
เหล่าศ่อฮาบะฮ์ทำละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์
มีสายรายงานที่ศอฮีห์และมีน้ำหนัก ได้ยืนยันว่าเหล่าศ่อฮาบะฮ์ได้ทำละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์ และยืนยันว่าท้ายที่สุดแล้วละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์เป็นอิจญฺมาอฺของเหล่าศ่อฮาบะฮ์ในสมัยของอัลคุละฟาอฺอัรรอชีดีน
สายรายงานที่หนึ่ง: ท่านอิบนุ อะบี ชัยบะฮ์ ได้รายงานว่า
حَدَّثَنَا ابْنُ نُمَيْرٍ ، عَنْ عَبْدِ الْمَلِكِ ، عَنْ عَطَاءٍ ، قَالَ : أَدْرَكْت النَّاسَ وَهُمْ يُصَلُّونَ ثَلاَثًا وَعِشْرِينَ رَكْعَةً بِالْوِتْرِ
“ได้เล่าให้เราทราบโดย อิบนุนุมัยร์ จากอับดุลมาลิก จากท่านอะฏออฺ (บิน อะบีร่อบาห์) เขาได้กล่าวว่า ฉันได้รู้ว่าประชาชนทั้งหลาย(คือเหล่าศ่อฮาบะฮ์) ได้ทำการละหมาด 23 ร็อกอะฮ์ พร้อมวิติร”
นักรายงานของหะดีษนี้ เป็นนักรายงานของอัลบุคอรีย์และมุสลิม นอกจากอับดุลมาลิก บิน อะบีสุไลมาน เขาเป็นนักรายงานของท่านมุสลิมเท่านั้น
ท่านอะฏออฺเสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 114 หรือ 117 ซึ่งอายุของท่านประมาณ 100 ปี หรือ 90 ปี หรือ 88 ปี ตามที่ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ หะญัร ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบของท่าน ดังนั้นท่านอะฏออฺจึงเกิดในช่วงแรกๆ ของการเป็นค่อลีฟะฮ์ของท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ในกรณีที่เราถือว่าท่านอะฏออฺมีอายุ 100 ปี ซึ่งท่านอะฏออฺก็อยู่ในช่วงอายุที่รู้เดียงสาและสามารถรับรู้ได้แล้ว และถ้าหากเราถือว่าท่านอะฏออฺมีอายุ 88 ปี โดยเสียชีวิต ปี ฮ.ศ. 117 หรือ 114 ซึ่งแน่นอนว่าท่านอะฏออฺจะเกิดในปี ฮ.ศ. ที่ 29 หรือ 32 โดยท่านอะฏออฺจะมีอายุ 7 ปีในช่วงท้ายของค่อลีฟะฮ์อุษมาน ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ หรือในช่วงท้ายของค่อลีฟะฮ์อะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ, แต่นักปราชญ์หะดีษได้ให้น้ำหนักว่า ท่านอะฏออฺเกิดในขณะที่ท่านอุษมานเป็นค่อลีฟะฮ์ได้ 2 ปีแล้ว ดังนั้นท่านอะฏออฺก็จะทำการรายงานหะดีษในช่วงปีที่ 9 ของการเป็นค่อลีฟะฮ์ของท่านอุษมาน, และท่านอะฏออฺมีอายุ 16 ปีในช่วงที่สิ้นสุดยุคสมัยอัลคุละฟาอฺอัรรอชิดีน ในปี ฮ.ศ. 40 ดังนั้นท่านอะฏออฺจึงเป็นผู้รายงานการละหมาดตะรอวีหฺในยุคสมัยของอัลคุละฟาอฺอัรรอชิดีนอย่างแน่นอนและเด็ดขาด และศ่อฮาบะฮ์ในยุคนั้นก็ยังมีมากมาย ซึ่งไม่มีผู้ใดให้การตำหนิการละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์ดังกล่าวเลย
สายรายงานที่สอง: ท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้รายงานว่า
عَنْ يَزِيْدَ بْنِ خُصَيْفَةَ عَنِ السَّائِبِ بْنِ يَزِيْدَ قَالَ : كَانُوْا يَقُوْمُوْنَ عَلَى عَهْدِ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ فِيْ شَهْرِ رَمَضَانَ بِعِشْرِيْنَ رَكْعَةً قَالَ وَكَانُوْا يَقْرَؤُوْنَ بِالْمِئِيْنِ وَكاَنُوْا يَتَوَكَّؤُوْنَ عَلَى عِصِيِّهِمْ فِيْ عَهْدِ عُثْمَانَ بْنِ عَفَّانَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ مِنْ شِدَّةِ الْقِيَامِ
“จากยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ จาก อัซซาอิบ บิน ยะซีด เขากล่าวว่า พวกเขาได้ทำการละหมาดในสมัยท่านอุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏ็อบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ในเดือนร่อมะฎอน 20 ร็อกอะฮ์ อัซซาอิบ บิน ยะซีด กล่าวอีกว่า พวกเขาเหล่านั้นได้ทำการอ่านถึง 200 อายะฮ์ โดยพวกเขาได้ทำการค้ำยันด้วยไม้เท้าในสมัยของท่านอุษมาน ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เนื่องจากมีการยืนนาน”
อาจจะมีผู้ที่คัดค้านการละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์ในปัจจุบันที่พยายามตัดสินสายรายงานนี้ว่าเป็นสายรายงานที่ฎ่ออีฟเพราะมี ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ เนื่องจากท่านอิหม่ามอะห์มัดกล่าวว่า “มุงกะรุลหะดีษ” (مُنْكَرُ الْحَدِيْثِ) แต่ท่านอัลอัษร็อม ได้รายงานเช่นเดียวกันว่า ท่านอะห์มัดได้กล่าวถึง ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ว่า “เชื่อถือได้” (ثِقَةٌ) ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์ได้กล่าวว่า ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์นั้น “เชื่อถือได้” (ثِقَةٌ) และท่านอิบนุลก็อฏฏอนได้กล่าวว่า “ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ เชื่อถือได้โดยไม่มีการขัดแย้งกัน” (وَهُوَ ثِقَةٌ بِلاَ خِلاَفٍ)
ท่านอัลฮาฟิซ อิบนุ หะญัร ได้กล่าวรายละเอียดเกี่ยวกับ ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ ว่า
يَزِيْدُ بْنُ عَبْدِ اللهِ بْنِ خُصَيْفَةَ الْكِنْدِيُّ وَقَدْ يُنْسَبُ إِلَى جَدِّهِ قَالَ بْنُ مَعِيْنٍ ثِقَةٌ حُجَّةٌ وَوَثَّقَهُ أَحْمَدُ فِيْ رِوَايَةِ الأَثْرَمِ وَكَذَا أَبُوْ حَاتِمٍ وَالنَّسَائِيُّ وَبْنُ سَعْدٍ وَرَوَى أَبُوْ عُبَيْدٍ الآجُرِّي عَنْ أَبِيْ دَاوُدَ عَنْ أَحْمَدَ أَنَّهُ قَالَ مُنْكَرُ الْحَدِيْثِ قُلْتُ هَذِهِ اللَفْظَةُ يُطْلِقُهَا أَحْمَدُ عَلَى مَنْ يُغْرِبُ عَلَى أَقْرَانِهِ بِالْحَدِيْثِ عُرِفَ ذَلِكَ بِالاِسْتِقْرَاءِ مِنْ حَالِهِ وَقَدْ اِحْتَجَّ بِابْنِ خُصَيْفَةَ مَالِكٌ وَالأَئِمَّةُ كُلُّهُمْ
“ยะซีด บิน อับดิลลาฮฺ บิน คุศ็อยฟะฮ์ อัลกินดีย์ บางครั้งเขาพาดพิงเชื้อสายไปยังปู่ของเขา(คือคุศ็อยฟะฮ์) ท่านอิบนุมะอีน กล่าวว่า ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์นั้น “เชื่อถือได้และเป็นหลักฐานได้” และท่านอะห์มัดได้รับรองยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ว่า “เชื่อถือได้” ในสายรายงานของอัลอัษร็อม และท่านอะบูหาติม ท่านอันนะซาอีย์ และท่านอิบนุสะอัด ได้รับรองความ “เชื่อถือได้” ให้กับยาซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ เช่นกัน และท่านอุบัยด์ อัลอาญุรรีย์ ได้รายงานจากท่านอะบูดาวูด จากท่านอะห์มัดว่า ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์นั้น “มุงกัรหะดีษ” ข้าพเจ้าขอกล่าวว่า ถ้อยคำ(มุงกัรหะดีษ)ที่ท่านอะห์มัดนำมาใช้พูดนี้ จะใช้กับผู้ที่รายงานหะดีษเดี่ยวเหนือผู้รายงานรุ่นเดียวกัน ซึ่งสามารถรู้สิ่งดังกล่าวได้ด้วยการตรวจสอบสภาพของเขา และท่านมาลิกและบรรดาปราชญ์ทั้งหมดได้นำ ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์มาเป็นหลักฐานได้”
