กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ มุอัลลัฟและความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลาม
Pages: 1234567
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 24, 2008, 08:25 AM
ฮิกมะฮ์การห้ามดอกเบี้ย


1. เป็นการทำลายเกียรติทรัพย์สินของมุสลิมด้วยการเอาเงินเพิ่มโดยมิได้มาด้วยการแลกเปลี่ยน

2. สร้างความเดือนร้อนแก่คนยากจน  เพราะส่วนมากผู้ให้กู้ยืมจะร่ำรวย  ส่วนผู้ขอกู้เป็นคนจน  เมื่อคนรวยเอาเงินมากกว่าสิ่งที่ให้กู้ไป  ก็จะสร้างความเดือดร้อนแก่คนจน

3. ไร้ความดีงามและความเห็นอกเห็นใจในเรื่องการกู้ยืมซึ่งกันและกัน
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 24, 2008, 08:44 AM
ฮิกมะฮ์ผู้อ่านคุฏบะฮ์ถือไม้เท้าด้วยมือซ้าย


สุนัตให้ผู้ทำการอ่านคุฏบะฮ์ยืนค้ำด้วยดาบ หรือไม้เท้า  หรืออื่น ๆ  เช่น  คันธนู  เพราะมีฮะดิษรายงานโดยอบูดาวูด  ด้วยสายรายงานที่ฮะซัน  ความว่า

"ในช่วงวันเหล่านั้นเราได้ทำการละหมาดญุมุอะฮ์พร้อมกับท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้น  ท่านจึงยืน(คุฏบะฮ์) โดยยืนค้ำบนไม้เท้าหรือคันธนู"  (1098)

"ฮิกมะฮ์ในสิ่งดังกล่าว  ชี้ให้เห็นว่า  ศาสนาอิสลามดำรงอยู่ด้วยการต่อสู้  ด้วยเหตุนี้  สุนัตให้ไม้เท้าหรือคันธนูอยู่มือซ้าย  ซึ่งเหมือนกับธรรมเนียมปฏิบัติของผู้ที่ต้องการทำการญิฮาด (คือถือดาบมือซ้ายและชัดดาบมือขวาหรือถือคันธนูมือซ้ายยิงดอกธนูมือขวา)  ส่วนมือขวานั้น  ก็ให้จับขอบมิมบัร  ดังนั้น  หากผู้ทำการคุฏบะฮ์ไม่พบสิ่งใดเลย(คือไม่มีไม้เท้า เป็นต้น) ก็ให้มือทั้งสองข้างนิ่งอย่างนอบน้อม  โดยทำให้มือขาวอยู่บนมือซ้ายหรือปล่อยมือทั้งสอง"  ดู หนังสือ  มุฆนิลมั๊วะตาจญ์ 1/529 ของท่าน อิมาม คอฏีบ อัชชัรบีนีย์


Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 24, 2008, 08:52 AM
อะไรคือฮิกมะฮ์ที่อิสลามมีบทในเรื่องอัฏเฏาะฮาเราะฮ์(ความสะอาด)?


อิสลามได้วางบทบัญญัติเรื่องความสะอาด  เพราะมีฮิกมะฮ์หลายประการ  อาธิ  เช่น

1.  ความสะอาด  เป็นสิ่งที่ธรรมชาติบริสุทธิ์เรียกหา  มนุษย์จะโอนเอียงเข้าหาความสะอาดโดยธรรมชาติ  และจะมีตีตัวออกห่างจากความสกปรกโสมม  และเมื่ออิสลามเป็นศาสนาธรรมชาติ  จึงเป็นเรื่องปกติที่อิสลามจะต้องบัญชาให้ทำความสะอาด  และรักษาความสะอาด

