
บทนำ
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَالصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلَى أَشْرَفِ الأَنْبِيَاءِ وَالْمُرْسَلِيْنَ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ...وَبَعْدُ
ทุกปีมักจะมีคำถามเกี่ยวกับการละหมาดตะรอวีหฺ ว่า มี 8 ร็อกอะฮ์ หรือมี 20 ร็อกอะฮ์ ว่าอย่างไหนดีกว่า ผมขอตอบว่าประเด็นนี้ไม่มีหลักฐานที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กำหนดร็อกอะฮ์ของละหมาดตะรอวีหฺแบบชัดเจนเอาไว้ แต่มีตัวบทหะดีษได้ระบุถึงความดีงามของการละหมาดตะรอวีหฺในแง่ของการละหมาดที่มีความศรัทธาเชื่อในสัญญาของอัลลอฮฺพร้อมกับมีความหวังและมีความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์นั้น พระองค์ก็จะอภัยโทษบาปที่ผ่านพ้นมาแล้วแก่เขา
ท่านอัลบุคอรีย์และมุสลิม รายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ
“ผู้ใดที่ดำรง(ละหมาด)ในเดือนร่อมะฎอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลลอฮฺ) และมีความบริสุทธิ์ใจ(หรือแสวงหาความเมตตาจากพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว”
ดังนั้น ประเด็นความดีงามของการละหมาดตะรอวีหฺมันอยู่ที่หัวใจของความศรัทธาต่อสัญญาของอัลลอฮฺตะอาลาและมีความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ และไม่ว่าจะละหมาดกี่ร็อกอะฮ์ ทุกคนก็มีเป้าหมายเดียวกันก็คือเพื่อแสวงหาความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺตาอาลา เพราะฉะนั้นเราจึงไม่นิยมความเลยเถิดและคลั่งไคล้ในทัศนะของตนจนเป็นเหตุต้องตัดสินทัศนะอื่น
อัลลอฮฺตะอาลาเท่านั้น เราวอนขอต่อพระองค์ทรงประทานความบริสุทธิ์ใจแก่เราในการรับใช้ศาสนาของพระองค์
อาริฟีน แสงวิมาน
สถาบันอัลกุดวะฮ์
ละหมาดตะรอวีหฺและคำนิยาม
คำว่าอัตตะรอวีหฺ (اَلتَّرَاوِيْحُ) หมายถึง การหยุดพัก และตามหลักภาษาอาหรับ เป็นพหุพจน์จากคำว่า อัตตัรวีหะฮ์ (اَلتَّرْوِيْحَةُ) ท่านอิบนุ มันซูรให้ความหมายว่า การเรียก “อัตตัรวีหะฮ์” (اَلتَّرْوِيْحَةُ) ในเดือนร่อมะฎอนนั้น เพราะผู้ที่ทำละหมาดจะทำการหยุดพักในทุกสี่ร็อกอะฮ์ ... และคำว่า อัตตะรอวีหฺ (اَلتَّرَاوِيْحُ) เป็นพหุพจน์จากคำว่า อัตตัรวีหะฮ์ (اَلتَّرْوِيْحَةُ) ซึ่งหมายถึง พักหนึ่งครั้ง...”(1)
หากพิจารณาความหมายในเชิงภาษา ก็ปรากฏชัดแล้วว่าการละหมาดตะรอวีหฺนั้นมีมากกว่า 8 ร็อกอะฮ์ เพราะการหยุดพักหนึ่งครั้ง (اَلتَّرْوِيْحَةُ) หลังจากละหมาด 4 ร็อกอะฮ์ หากหยุดพัก 2 ครั้ง (اَلتَّرْوِيْحَتَان) หลังจากละหมาดมาแล้ว 8 ร็อกอะฮ์ ดังนั้น การละหมาด 8 ร็อกอะฮ์ จึงไม่เรียกว่าละหมาด (اَلتَّرَاوِيْحُ) ในเชิงของคำนิยามละหมาดตะรอวีหฺ เนื่องจากคำว่าตะรอวีหฺ (اَلتَّرَاوِيْحُ) นั้น ต้องหยุดพักหลาย ๆ ครั้ง หรือมากกว่าสองครั้งขึ้นไป
ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์กล่าวว่า “การละหมาดตะรอวีหฺ คือการละหมาดยามค่ำคืนของเดือนร่อมะฎอน”(2)
ผู้ทำการละหมาดตะรอวีหฺคนแรก
ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือบุคคลแรกที่ทำการละหมาดตะรอวีหฺ อัลบุคอรีย์และมุสลิมรายงาน จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ
“ผู้ใดที่ยืนขึ้นมา(ละหมาด)ในเดือนร่อมะฎอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลลอฮฺ) และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว”(3)
مَنْ صَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ وَمَنْ قَامَ لَيْلَةَ الْقَدْرِ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ
“ผู้ใดถือศีลอดในเดือนร่อมะฎอนโดย มีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลลอฮฺ)และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของ พระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้วและผู้ใดยืนขึ้นมา(ละหมาด)ในคืนลัยละตุลก็อดรฺโดยมีความศรัทธาและแสวงหาการตอบแทน เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว”(4)
ท่านอิมามอัลบุคอรีย์ ได้รายงาน จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ความว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ صَلَّى ذَاتَ لَيْلَةٍ فِي الْمَسْجِدِ فَصَلَّى بِصَلَاتِهِ نَاسٌ، ثُمَّ صَلَّى مِنْ الْقَابِلَةِ فَكَثُرَ النَّاسُ، ثُمَّ اجْتَمَعُوا مِنْ اللَّيْلَةِ الثَّالِثَةِ أَوْ الرَّابِعَةِ فَلَمْ يَخْرُجْ إِلَيْهِمْ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَلَمَّا أَصْبَحَ قَالَ قَدْ رَأَيْتُ الَّذِي صَنَعْتُمْ، وَلَمْ يَمْنَعْنِي مِنْ الْخُرُوجِ إِلَيْكُمْ إِلَّا أَنِّي خَشِيتُ أَنْ تُفْرَضَ عَلَيْكُمْ وَذَلِكَ فِي رَمَضَانَ
“แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ละหมาดในค่ำคืนหนึ่งที่มัสยิด บรรดาผู้คนจึงได้การละหมาดตามการละหมาดของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หลังจากนั้น ท่านร่อซูลุลลอฮฺได้ทำการละหมาดในคืนต่อไป ผู้คนจึงมากขึ้น หลังจากนั้นพวกเขาได้ทำการละหมาดรวมกันในคืนที่สามหรือคืนที่สี่ โดยที่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้ออกมายังพวกเขา ดังนั้น เมื่อถึงเวลาซุบฮิ ท่านนบีได้กล่าวว่า ฉันได้เห็นสิ่งที่พวกท่านได้กระทำแล้ว โดยไม่มีสิ่งใดที่มาห้ามฉันให้ออกไปยังพวกท่าน นอกจากเสียว่า ฉันเกรงว่ามันจะถูกฟัรฎูเหนือพวกท่านต่างหาก และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอยู่ในช่วงของเดือนร่อมะฎอน”(5)
ท่านอัลบุคอรีย์ ได้รายงานเช่นกันว่า
عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَبْدٍ الْقَارِيِّ، أَنَّهُ قَالَ خَرَجْتُ مَعَ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ رضى الله عنه لَيْلَةً فِي رَمَضَانَ، إِلَى الْمَسْجِدِ، فَإِذَا النَّاسُ أَوْزَاعٌ مُتَفَرِّقُونَ يُصَلِّي الرَّجُلُ لِنَفْسِهِ، وَيُصَلِّي الرَّجُلُ فَيُصَلِّي بِصَلاَتِهِ الرَّهْطُ فَقَالَ عُمَرُ إِنِّي أَرَى لَوْ جَمَعْتُ هَؤُلاَءِ عَلَى قَارِئٍ وَاحِدٍ لَكَانَ أَمْثَلَ . ثُمَّ عَزَمَ فَجَمَعَهُمْ عَلَى أُبَىِّ بْنِ كَعْبٍ، ثُمَّ خَرَجْتُ مَعَهُ لَيْلَةً أُخْرَى، وَالنَّاسُ يُصَلُّونَ بِصَلاَةِ قَارِئِهِمْ، قَالَ عُمَرُ نِعْمَ الْبِدْعَةُ هَذِهِ، وَالَّتِي يَنَامُونَ عَنْهَا أَفْضَلُ مِنَ الَّتِي يَقُومُونَ . يُرِيدُ آخِرَ اللَّيْلِ، وَكَانَ النَّاسُ يَقُومُونَ أَوَّلَهُ