ดังนั้น คำพูดของท่านอะห์มัดต่อ ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ว่า “มุงกัรหะดีษ” นั้นมิใช่เป็นการตำหนิตัวผู้รายงาน ยิ่งกว่านั้นยังมีสายรายงานของอัลอัษร็อมระบุว่าท่านอะห์มัดได้รับรองความเชื่อถือของยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ ซึ่งสอดคล้องกับการรับรองความเชื่อถือของปราชญ์หะดีษท่านอื่นๆ โดยเฉพาะท่านอิบนุลก็อฏฏอนได้กล่าวว่า ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์นั้น เชื่อถือได้โดยไม่มีการขัดแย้งและท่านอิบนุหะญัร กล่าวว่า บรรดาปราชญ์หะดีษทั้งหมดได้นำยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ มาเป็นหลักฐานได้ เพราะฉะนั้นการพยายามที่จะทำให้ ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ ฎ่ออีฟนั้น ไม่ถูกต้องตามหลักการพิจารณาหะดีษ
สำหรับผู้ที่คัดค้านการละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์ในปัจจุบันบางส่วนพยายามตัดสินสายรายงานของยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ว่าเป็นหะดีษที่ชาซฺ(เพี้ยน) เนื่องจากไปคัดแย้งกับสายรายงานของ “มุฮัมมัด บิน ยูซุฟ” ที่น่าเชื่อถือมากกว่านั้น เราจะนำเสนอชี้แจงต่อไป อินชาอัลลอฮฺ
สายรายงานที่สาม: ท่านอับดุรร็อกซาก ได้รายงานว่า
عَنْ دَاوُدَ بْنِ قَيْسٍ وَغَيْرِهِ عَنْ مُحَمَّدٍ بْنِ يُوْسُفَ عَنِ السَّائِبِ بْنِ يَزِيْدَ أَنَّ عُمَرَ جَمَعَ النَّاسَ فِيْ رَمَضَانَ عَلَى أُبَيٍّ بْنِ كَعْبٍ وَعَلَى تَمِيْمٍ الدَّارِيِّ عَلَى إِحْدَى وَعِشْرِيْنَ رَكْعَةً
“จากดาวูด บิน ก็อยส์ และท่านอื่นๆ จาก มุฮัมมัด บิน ยูซุฟ จาก อัสสาอิบ บิน ยะซีด ความว่า แท้จริงท่านอุมัรได้รวบรวมประชาชนในเดือนร่อมะฎอนให้ละหมาดตามอุบัยย์และตะมีม อัดดารีย์ 21 ร็อกอะฮ์”
สายรายงานนี้มีนักรายงานของอัลบุคอรีย์และมุสลิมนอกจากดาวูด บิน ก็อยซ์ เขาเป็นนักรายงานของมุสลิมเท่านั้น และการที่ท่านอับดุรร็อซซากมีความจำเปลี่ยนไปหลังจากตาบอดนั้น ถือว่าไม่เป็นปัญหาแต่ประการใด เพราะท่านอับดุรร็อซซากได้ประพันธ์หนังสือ อัลมุศ็อนนัฟของท่านก่อนที่ตาจะบอด
และสายรายงานนี้ก็ไม่ค้านกับสายรายงานของท่านมาลิก จาก มุฮัมมัด บิน ยูซุฟ อีกสายรายงานหนึ่งที่รายงานจากท่านอัซซาอิบ บิน ยะซีด ความว่า
أَمَرَ عُمَرُ بْنُ الْخَطَّابِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أُبَيَّ بْنَ كَعْبٍ وَتَمِيْماً الدَّارِيَّ أَنْ يَقُوْمَا لِلنَّاسِ بِإِحْدَي عَشَرَةَ رَكْعَةً
“ท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้สั่งใช้ให้อุบัยย์ บิน กะอับ และตะมีม อัดดารีย์ ทำการละหมาดนำประชาชน 11 ร็อกอะฮ์”