2.  เป็นการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของมุสลิม  มนุษย์โดยทั่วไปมีนิสัยชอบคนที่สะอาด  และประสงค์จะคบหากับคนที่สะอาด  และนั่งร่วมวงกับคนที่สะอาด  มนุษย์โดยทั่วไปจะเกลียดความสกปรก  ดูหมิ่น  ตีตัวออกห่าง  และไม่ประสงค์นั่งร่วมวงกับคนที่สกปรก  และเมื่ออิสลามมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะให้มุสลิมเป็นคนมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีจึงได้บัญชาให้มุสลิมเป็นคนสะอาด  เพื่อที่จะได้อยู่ท่ามกลางผู้คนอย่างมีเกียรติและสมศักดิ์ศรี

3.  รักษาสุขภาพอนามัย  ความสะอาดเป็นสาเหตุสำคัญท่จะทำให้มนุษย์ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่  ที่แพร่กระจายไปในหมู่ผู้คนนั้น  ก็เนื่องจากความสกปรกเป็นต้นเหตุ  ดังนั้นการทำความสะอาดร่างกาย  ด้วยการล้างหน้า  มือทั้งสองข้าง  จมูก  เท้าทั้งสองข้าง  ทุกวัน ๆ ละหลายครั้ง  ย่อมทำให้ร่างกายปราศจากโรคต่าง ๆ

4. หยุดอยู่ต่อหน้าองค์อภิบาลด้วยความสะอาด  ขณะที่มนุษย์ทำละหมาดนั้น  เขากำลังโต้ตอบและกระซิบกระซาบอยู่กับองค์อภิบาลของเขาอย่างใกล้ชิด  เขาย่อมต้องระมัดระวังในความสะอาดทั้งภายนอกและภายใน  คือ  สะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ  เพราะอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงโปรดผู้ที่กลับตัว  และทรงโปรดผู้ที่สะอาด

Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 24, 2008, 09:24 AM
ฮิกมะฮ์การจ่ายซะกาต


ฮิกมะฮ์การจ่ายซะกาตและผลประโยชน์ของมันนั้น  จะสะท้อนกลับไปสู่ผู้ให้และผู้รับ  และก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งส่วนบุคคลและส่วนรวม  ดังจะกล่าวต่อไปนี้

1.  ซะกาตทำให้ผู้จ่ายเคยชินกับความเสียสละและบริจาค  และช่วยความขจัดความตระหนี่เหนียวแน่นออกไปจากจิตใจของเขา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ประสบกับผลที่เกิดขึ้นของมันด้วยตนเอง  และเขาจะรำลึกอยู่เสมอว่า  ซะกาตจะทำให้ทรัพย์สินเพิ่มพูนขึ้นยิ่งกว่าจะทำให้ลดน้อยลง  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "การบริจาคจะไม่ทำให้ทรัพย์ลดน้อยลง" รายงานโดยมุสลิม (2588)  ดังนั้นทรัพย์สินจะลดน้อยได้อย่างไร? ในเมื่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา  จะเพิ่มพูนให้เพราะการบริจาคด้วยการไม่ให้เขาและครอบครัวต้องประสบกับโรคภัยไข้เจ็บ  ไม่ให้มีใครปองร้ายเขาและทรัพย์ของเขา  และอัลเลาะฮ์จะเอื้ออำนวยให้เขาพบลู่ทางที่จะทำให้ทรัพย์สินของเขางอกเงยขึ้นอย่างง่ายดาย ทั้งนี้นอกเหนือจากผลบุญอันยิ่งใหญ่ที่เขาจะได้รับตอบแทนจากพระองค์

