ผู้ทำการถือศีลอดมี 3 จำพวก

มุสลิมนั้นย่อมมีความแตกต่างกันตามอะมัลที่พวกเขาได้ปฏิบัติ หากเรากลับไปศึกษาซูเราะฮ์อัลวากิอะฮ์ ก็จะพบว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงแบ่งมนุษย์ออกเป็น 3 ประเภท

1. ชนชั้นแนวหน้า คือ ผู้ที่มีความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์

อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

“ชนแนวหน้า (พวกเขา) คือชนแนวหน้า พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ใกล้ชิด(อัลเลาะฮ์) อยู่ในบรรดาสวนสวรรค์อันบรมสุข เป็นกลุ่มชนจำนวนมากจากชนรุ่นก่อน และเป็นกลุ่มชนจำนวนน้อยจากชนรุ่นหลัง โดยอยู่บนเตียงที่ทักทอด้วยทองคำ พวกเขานอนเอกเนกอยู่บนนั้นโดยผินหน้าเข้าหากัน มีเด็กๆ วนเวียนรับใช้พวกเขาตลอดไป ถ้วยภาชนะและแก้วที่มีหูและจอกใส่สุราที่ไหลรินมา พวกเขาจะไม่มึนศีรษะและไม่หมดสติ (เมื่อดื่มสุรานั้น) และผลไม้หลากชนิดตามแต่พวกเขาจะเลือกรับประทานได้ และเนื้อนกที่พวกเขาอยากรับประทาน และมีนางสวรรค์ ประหนึ่งไข่มุกที่ถูกพิทักษ์รักษาไว้อย่างดี เพื่อเป็นการตอบแทนเนื่องจากความดีที่พวกเขาได้กระทำไว้ ซึ่งในสวนสวรรค์นั้นพวกเขาจะไม่ได้ยินคำพูดที่ไร้สาระและเป็นบาป เว้นแต่คำกล่าวที่ว่า ศานติ ศานติ” [อัลวากิอะฮ์: 10-26]

2. ชนชาวขวา คือ ผู้ปฏิบัติความดีงามแต่ไม่ถึงขั้นระดับผู้ใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์

อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

“และชนชาวขวา อะไรคือชนชาวขวา (พวกเขา) อยู่ภายใต้ต้นพุทราที่ไร้หนาม และต้นกล้วยที่ออกผลเป็นเครือตั้งแต่ยอดจรดโคนต้นและมีร่มเงาที่แผ่กว้างและน้ำที่ไหลรินตลอดเวลาและผลไม้อันมากหลาย โดยไม่หมดสิ้นตามฤดูกาลและไม่เป็นที่ต้องห้ามและมีเตียงนอนที่ถูกยกให้สูง แท้จริงเราได้บังเกิดพวกนาง(สวรรค์) เป็นพิเศษ แล้วเราได้ทำให้พวกนางเป็นสาวพรหมจรรย์ เป็นที่น่ารักชื่นชมแก่คู่ครอง อยู่ในวัยเดียวกัน (ซึ่งถูกบันดาลให้) สำหรับชนชาวขวา (พวกเขา) เป็นกลุ่มชนจำนวนมากจากชนรุ่นแรก และเป็นกลุ่มชนจำนวนมากชนรุ่นหลัง” [อัลวากิอะฮ์: 27-40]

3. ชนชาวซ้าย คือ ผู้ปฏิเสธและผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลเลาะฮ์

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

“และชนชาวซ้าย อะไรคือชนชาวซ้าย (พวกเขา) อยู่ในลมร้อนและน้ำที่ร้อนจัด อยู่ใต้ร่มเงาของควันที่ดำทึบ ไม่ร่มเย็น และไม่เป็นที่น่าชื่นชม” [อัลวากิอะฮ์: 41-44]

และพระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

“แน่นอนพวกเจ้า (คือชนชาวซ้าย) จะเป็นผู้กินต้นซักกูม แล้วพวกเขาก็ใส่มันเข้าไปเต็มท้อง แล้วพวกเขาก็ดื่มน้ำที่ร้อนจัดลงไป แล้วพวกเขาก็จะดื่ม(น้ำนั้น) เช่นเดียวกับการดื่มของอูฐที่กระหายน้ำจัด นี้คือสิ่งที่คอยต้อนรับพวกเขาในวันแห่งการตอบแทน” [อัลวากิอะฮ์: 52-56]

ดังนั้นเมื่อมนุษย์แบ่งออกเป็น 3 จำพวก ผู้ที่ทำการถือศีลอดก็ถูกแบ่งออกเป็น 3 จำพวกเช่นเดียวกัน กล่าวคือ:

จำพวกที่หนึ่ง: การถือศีลอดของคนเอาวาม (สามัญชนทั่วไป) คือเขาอดหรือยับยั้งจากความใคร่ของท้องหรืออวัยวะเพศ หมายถึง เขาถือศีลอดโดยงดการกิน การดื่ม และการร่วมหลับนอนกับภรรยา และงดสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เสียศีลอด ตั้งแต่แสงอรุณขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตก แต่พร้อมกันนั้น เขาได้ปล่อยอวัยวะต่างๆ ให้ตกอยู่ในการฝ่าฝืนต่ออัลเลาะฮ์ และปล่อยให้หัวใจให้อยู่ในการหลงลืมพระองค์