เพราะสามารถรวมหรือประสาน (اَلْجَمْعُ) ระหว่างสองรายงานนี้ได้ ตามที่อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ ได้กล่าวว่า
وَيُمْكِنُ الْجَمْعُ بَيْنَ الرِّوَايَتَيْنِ فَإِنَّهُمْ كَانُوْا يَقُوْمُوْنَ بِإِحْدَى عَشَرَةَ ثُمَّ كاَنُوْا يَقُوْمُوْنَ بِعِشْرِيْنَ وَيُوْتِرُوْنَ بِثَلاَثٍ وَاللهُ أَعْلَمُ
“และสามารถทำการรวมประสานระหว่างสองรายงานได้เพราะพวกเขาได้เคยละหมาด 11 ร็อกอะฮ์ หลังจากนั้นพวกเขาได้ทำการละหมาด 20 ร็อกอะฮ์พร้อมกับวิติรอีก 3 ร็อกอะฮ์ วัลลอฮุอะลัม”
แต่ถ้าหากเราสมมุติว่าสองรายงานนี้ค้านกัน แน่นอนว่าสายรายงานของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟ ที่สอดคล้องกับนักรายงานท่านอื่นๆ ที่ระบุละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์นั้น ย่อมดีกว่า เพราะสายรายงานของพวกเขาจะทำให้สายรายงานของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟ ที่ระบุละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์เพิ่มน้ำหนักยิ่งขึ้น
ผู้ที่กล่าวว่าสองสายรายงานค้านกันและให้น้ำหนักสายรายงานที่ระบุละหมาด 11 ร็อกอะฮ์แล้วกล่าวว่ารายงานที่ระบุ 21 ร็อกอะฮ์เพี้ยนนั้น ด้วยคำกล่าวอ้าง 2 ประการ
-
บรรดานักรายงานละหมาด 11 ร็อกอะฮ์จากมุฮัมมัด บิน ยูซุฟนั้นเชื่อถือได้มากกว่าบรรดานักรายงานละหมาด 21 ร็อกอะฮ์ซึ่งมี ดาวูด บิน ก็อยซ์ ได้รายงานเพียงลำพังคนเดียว และท่านอิบนุมะอีน กล่าวว่า ดาวูด บิน ก็อยซ์นั้น ศอลิหุลหะดีษ (صَالِحُ الْحَدِيْثِ) ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่า (ثِقَةٌ) “เชื่อถือได้” อย่างมิต้องสงสัย
- มุฮัมมัด บิน ยูซุฟ เชื่อถือได้มากกว่า ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ เพราะท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์ ได้กล่าวถึง มุฮัมมัด บิน ยูซุฟ ไว้ในหนังสือตักรีบ อัตตะฮ์ซีบว่า (ثِقَةٌ ثَبْتٌ) “เชื่อถือได้ อีกทั้งมั่นคง” และกล่าวถึง ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ว่า (ثِقَةٌ) “เชื่อถือได้” เท่านั้น ยิ่งกว่านั้นอิหม่ามอะห์มัดยังกล่าวถึง ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ว่า “มุงกัรหะดีษ”
ชี้แจงข้ออ้างดังกล่าว
1. การให้น้ำหนักนั้นยังไม่มีความจำเป็นหากสามารถรวมประสานกันได้เพราะการรวมประสานกันนั้นจะขจัดความขัดแย้งออกไป ดังนั้นถ้าหากว่าทั้งสองหะดีษที่ขัดแย้งกันแบบผิวเผิน แล้วเราทำการให้น้ำหนักก่อนการรวมประสานกันระหว่างทั้งสองนั้น ก็จะทำให้ซุนนะฮ์มากมายต้องหายไปด้วยการอ้างว่าเป็นหะดีษเพี้ยน(ซาซฺ) แต่การรวมประสานนั้นในที่นี้สามารถกระทำได้ตามที่อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ได้กล่าวไว้ข้างต้น
ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ได้กล่าวว่า
وَالْمُخْتَلَفُ قِسْمَانِ : أَحَدُهُمَا : يُمْكِنُ الْجَمْعُ بَيْنَهُمَا بِوَجْهٍ صَحِيْحٍ فَيَتَعَيَّنُ....
“ตัวบทที่ขัดแย้งกันนั้น มี 2 ประเภท หนึ่ง: สามารถรวมประสานกันได้ระหว่างทั้งสองด้วยหนทางใดหนทางหนึ่งที่มีความถูกต้อง ก็จำเป็นต้องรวมประสานกัน....”