2.ทำให้สายสัมพันธ์แห่งความเป็นพี่น้องและความรักระหว่างผู้ให้กับผู้รับมั่นคงเหนียวแน่นและถ้าหากรุกุ่นอิสลามข้อนี้ถูกยกขึ้นมาปฏิบัติอย่างแพร่หลายในสังคม  และมุสลิมทุกคนที่ครอบครองซะกาตได้จ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับอย่างครบถ้วน  เราก็จะเห็นภาพความสนิทสนมซึ่งสายใยของมันอย่างสอดประสานสังคมมุสลิมให้แน่นอนแฟ้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างชัดเจนที่สุด  และถ้าหากปราศจากความสนิทสนมนี้  สังคมก็จะเกิดความอคติต่อกันได้  ซึ่งโดยหน้าที่ของมันแล้วจะต้องก่อติดและยึดกันแน่นดุจดังอาคารและมีความอาทร  มีความรักต่อกันดุจร่างเดียวกัน

3. ซากาตจะช่วยให้สมาชิกในสังคมสามารถพึ่งพาตนเองได้  ไม่ว่าจะมีเหตุใดเกิดขึ้นอันจะนำไปสู่ความแตกต่างทางสังคมหรือทำให้เกิดความยากจนขัดสนขึ้นในสังคม  ซะกาต  ถือได้ว่าเป็นกลไกเพียงอย่างเดียว  ที่จะช่วยค้ำประกันและรักษาสังคมให้พ้นจากความแตกต่างทางชนชั้น  และให้พ้นจากความยากจนและความขัดสนที่ได้ผลที่สุด

4. ซากาตจะช่วยขจัดปัจจัยและสาเหตุของการว่างงานให้หมดไป  เพราะสาเหตุสำคัญของการว่างงาน  ก็คือการไม่มีเงินทุนที่จะนำไปใช้ในกิจการของตน  และเมื่อบัญญัติเรื่องซะกาตถูกนำมาปฏิบัติคนจนก็จะได้รับซะกาตไปเป็นทุนเพื่อดำเนินกิจการที่เหมาะสมกับความชำนาญและความสามารถของตน

5. ซะกาตเป็นแนวทางเดียวเท่านั้นที่จะชำระจิตใจให้สะอาด  จากความอาฆาตมาดร้ายและจากความอิจฉาริษยา  ซึ่งเป็นสนิมร้ายที่เกาะกินสังคมในยามที่ความเมตตาสงสาร  ความช่วยเหลือ  และเอื้ออาทรต่อกันหายเหือดหายไป  และสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่จะแสดงออกได้โดยทางคำพูด  แต่ต้องอาศัยการกระทำ  ผลของมันก็จะปรากฏออกมา  อัลเลาะฮ์ตาอาลา  ทรงตรัสยืนยันไว้ว่า  "ท่านจงเก็บเอาส่วนหนึ่งจากทรัพย์สินของพวกเขาเป็นซะกาต  ซึ่งมันจะชำระพวกเขาให้สะอาด และท่านจะใช้มันขัดเกลาพวกเขาให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง" อัตเตาบะห์ 103  ( อัลฟิกห์ 41 - 42)

Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: - ครูจริงใจ- Date: ก.พ. 24, 2008, 09:34 AM
ฮิกมะห์ในการบัญญัติเรื่องอุดฮียะห์ ( สัตว์กุรบาน
)





           สิ่งที่ควรทราบก็คือ อุดฮียะห์นั้นเป็นอิบาดะห์  และนอกจากการเชื่อดอุดฮียะห์ จะเป็นการยอมจำนนต่อคำบัญชาต่ออัลลอฮฺ ตาอาลาในความหมายของความเป็น  “ บ่าว “ แล้วในอุดฮียะห์ก็ยังมีฮิกมะห์และประโยชน์อื่นๆ อีก
            ความหมายที่ชัดเจนและยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวข้องกับอุดฮียะห์ ก็คือ  เป็นการฟื้นฟูความหมายของการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ท่านนบี อิบรอฮีม ( อ.ล. ) ได้กระทำไว้ขณะที่อัลลอฮฺ ตาอาลาได้ทรงทดสอบนบีอิบรอฮีม โดยการบัญชาให้เชือดบุตรชายของตน ( นบีอิสมาอีล ) และต่อมาอัลลอฮฺได้ไถตัวบุตรชายของเขาด้วยแกะที่พระองค์ประทานลงมา และมีคำสั่งให้เชือดแกะตัวนั้นแทนบุตรชาย  หลังจากนบีอิบรอฮีมและบุตรชายได้พยายามบฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ให้เป็นความจริงอย่างถึงที่สุดแล้ว
            และที่เกินไปกว่านั้น ก็คือ เป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่คนยากไร้และคนที่ขัดสน และทำให้คนในครอบครัวมีความดีใจและปิติยินดีในวันอีด และเป็นการเสริมสร้างความผูกพันธ์ระหว่างสมาชิกในสังคมมุสลิมให้เกิดความมั่นคงเหนียวแน่น

Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: قطوف من أزاهير النور Date: ก.พ. 24, 2008, 09:46 AM
ฮิกมะฮฺ เรื่องความลับของโลกแห่งความตาย


ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่ว่ายุคไหนก็ตาม  สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ เทคโนโลยี  มนุษย์มีความปลาบปลื้มกับวิทยาการที่เขาคิดค้นขึ้น มนุษย์ดีอกดีใจที่สามารถพัฒนาในศาสตร์บางอย่างโดยเรียกสิ่งนั้นว่า "การเอาชนะธรรมชาติ"

มนุษย์เย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับว่าความรู้ของตนเองเป็นเศษเสี้ยวของจักรวาล
และทั้งหมดของความรู้อันน้อยนิดของมนุษย์มาจากพระเจ้าทั้งหมดเสียด้วย


ความตาย และความเร้นลับหลังความตายเป็นหนึ่งในความรู้ที่พระเจ้าเก็บไว้เพื่อให้มนุษย์รับรู้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง และหันไปหาพระเจ้าในที่สุด


แต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้ .. ว่าเขาไม่รู้ ..


Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 24, 2008, 10:00 AM
ฮิกมะฮ์การห้ามปล่อยเล็บยาว


การตัดเล็บเป็นส่วนหนึ่งจากซุนนะฮ์ของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ซึ่งท่านได้กล่าวว่า "ซุนนะฮ์นั้นมี 5 อย่าง  คือ  การคิตาน  การโกนขนลับ  การขลิบหนวด  และการตัดเล็บ" รายงานโดยมุสลิม  ดังนั้นผู้ใดที่ไม่ตัดเล็บ เขาย่อมขัดกับซุนนะฮ์ที่บริสุทธิ์  และฮิกมะฮ์ในการตัดเล็บก็เพื่อความสะอาดจากสิ่งสกปรกที่อยู่ภายใต้เล็บ และเพื่อจะเลี่ยงจากการไปคล้ายกับพวกกุฟฟารที่ปล่อยเล็บ  และคล้ายคลึงกับสัตว์ที่มีเขี้ยวเล็บ  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  "พวกท่านจงตัดเล็บเพราะชัยฏอนนั้นมันจะนั่งอยู่ภายใต้เล็บที่ยาว" ปัจจุบันสามารถส่งกล้องจุลทัศน์ใต้เล็บที่ยาวปรากฏว่าพบเชื้อโรคมากมาย  ซึ่งจะแพร่ไปสู่ปากและภายในร่างกายของเราทางด้านการกินการดื่ม  ดังนั้นการที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ใช้คำว่า "ชัยฏอน" ก็ย่อมหมายถึง สิ่งสกปรก  เชื้อโรค  ด้วยเช่นกัน

Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: - ครูจริงใจ- Date: ก.พ. 24, 2008, 10:09 AM
ฮิกมะห์ในการห้ามอาบน้ำวายิบในน้ำนิ่ง