ดังนั้นเขาจึงทำการถือศีลอดโดยปล่อยให้หูแอบฟังการนินทาผู้อื่น, สายตามองสิ่งที่ฮะรอม, ลิ้นพูดจาหยาบคาย ชอบนินทา พูดโกหก พูดเย้ยหยัน และยุแหย่ให้พี่น้องมุสลมบาดหมางกัน, มือไปทำงานที่ฮะรอม เล่นการพนัน โกงตาชั่ง และลักเล็กขโมยน้อย, เท้าเดินไปกระทำสิ่งที่ฮะรอมและเดินผ่านข้างหน้าของผู้กำลังละหมาด, และร่วมหลับนอนกับภรรยาในตอนกลางวันของเดือนร่อมะฎอน เป็นต้น

ดังนั้นผู้ที่อยู่ในผู้ถือศีลอดจำพวกแรกนี้ เขาไม่ได้อะไรเลยนอกจากการหิวโหยเท่านั้น ดังที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ رُبَّ صَائِمٍ لَيْسَ لَهُ مِنْ صِيَامِهِ إِلَّا الْجُوعُ وَرُبَّ قَائِمٍ لَيْسَ لَهُ مِنْ قِيَامِهِ إِلَّا السَّهَرُ

“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า บางครั้งผู้ถือศีลอดนั้น ไม่มีสิ่งใดสำหรับเขาจากการถือศีลอด นอกจากความหิวโหยเท่านั้น และบางครั้งผู้ลุกขึ้นละหมาดนั้น ไม่มีสิ่งใดสำหรับเขาจากการลุกขึ้นละหมาด นอกจากการอดนอนเท่านั้น” รายงานโดยอิบนุมาญะฮ์, ฮะดีษลำดับที่ 1690.

และท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวเช่นกันว่า

مَنْ لَمْ يَدَعْ قَوْلَ الزُوْرِ وَالْعَمَلَ بِهِ فَلَيْسَ للهِ حَاجَةٌ فِيْ أنْ يَدَعَ طَعَامَهُ وَشَرَابَهُ

“ผู้ (ถือศีลอดคน) ใดไม่ละทิ้งคำพูดที่โกหกและ(ไม่ละทิ้งการ) ปฏิบัติตามความโกหกนั้น แน่นอน ก็ไม่มีความประสงค์อันใดสำหรับอัลเลาะฮ์ ในการที่จะให้เขางดอาหารและเครื่องดื่ม” รายงานโดยอัลบุคอรีย์, ฮะดีษลำดับที่ 1903.

ดังนั้นหากเขาพูดโกหกและปฏิบัติความชั่ว ก็จะไม่มีความหมายอะไรที่จะถือศีลอดด้วยการงดการกินการดื่ม และฮะดีษบทนี้ยังบ่งชี้อีกว่า ผู้ที่ทำการถือศีลอดพร้อมกับกระทำการฝ่าฝืนนั้น เป็นเครื่องหมายว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลาจะไม่ตอบรับการถือศีลอดของเขานั่นเอง วัลอิยาซุบิลลาฮ์!

จำพวกที่สอง: การถือศีลอดของชนชาวขวา คือเขางดบรรดาอวัยวะทั้งหมดจากการกระทำสิ่งที่ไร้สาระ หมายถึง เขาได้งดการกระทำที่ทำให้เขาห่างไกลจากอัลเลาะฮ์ และรักษาบรรดาอวัยวะภายนอกและป้องกันความคิดให้พ้นจากการหมกมุ่นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ทุ่มเทร่างกายในการปฏิบัติอิบาดะฮ์ สมองและสติปัญญาคิดดีทำดี คิดสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่อิจฉาริษยา ไม่ลำพองตน ไม่คิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่น ไม่มีความอคติ และคิดร้ายต่อผู้อื่น เป็นต้น

จำพวกที่สาม: ผู้ที่ใกล้ชิดอัลเลาะฮ์ คือผู้ที่งดเว้นการกิน การดื่ม การร่วมหลับนอนกับภรรยา และสิ่งที่ทำให้เสียศีลอด พร้อมทั้งทุ่มเทในการปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ ในลักษณะที่หัวใจของเขานั้นไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น กล่าวคือส่วนมากหัวใจของเขารู้สึกอยู่เสมอว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลา ทรงมองเขา ทรงเห็นทุกๆ การกระทำของเขา และทรงรู้ทุกๆ อณูความคิดของเขา