ดังนั้นตัวบทที่รายงานโดยมุฮัมมัด บิน ยูซุฟที่ระบุให้ละหมาด 11 ร็อกอะฮ์นั้น คือท่านอุมัรได้ใช้ให้กระทำในช่วงแรก หลังจากนั้นพวกเขาก็ทำการละหมาด 21 หรือ 23 ร็อกอะฮ์ เพื่อรวมประสานกันระหว่างสองหลักฐานนี้
ท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ ได้กล่าวว่า
وَلاَ يُنْسَبُ الْحَدِيْثَانِ إِلَي الاِخْتِلاَفِ مَا كَانَ لَهُمَا وَجْهٌ يُمْضِيَانِ بِهِ مَعاً ، إِنَّمَا الْمُخْتَلَفُ مَا لَمْ يُمْضِ إِلاَّ بِسُقُوْطِ غَيْرِهِ
“และจะไม่มีการพาดพิงสองหะดีษให้มีการขัดแย้งกันตราบใดที่ทั้งสองหะดีษนั้นมีหนทางหนึ่งที่สามารถไปกันได้พร้อมๆ กัน แต่หะดีษที่ขัดแย้งกัน คือตัวบทที่ไปกันไม่ได้นอกจากอีกตัวบทหนึ่งต้องตกไป”
ดังนั้นสายรายงานของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟ ทั้งสองนี้สามารถรวมประสานและไปกันได้เนื่องจากเราทำละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์ก็รวมอยู่ในการทำละหมาด 8 ร็อกอะฮ์แล้วนั่นเองโดยไม่ต้องตัดสายรายงานใดทิ้งไป ด้วยเหตุนี้ การที่มีสายรายงานที่ศอฮีห์แต่มีจำนวนนักรายงานน้อยกว่าหรือมีความจำน้อยกว่าไม่ถูกนับว่าเป็นสายรายงานที่เพี้ยนหรือซาซฺเสมอไป เพราะหะดีษชาซฺนั้น คือ “หะดีษที่ผู้ที่เชื่อถือได้รายงานขัดแย้งกับผู้ที่เชื่อถือได้มากกว่า (โดยไม่สามารถรวมกันได้)” แต่สายรายงานของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟทั้งสองนี้ไม่ได้ค้านกันเนื่องจากสามารถรวมประสานและเดินไปพร้อมกันได้
2. คำกล่าวของพวกเขาที่ว่า ดาวูด บิน ก็อยซฺ แค่ ศอลิหุลหะดีษ (صَالِحُ الْحَدِيْثِ) นั้น เมื่ออยู่พร้อมกับการถูกรับรองความเชื่อถือตามที่ท่านอิบนุอะบีฮาติม ได้กล่าวชมเชย ดาวูด บิน ก็อยซฺว่า (صَالِحُ الْحَدِيْثِ ثِقُةٌ) “เขาหะดีษดีอีกทั้งเชื่อถือได้” ซึ่งไม่ทำให้ความเชื่อถือต้องลดลงไป ยิ่งกว่านั้น ถ้อยคำที่ว่า (صَالِحُ الْحَدِيْثِ) ตรงนี้ หมายถึงไม่มีความผิดพลาดในการรายงาน ซึ่งเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือ ด้วยเหตุนี้ท่านอิบนุหะญัรจึงกล่าวว่า ดาวูด บิน ก็อยซฺนั้น (ثِقَةٌ فَاضِلٌ) “เชื่อถือได้อีกทั้งประเสริฐ” ยิ่งกว่านั้นดาวูด บิน ก็อยซฺ ยังเป็นนักรายงานของท่านอิหม่ามมุสลิมอีกด้วย
3. การอ้างว่า “บรรดานักรายงานจากมุฮัมมัด บิน ยูซุฟนั้นมีมากกว่าและเชื่อถือได้มากกว่าดาวูด บิน ก็อยซฺนั้นทำให้เพิ่มน้ำหนักถึงความถูกต้องในการรายงานจากมุฮัมมัด บิน ยูซุฟ ว่า ท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้ใช้ให้ประชาชนละหมาด 11 ร็อกอะฮ์” แต่สิ่งดังกล่าวมิได้เพิ่มน้ำหนักในสายรายงานที่ผ่านอัซซาอิบ บิน ยะซีด เพราะมุฮัมมัด บิน ยูซุฟนั้นก็ได้รายงานละหมาด 11 ร็อกอะฮ์จากอัซซาอิบ บิน ยะซีด และมุฮัมมัด บิน ยูซุฟ เองก็ทำการรายงานละหมาด 21 ร็อกอะฮ์จากอัซซาอิบ บิน ยะซีด เช่นเดียวกัน แต่สายรายงานแรกมุฮัมมัด บิน ยูซุฟ ได้รายงานคนเดียวจากท่านอัซซาอิบ บิน ยะซีด ส่วนสายรายงานที่สองนั้นมุฮัมมัด บิน ยูซุฟกับยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ได้ร่วมกันจากอัซซาอิบ บิน ยะซีด