“จาก อับดุรเราะหฺมาน บุตร อับดุลกอรี เขากล่าวว่า ฉันได้ออกไปยังมัสยิดพร้อมกับท่านอุมัร อิบนุ ค็อฏฏอบ ในเดือนร่อมะฎอน ทันใดนั้นเราพบว่าประชาชนได้แยกกันเป็นกลุ่มๆ คนหนึ่งละหมาดคนเดียวตามลำพัง คนหนึ่งมีสองสามคนละหมาดตาม ท่านอุมัรได้กล่าวขึ้นว่า ถ้าหากพวกเขารวมกันละหมาดตามคนที่อ่านถูกต้องเพียงคนเดียวก็จะเป็นการดียิ่ง ต่อมาท่านอุมัรก็ได้รวบรวมผู้คนให้ละหมาดตามอุบัยย์ บิน กะอับ จากนั้นฉันได้ออกไปพร้อมกับท่านอุมัรในอีกคืนหนึ่ง โดยประชาชนกำลังละหมาดตามนักอ่านของพวกเขา ท่านอุมัรกล่าวว่า “นี่เป็นบิดอะฮ์ (สิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่) ที่ดี” และช่วงเวลาที่พวกเขานอนกันนั้น ดีกว่าช่วงเวลาที่พวกเขาละหมาด ท่านอุมัรหมายถึงช่วงเวลาท้ายคืน(นั้นละหมาดดีกว่า) แต่ประชาชนจะละหมาดในช่วงแรกของคืน”(6)
จำนวนร็อกอะฮ์ของละหมาดตะรอวีหฺ
นักปราชญ์แห่งประชาชาติอิสลามทั้งสะลัฟและค่อลัฟ ลงมติ (อิจญมาอฺ) ว่า การละหมาดตะรอวีหฺนั้นมี 20 ร็อกอะฮ์ ซึ่งเป็นทัศนะที่ถูกยึดถือโดยมัซฮับทังสี่ คือ มัซฮับหะนะฟีย์ มัซฮับที่เลื่องลือของมาลิกีย์ มัซฮับชาฟิอีย์ และมัซฮับฮัมบาลีย์ และปราชญ์สะลัฟท่านอื่นๆ
ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ สุนัน อัตติรมีซีย์ ว่า
وَأَكْثَرُ أَهْلِ الْعِلْمِ عَلَى مَا رُوِيَ عَنْ عُمَرَ وَعَلِيٍّ وَغَيْرِهِمَا مِنْ أَصْحَابِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عِشْرِينَ رَكْعَةً وَهُوَ قَوْلُ الثَّوْرِيِّ وَابْنِ الْمُبَارَكِ وَالشَّافِعِيِّ و قَالَ الشَّافِعِيُّ وَهَكَذَا أَدْرَكْتُ بِبَلَدِنَا بِمَكَّةَ يُصَلُّونَ عِشْرِينَ رَكْعَةً
“นักปราชญ์ส่วนมาก ได้ดำเนินอยู่กับสิ่งที่รายงานจากท่านอุมัรและท่านอะลี และท่านอื่นๆ จากบรรดาศ่อฮาบะฮ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า (ละหมาดตะรอวีหฺ) มี 20 ร็อกอะฮ์ และมันคือทัศนะของท่านซุฟยาน อัษเษารีย์, ท่านอิบนุ มุบาร็อก, ท่านอิมามอัชชาฟิอีย์, และท่านอิมามอัชชาฟิอีย์กล่าวว่า เช่นนี้แหละ ที่ฉันได้พบที่เมืองมักกะฮ์ของเรา พวกเขาได้ทำการละหมาด 20 ร็อกอะฮ์”(7)
ท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ ได้กล่าวว่า
وَرَأَيْتُهُمْ بِالْمَدِيْنَةِ يَقُوْمُوْنَ بِتِسْعٍ وَثَلاَثِيْنَ، وَأَحَبُّ إِلَيَّ عِشْرُوْنَ؛ لِأَنَّهُ رُوِيَ عَنْ عُمَرَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ، وَكَذَالِكَ يَقُوْمُوْنَ بِمَكَّةَ وَيُوْتِرُوْنَ بِثَلاَثٍ
“และฉันได้เห็นพวกเขาเหล่านั้น(ชาวมะดีนะฮ์)ที่นครมะดีนะฮ์ พวกเขาได้ทำการละหมาด 39 ร็อกอะฮ์(8) และที่รักยิ่งสำหรับฉันมากที่สุดคือ 20 ร็อกอะฮ์ เพราะได้รายงานจากท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ และเช่นดังกล่าวนี้พวกเขาได้ละหมาด 20 ร็อกอะฮ์ที่มักกะฮ์และทำละหมาดวิติร 3 ร็อกอะฮ์”(9)
โปรดติดตามตอนต่อไป
ดาวน์โหลด
tags:
แสดงความคิดเห็น