ดังนั้นบุคคลจำพวกที่สามนี้ เขาจะมีจิตใจที่รู้สึกละอายและมีความเกรงขามต่ออัลเลาะฮ์ ไม่กล้าที่จะกระทำหรือคิดในสิ่งที่เป็นบาปและไร้สาระ เพราะจิตใจของเขาระลึกถึงอัลเลาะฮ์อย่างสม่ำเสมอและรู้สึกว่าพระองค์เห็นเขาอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นบุคคลจำพวกที่สามนี้ คือผู้ที่ทำตามซุนนะฮ์นะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อย่างเต็มใบและอยู่ในระดับสูง ซึ่งถูกเรียกว่าอยู่ในระดับ “อัลเอี๊ยะห์ซาน” ที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวตอบคำถามของท่านญิบรีบ อะลัยฮิสลามที่ว่า อะไรคือ “อัลเอี๊ยะห์ซาน” ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า

أَنْ تَعْبُدَ اللهَ كَأَنَّكَ تَرَاهُ فَإِنْ لَمْ تَكُنْ تَرَاهُ فَإِنَّهُ يَراَكَ

“คือการที่ท่านทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์เหมือนกับท่านเห็นพระองค์ ดังนั้นหากท่านไม่ (สามารถ) เห็นพระองค์ด้วย แท้จริงพระองค์ทรงเห็นท่าน” รายงานโดยมุสลิม, ฮะดีษเลขที่ 1.

บางท่านอาจจะถามว่า ทำอย่างไรให้เป็นคนระดับแนวหน้า มีความใกล้ชิดอัลเลาะฮ์ และมีความรู้สึกว่าพระองค์ทรงเห็นเราอยู่ตลอดเวลาและจิตใจรู้สึกละอายและเกรงขามต่อพระองค์ คำตอบก็คือ ทำอิบาดะฮ์ที่เป็นฟัรดูและสุนัตให้มากๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำการซิกรุลลอฮ์อย่างสม่ำเสมอด้วยลิ้นและจิตใจ

ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

سَبَقَ الْمُفْرِدُونَ قَالُوا وَمَا الْمُفْرِدُونَ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ الْمُسْتَهْتَرُونَ فِي ذِكْرِ اللَّهِ يَضَعُ الذِّكْرُ عَنْهُمْ أَثْقَالَهُمْ فَيَأْتُونَ يَوْمَ الْقِيَامَةِ خِفَافًا

“บรรดามุฟริดูนนั้นจะนำหน้า บรรดาซอฮาบะฮ์กล่าวถามว่า อะไรคือบรรดาคนมุฟริดูน? ท่านร่อซูลุลลอฮ์ตอบว่า ก็คือบรรดาผู้ที่ดื่มด่ำกับการซิกรุลลอฮ์ ซึ่งการซิกรุลลอฮ์นั้นจะทำให้บาปของพวกเขาหายไป แล้วพวกเขาก็จะมาในวันกิยามะฮ์โดยเบาบาป” รายงานโดยอัตติรมีซีย์, ฮะดีษเลขที่ 3596, และอัตติรมีซีย์กล่าวว่า ฮะดีษนี้ฮะซัน.

ท่านอัลมุนซิรีย์กล่าวอธิบายว่า “บรรดาผู้หลงใหลดื่มด่ำในการซิรุลลอฮ์นั้น คือผู้ที่หลงใหลดื่มด่ำในการซิกรุลลอฮ์อย่างสม่ำเสมอโดยไม่สนใจสิ่งที่ถูกกล่าววิจารณ์เกี่ยวกับพวกเขาและไม่สนใจสิ่งที่ถูกกระทำกับพวกเขา” ดู อัลมุบาร่อกุฟูรีย์, ตั๊วะห์ฟะตุลอะห์วาซีย์ บิชัรห์ ญามิอฺ อัตติรมีซีย์, เล่ม 9 หน้า 110.

และท่านร่อซูลุลลอฮ์ ได้กล่าวเช่นกัน ว่า

سَبَقَ الْمُفَرِّدُونَ قَالُوا وَمَا الْمُفَرِّدُونَ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ الذَّاكِرُونَ اللَّهَ كَثِيرًا وَالذَّاكِرَاتُ

“บรรดาคนมุฟัรริดูนนั้นจะนำหน้า บรรดาซอฮาบะฮ์กล่าวถามว่า โอ้ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ อะไรคือบรรดาคนมุฟัรริดูน ท่านร่อซูลุลลอฮ์อบว่า ก็คือบรรดาผู้ชายและผู้หญิงที่ทำการซิกรุลลอฮ์อย่างมากมาย” รายงานโดยมุสลิม, ฮะดีษลำดับที่ 2676.

ดังนั้นเมื่อท่านผู้อ่านได้ทราบถึงสามจำพวกนี้แล้ว ก็สมควรตั้งคำถามกับตนเองว่า ณ ปัจจุบันนี้ ท่านเป็นผู้ถือศีลอดอยู่ในจำพวกใหน? อย่างไรก็ตามก็ขอให้ท่านห่างไกลจากจำพวกแรก และขอให้อยู่ในจำพวกที่สาม แต่หากไม่สามารถก็ให้อยู่ในจำพวกที่สอง ด้วยการหมั่นเตาบะฮ์และวอนขอต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาให้พระองค์ทรงช่วยเหลือให้เรามีความเข้มแข็งในการปฏิบัติอิบาดะฮ์และถือศีลอดอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ตอบรับจากพระองค์ด้วยเถิด

แสดงความคิดเห็น

ติดตามได้ทาง