สรุปให้เข้าใจง่ายๆ คือ
สายรายงานละหมาดตะรอวีหฺ 11 ร็อกอะฮ์นั้นมี:
1. มุฮัมมัด บิน ยูซุฟ -> ถึงท่านอัซซาอิบ บิน ยะซีด
สายรายงานละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์นั้นมี:
1. มุฮัมมัด บิน ยูซุฟ -> ถึงท่านอัซซาอิบ บิน ยะซีด
2. ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ -> ถึงท่านอัซซาอิบ บิน ยะซีด
และทั้งมุฮัมมัด บิน ยูซุฟและยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์นี้ต่างก็ทันอยู่ในสมัยของท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ หากแม้ท่านจะกล่าวว่า ยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์จะมีระดับความน่าเชื่อน้อยกว่ามุฮัมมัด บิน ยูซุฟก็ตาม แต่สายรายงานของยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ที่รายงานละหมาด 20 ร็อกอะฮ์นั้นก็สามารถมาสนับสนุนสายรายงานละหมาด 21 ร็อกอะฮ์29ของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟ ดังกล่าวจึงทำให้สายรายงานละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์มีน้ำหนักยิ่งกว่านั่นเอง
4. สายรายงานของละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์สอดคล้องและร่วมกันระหว่างมุฮัมมัด บิน ยูซุฟกับยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ยังมีบรรดาหะดีษมุรซัลอีก 3 กระแสมาสนับสนุน และพร้อมกันนั้นก็ยังมีสายรายงานของท่านอะฏออฺที่รายงานสอดคล้องกับสายรายงานของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟและยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ ในแง่มุมที่ว่าการละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์ได้กระทำกันในยุคสมัยอัลคุละฟาอฺอัรรอชิดีน
5. ส่วนการอ้างว่า “สายรายงานหนึ่งของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟนั้น ‘ท่านอุมัรได้สั่งใช้ให้ละหมาด 11 ร็อกอะฮ์’ ส่วนสายรายงานของยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์นั้นระบุเพียงว่า ‘พวกเขาได้ทำการละหมาด 23 ร็อกอะฮ์ในสมัยท่านอุมัร’ ซึ่งเป็นเพียงแค่การยอมรับของท่านอุมัรเท่านั้น แต่การสั่งใช้ให้กระทำย่อมมีน้ำหนักมากกว่าการยอมรับ” นั้น ขอชี้แจงว่า สายรายงานของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟนั้นมิได้บอกถึงว่าบรรดาศ่อฮาบะฮ์ได้กระทำตามคำสั่งของท่านอุมัร แต่รายงานของยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ บอกถึงการกระทำของเหล่าศ่อฮาบะฮ์และการยอมรับของท่านอุมัรที่มีต่อพวกเขา ดังนั้นสายรายงานของยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ ได้บอกถึงการอิจญฺมาอฺ (اَلْاِجْمَاعُ) ของเหล่าศ่อฮาบะฮ์มากมายที่อยู่นครมะดีนะฮ์ในการละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์ ฉะนั้นการอิจญฺมาอฺของศ่อฮาบะฮ์พร้อมกับการยอมรับของท่านอุมัรนั้นย่อมมีน้ำหนักยิ่งกว่าการที่ท่านอุมัรออกคำสั่งใช้เพียงอย่างเดียว