             ฮาดิษที่มุสลิม ( 283 ) และผู้อื่นได้รายงาน
       จากท่านอบีฮูร็อยเราะห์  ( ร.ด.) ว่าท่านนบี ( ซ.ล. ) ได้กล่าวว่า “ คนใดในหมู่พวกท่านอย่าอาบน้ำในน้ำนิ่งในสภาพที่เขามียูนุบ   พวกเขาถามว่า :  อบีฮูร็อยเราะห์เอ๋ย   แล้วเขาจะทำอย่างไร  ? อบีฮูรอยเราะห์ตอบว่า  :  ให้เขาตักขึ้นอาบ “    โดยใช้มือวัก หรือใช้ภาชนะเล็กๆ ตัก และให้เขาตั้งเจตนาวักน้ำ ถ้าหากน้ำนั้นมีน้อย เพื่อไม่ให้น้ำนั้นกลายเป็นน้ำ  “ มุสตะอฺมั้ล “ โดยการสัมผัสกับส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย หรื่อให้วักน้ำมาเล็กน้อย จากภาชนะใส่น้ำก่อนเนียตยกฮาดัษญูนุบ จากนั้นให้เนียต และใช้น้ำนั้นล้างมือของเขา แล้วจึงใช้มือวักน้ำได้
       ฮิกมะห์ของการห้ามดังกล่าว คือ :  อารมณ์ของมนุษย์ มักมีความรังเกียจที่จะใช้ประโยชน์จากน้ำที่ใช้ประโยชน์แล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด , และอีกประการหนึ่งก็ คือ เป็นการทำให้สูญเสียน้ำไปโดยไร้ประโยชน์  โดยทำให้น้ำนั้นไม่สามารถนำไปใช้ทำความสะอาดได้ ถ้าหากน้ำนั้นมีน้อยกว่า 2 กุลละห์ เพราะน้ำนั้นจะกลายเป็นน้ำมุสตะอฺมั้ล โดยเพียงแต่ลงไปอาบเท่านั้น ในขณะที่คนส่วนใหญ่ต้องการจะใช้ประโยชน์จากน้ำนิ่ง ดังนั้นจึงห้ามลงไปอาบน้ำในน้ำนั้น

Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: Muftee Date: ก.พ. 24, 2008, 10:14 AM
โอ้โห....ทำไมฮิกมะฮฺ  เยอะแยะขนาดนี้...

ฉุดยอดเรยนิ......เอาอีก  จะอ่านอีก.....
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: philosophy Date: ก.พ. 24, 2008, 11:02 AM
 salam
جزاك الله خيرا الجزاء
 myGreat:
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 24, 2008, 06:18 PM
ฮิกมะฮ์การจ่ายซะกาตฟิต์ิ


ซะกาตฟิตร์ถูกตราเป็นบัญญัติในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่สอง  เช่นเดียวกับการถือศีลอดในเดือนรอมะดอน  และจากฮะดิษที่ว่า "ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กำหนดซะกาตฟิตร์  เพื่อชำระผู้ถือศีลอดให้สะอาดจากคำพูดที่ไร้สาระ  และหยาบคาย และเพื่อเป็นอาหารแก่คนยากจน" รายงานโดยอบูดาวูด  ซึ่งเป็นฮะดิษที่ชี้ชัดว่าเคล็ดลับในการกำหนดซะกาตฟิตร์  ก็คือสนองความต้องการของผู้ยากไร้และขัดสน  ให้ได้มีอาหารไว้รับประทานอย่างสมบูรณ์  และเพื่อสร้างความปิติยินดีแก่พวกเขา  จนไม่เกิดความรู้สึกขมขื่นและโดดเดี่ยวในความยากจนและขัดสน  ในช่วงเวลาที่มุสลิมทุกคนต่างก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม  มีอาหารการเกินอย่างอิ่มหนำสำราญเนื่องในการฉลองวันอีด  ซึ่งก็อยู่ในความหมายของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และอาทรต่อกันของมวลมุสลิมนั่นเอง  และการจ่ายซะกาตฟิตร์  ก็ยังเป็นการนำตนให้เข้าใกล้ชิดอัลเลาะฮ์ ตาอาลา อีกด้วย  และเป็นการขจัดความผิดต่าง ๆ ที่ผู้ถือศีลอดอาจกระทำขึ้นขณะถือศีลอด  เพราะผลของความนั้นย่อมลบล่างบาปความชั่วออกไปได้

