะฮ์จากอัลเลาะฮ์ตะอาลาอย่างสม่ำเสมอเถิด”อิบนุ อะฏออิลลาฮ์, ตาญุลอะรูซ อัลฮาวี ลิตะฮ์ซีบ อันนุฟูซ, หน้า 5-6.
ดังนั้น เราต้องฟื้นฟูการเตาบะฮ์กันทุกวัน เมื่อกระทำบาปก็ต้องรีบเตาบะฮ์ เพราะการเตาบะฮ์จะชำระล้างบาป ขจัดรอยดำที่อยู่ในหัวใจ แต่ถ้าหากกระทำบาปเพิ่มทวีคูณขึ้นพร้อมกับลืมการเตาบะฮ์ ก็จะยากในการปลดเปลื้องบาป เพราะหัวใจเช่นนั้นเสมือนกับเหยือกน้ำที่ถูกคว่ำตามที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวไว้ เป็นหัวใจที่ไม่น้อมรับความดีงามและไม่คิดดีทำดี แล้วเขาก็อาจจะตายจากโลกนี้ไปในสภาพดังกล่าว วัลอิยาซุบิลลาฮ์
สมมุติว่าท่านได้เอา อัญมณีกับข้าวเปลือกไปโปรยท่ามกลางฝูงสัตว์ทั้งหลาย แน่นอนว่าข้าวเปลือกย่อมเป็นที่ชื่นชอบสำหรับพวกมัน เนื่องจากสัตว์เหล่านั้นไม่รู้ถึงคุณค่าของอัญมณี แต่สำหรับการเตาบะฮ์นั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและทำให้อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงรัก ดังนั้นผู้เป็นมุอฺมินต้องมีความปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่จะได้รับความรักจากอัลเลาะฮ์ที่เป็นดั่งอัญมณีที่มีค่า และปรารถนาที่จะเป็นผู้ที่ถูกรักจากพระองค์ เพราะมุอฺมินที่ชาญฉลาดนั้นจะต้องไม่ยินดีให้ตนเองเป็นส่วนหนึ่งจากผู้อธรรมด้วยการกระทำบาปโดยไม่ยอมเตาบะฮ์
อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า
إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ التَّوَّابِينَ وَيُحِبُّ الْمُتَطَهِّرِينَ
“แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงรักบรรดาผู้เตาบะฮ์และทรงรักผู้ทำตนเองให้สะอาด” [อัลบะกอเราะฮ์: 222]
พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า
وَمَنْ لَمْ يَتُبْ فَأُولَئِكَ هُمُ الظَّالِمُونَ
“และผู้ใดไม่ทำการเตาบะฮ์ พวกเหล่านั้นย่อมเป็นผู้อธรรม” [อัลหุญะร็อต 11]
ดังนั้นท่านโปรดพิจารณาว่าท่านอยู่กลุ่มใดจากทั้งสองกลุ่มนี้ หากท่านเตาบะฮ์ก็จะอยู่ในกลุ่มที่ถูกรักแต่ถ้าหากไม่เตาบะฮ์ ท่านก็จะอยู่ในกลุ่มชนที่อธรรมต่อตนเอง ซึ่งหากการลงโทษอันแสนเจ็บปวดได้มาประสบ ก็จะไม่มีการผ่อนปรนใดๆ อีกแล้ว
อ้างอิงจาก : อารีฟีน แสงวิมาน, หนังสืออัตเตาบะฮ์ก้าวแรกของผู้ศรัทธา. หน้า 22-26.
ดาวน์โหลด
tags:
แสดงความคิดเห็น