และเมื่อเราพิจารณาสายรายงานของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟ อีกกระแสหนึ่งที่ระบุว่า “ท่านอุมัรได้รวบรวมประชาชนในเดือนร่อมะฎอนให้ละหมาดตามอุบัยย์และตะมีม อัดดารีย์ 21 ร็อกอะฮ์” เราจะพบว่า ท่านอุมัรได้สั่งใช้ให้ละหมาด 20 ร็อกอะฮ์โดยนัยแล้ว เนื่องจากเป็นไปได้อย่างไรที่ท่านอุมัรได้ทำการรวบรวมประชาชนทั้งหลายให้ละหมาด 20 ร็อกอะฮ์โดยที่ท่านไม่ได้สั่งใช้พวกเขา ดังนั้นสายรายงานที่ระบุว่าให้ละหมาด 20 ร็อกอะฮ์นั้นย่อมมีน้ำหนักยิ่งกว่า
บรรดาสายรายงานที่มุรซัล
นอกเหนือจากบรรดาสายรายงานทั้ง 3 ที่เชื่อมต่อกับยุคสมัยของท่านอุมัรและยุคสมัยของอัลคุละฟาอฺอัรรอชิดีนที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็ยังมีสายรายงานจากตาบิอีนอีก 3 ท่านที่ไม่ทันสมัยของท่านอุมัร ได้ยืนยันว่าการละหมาดตะรอวีหฺในสมัยของท่านอุมัรนั้นมี 20 ร็อกอะฮ์
อนึ่ง ตาบิอีนนั้นเมื่อได้รายงานหะดีษถึงท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ถือว่าการรายงานของเขาเป็นหะดีษมุรซัลที่ถูกยอมรับได้และนำมาเป็นหลักฐานได้ตามทัศนะของท่านอิหม่ามมาลิก ท่านอิหม่ามอะบูหะนีฟะฮ์ และท่านอิหม่ามอะห์มัด ซึ่งเป็นทัศนะที่ต่างกับท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ และถ้าหากตาบิอีนได้รายงานหะดีษถึงท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยไม่อ้างถึงศ่อฮาบะฮ์ พร้อมกับมีหะดีษสายรายงานอื่นอีกที่เชื่อมถึงท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แน่นอนว่าสายรายงานที่เชื่อมถึงท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็จะมีน้ำหนักยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
สายรายงานที่หนึ่ง: ท่านอิบนุอะบีชัยบะฮ์ ได้รายงานว่า
حَدَّثَنَا حُمَيْدُ بْنُ عَبْدِ الرَّحْمَنِ ، عَنْ حَسَنٍ ، عَنْ عَبْدِ الْعَزِيزِ بْنِ رُفَيْعٍ، قَالَ : كَانَ أُبَيّ بْنُ كَعْبٍ يُصَلِّي بِالنَّاسِ فِي رَمَضَانَ بِالْمَدِينَةِ عِشْرِينَ رَكْعَةً وَيُوتِرُ بِثَلاَثٍ
“ได้เล่าให้เราทราบ โดยหุมัยด์ บิน อับดิรเราะห์มาน, จากหะซัน(บิน ศอลิห์), จากอับดุลอะซีซ บิน รุฟัยอฺ เขาได้กล่าวว่า ท่านอุบัยยฺได้นำละหมาดประชาชนในเดือนร่อมะฎอนที่นครมะดีนะฮ์ 20 ร็อกอะฮ์และทำละหมาดวิติรอีก 3 ร็อกอะฮ์”
สายรายงานนี้ เป็นนักรายงานของอัลบุคอรีย์และมุสลิม นอกจากอัลหะซัน เป็นนักรายงานของมุสลิมเท่านั้น
แต่ผู้ที่มีทัศนะว่าสายรายงานละหมาด 20 ร็อกอะฮ์ฎ่ออีฟอ้างว่า สายรายงานนี้ฎ่ออีฟ 2 ประการด้วยกัน คือ หนึ่ง: หะดีษนี้มุรซัลเพราะอับดุลอะซีซ บิน รุฟัยอฺ ไม่ทันพบกับท่านอุมัร และสอง: สายรายงานนี้ขัดแย้ง(มุคอลิฟะฮ์)กับสายรายงานละหมาด 11 ร็อกอะฮ์
ข้อชี้แจง
การที่สายรายงานมุรซัลถูกตัดสินว่าฎ่ออีฟนั้น ก็ต่อเมื่อนำมันมาอ้างเป็นหลักฐานเพียงลำพัง แต่ความจริงแล้ว การนำสายรายงานมุรซัลนี้มาอ้างเป็นหลักฐานก็เพียงเพื่อนำมาสนับสนุนสายรายงานของยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์เท่านั้นเอง และหะดีษมุรซัลนั้นสามารถที่จะทำให้มีน้ำหนักกับสายงานอื่นได้ตามทัศนะของปราชญ์หะดีษที่มีทัศนะว่าหะดีษมุรซัลนั้นฎ่ออีฟ ท่านอิหม่ามอิบนุศ่อลาห์ ได้กล่าวว่า
نَصَّ الشَّافِعِي رَضِيَ اللهُ عَنْهُ فِيْ مَرَاسِيْلِ التَّابِعِيْنَ : أَنَّهُ يُقْبَلُ مِنْهَا الْمُرْسَلُ الَّذِيْ جَاءَ نَحْوُهُ مُسْنَداً وَكَذَلِكَ لَوْ وَافَقَهُ مُرْسَلٌ آخَرُ أَرْسَلَهُ مَنْ أَخَذَ الْعِلْمَ عَنْ غَيْرِ رِجَالِ التَّابِعِيِّ الأَوَّلِ
“ท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวระบุเกี่ยวกับบรรดาหะดีษมุรซัลของตาบิอีนไว้ว่า แท้จริงจะถูกตอบรับ(ทำให้มีน้ำหนัก)กับหะดีษมุรซัลที่มีอีกสายรายงานหนึ่งแบบเดียวกันที่อ้างอิงไปยังท่านนะบีย์(มาสนับสนุน) และเช่นเดียวกัน หากมีหะดีษมุรซัลสายรายงานอื่นที่ไม่ใช่สายรายงานของตาบิอีนคนแรกได้รายงานสอดคล้องกัน”
สายรายงานที่สอง: ท่านอิบนุอะบีชัยบะฮ์ ได้รายงานว่า
حَدَّثَنَا وَكِيعٌ ، عَنْ مَالِكٍ بْنِ أَنَسٍ ، عَنْ يَحْيَى بْنِ سَعِيدٍ ، أَنَّ عُمَرَ بْنَ الْخَطَّابِ أَمَرَ رَجُلاً يُصَلِّي بِهِمْ عِشْرِينَ رَكْعَةً
“วะกีอฺได้เล่าให้เราทราบ จากมาลิก บิน อะนัส จากยะห์ยา บิน สะอีด ความว่า แท้จริงท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏ็อบ ได้ใช้ให้ชายคนหนึ่งนำละหมาดพวกเขา 20 ร็อกอะฮ์”
สายรายงานหะดีษนี้ เป็นนักรายงานของอัลบุคอรีย์และมุสลิม และการนำสายรายงานมุรซัลนี้มาอ้างอิงโดยมีหลักการและเหตุผลเดียวกับสายรายงานที่หนึ่ง
สายรายงานที่สาม: ท่านอิหม่ามมาลิก ได้รายงานว่า
عَنْ يَزِيدَ بْنِ رُومَانَ أَنَّهُ قَالَ كَانَ النَّاسُ يَقُومُونَ فِي زَمَانِ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ فِي رَمَضَانَ بِثَلَاثٍ وَعِشْرِينَ رَكْعَةً
“จากยะซีด บิน รูมาน แท้จริงเขาได้กล่าวว่า ประชาชนในสมัยท่านอุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏ็อบได้ละหมาดในเดือนร่อมะฎอน 23 ร็อกอะฮ์”
ยะซีด บิน รูมาน เป็นนักรายงานหะดีษของอัลบุคอรีย์และมุสลิม
ดังนั้นบรรดาสายรายงานมุรซัลทั้งสามนี้ เมื่อนำมารวมประสานและสนับสนุนต่อกัน ก็จะทำให้มีน้ำหนัก และเหมาะสมที่จะนำมาสนับสนุนให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้นกับสายรายงานที่ศ่อฮีหฺของมุฮัมมัด บิน ยูซุฟ และยะซีด บิน คุศ็อยฟะฮ์ที่รายงานว่าการละหมาดตะรอวีหฺมี 20 ร็อกอะฮ์ในสมัยของท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ และการละหมาดตะรอวีหฺ 20 ร็อกอะฮ์นั้น เป็นอิจญฺมาอฺ(มติ)ของศ่อฮาบะฮ์ที่มีความเสถียรและมั่นคงในที่สุดและมีการปฏิบัติกันต่อเนื่องหลังจากนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
tags:
แสดงความคิดเห็น