ท่านวะเกียะอฺได้กล่าวว่า  : ซะกาตฟิตร์สำหรับรอมาดอน  ก็เหมือนกับสุหยูดซะวีย์ในละหมาด  ซะกาตฟิตร์จะชดเชยความบกพร่องของการถือศีลอด  เช่นเีดียวกับสุหยูดซะฮ์วีชดเชยความบกพร่องของละหมาด

ท่านร่อซูุลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  "ท่านจงทำความดีติดตามความชั่วเถิด  เพราะความดีสามารถลบล้างความชั่วได้" รายงานโดยอะห์มัดและติรมีซีย์(อัลฟิกห์ 2/83)
บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 24, 2008, 06:46 PM
อะไรคือฮิกมะฮ์ต้องรอกั๊วะในละหมาดหนึ่งครั้งและสุหยูดสองครั้ง?ฺ


อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงบัญญัติละหมาดเหนือปวงบ่าว  ให้ทำการรอกั๊วะหนึ่งครั้งและสุยูดสองครั้งในทุก ๆ รอกะอัต  ดังนั้นท่านญิบรีลจึงได้นำมาสอนท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็ได้กล่าวว่า  "พวกท่านจงละหมาดเหมือนพวกท่านเห็นฉันละหมาดเถิด" รายงานโดยบุคอรีย์  ส่วนฮิกมะฮ์ในการสุหยูดสองครั้งในทุก ๆ ระกออัตนั้น  เพราะสุหยูดมีความนอบน้อมย่อมตนลึกล้ำยิ่งกว่า  เพราะผู้ละหมาดนั้น  ขณะเขาได้นมัสการต่ออัลเลาะฮ์ด้วยการยืน  รอกั๊วะ  และสุยูด  เขาย่อมแสดงถึงความเป็นข้ารับใช้อย่างที่สุด  หลังจากนั้นพระองค์ก็อนุญาตให้ทำการนั่งเพื่อแสดงความเป็นข้ารับใช้เยี่ยงผู้เป็นบ่าว  แล้วทำการสุหยูดสองครั้งเพื่อเป็นการชุโกรและขจัดการหลอกลวงจากชัยฏอนที่มีต่อปวงบ่าวของอัลเลาะฮ์ผู้ทรงเมตตา



Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 24, 2008, 07:57 PM
ฮิกมะฮ์ของการละหมาด


เคล็ดลับหรือฮิกมะฮ์ของการละหมาดมีมากมายหลายประการ  ซึ่งสรุปได้ดังนี้ :

1. เป็นการเตือนให้มนุษย์รู้จักตนเองว่าเป็นบ่าวของอัลเลาะฮ์ผุ้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรเพื่อระลึกไว้ตลอดไป  โดยที่กิจการงานในทางโลกและความสัมพันธ์กับผุ้อื่นอาจทำให้มนุษย์หลงลืมตนเอง  แต่เมื่อถึงเวลาละหมาดมันจะทำให้เขานึกขึ้นได้อีกครั้งหนึ่งว่าตนเป็นบ่าวของอัลเลาะฮ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร

2. เพื่อให้ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของมนุษย์ว่าไม่มีผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือและให้ความสุขที่แท้จริงนอกจากอัลเลาะฮ์  ผู้ทรงเกรียงไกรเท่านั้น  แม้เขาจะพบเห็นในโลกนี้ว่ามีสื่อและสาเหตุมากมายที่ดูเพียงผิวเผินแล้ว  ช่วยเหลือและให้ความสุข  แต่แท้ที่จริงแล้วอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ให้สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องอำนวยความสะดวกสบายแก่มนุษย์เท่านั้น  ทุกครั้งที่มนุษย์หลงลืมและปล่อยตัวไปกับสื่อต่าง ๆ ที่เป็นเพียงผิวเผิน การละหมาดจะเป็นสิ่งคอยเตือนเขาว่าที่แท้จริงนั้นมาจากอัลเลาะฮ์ตะอาลาเพียงองค์เดียว  พระองค์ทรงช่วยเหลือ  ทรงให้ความสุข  ทรงให้โทษ  ทรงให้คุณ  ทรงให้เป็น  และทรงให้ตาย

3. มนุษย์จะได้ใช้ละหมาดเป็นช่วงเวลาของการสำนึกผิด  จากความผิดต่าง ๆ ที่เขาได้ก่อขึ้นเนื่องจากในช่วงวันหนึ่งกับคืนหนึ่งนั้น  มนุษย์ต้องเผชิญกับบาปและความผิดต่าง ๆ มากมาย  ทังที่เขารู้ตัวและอาจไม่รู้ตัว  ดังนั้นการละหมาดระหว่างเวลาหนึ่ง  จะช่วยขัดเกลาเขาให้สะอาดบริสุทธิ์จากบาปและความผิดต่าง ๆ ได้  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวอธิบายเรื่องดังกล่าวไว้ในฮะดิษซึ่งรายงานโดยมุสลิม (668)  จากท่านญาบิร บุตร อับดิ้ลลาห์  ได้กล่าวว่า "เปรียบละหมาดห้าเวลาเหมือนแม่น้ำที่มีน้ำมากไหลผ่านประตูบ้านคนใดคนหนึ่งในพวกท่าน  โดยที่เขาอาบน้ำจากแม่นั้นทุกวัน ๆ ละห้าครั้ง" ญาบิรได้กล่าวว่า  "ฮะซันได้กล่าวว่า : การกระทำดังกล่าวจะทำให้มีสิ่งสกปรกใดเหลืออยู่อีกไหม?"  (หมายความว่า "สิ่งสกปรก" ในที่นี้หมายถึงบาปต่าง ๆ ซึ่งตามรายงานของอะบีฮุรอยเราะฮ์ (ร.ด.) ที่มุสลิม (667) ได้บ่างชี้เช่นนั้น  คือ "นั่นก็เหมือนกับละหมาดหน้าเวลาที่อัลเลาะฮ์จะทรงใช้มันลบล้างบาปต่าง ๆ"

4. ละหมาดเป็นเสมือนอาหารที่หล่อเลี้ยงหลักศรัทธา (อะกีดะฮ์) ที่อยู่ในจิตใจ  ความเพลิดเพลินในดุนยาและการลวงล่อของชัยตอน  จะทำให้มนุษย์หลงลืมหลักอะกีดะฮ์นี้  ถึงแม้จะถูกปลูกฝังอยู่ในจิตใจแล้วก็ตาม  และเมื่อมนุษย์ตกอยู่ในความหลงลืม  ในลักษณะเช่นนี้อย่างต่อเนื่องด้วยเหตุที่จมปลักอยู่ในอารมณ์ใฝ่ต่ำ  และเพื่อนฝูงที่เลวคอยชัดนำ  ความหลงลืมนี้จะเปลี่ยนเป็นการปฏิเสธและไม่ยอมรับเหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำล่อเลี้ยงก็จะเหี่ยวเฉาและตายไปในที่สุด  และในไม่ช้าต้นไม้นั้นก็จะกลายเป็นฟืนที่ไร้ค่า  แต่มุสลิมที่ยืนหยัดปฏิบัติละหมาดอย่างสม่ำเสมอ  ละหมาดนั้นก็จะเป็นอาหารคอยหล่อเลี้ยงความมีศรัทธาของเขาให้สดชื่นและงอกงาม  ความเพลิดเพลินในดุนยาไม่อาจทำให้ศรัทธาของเขาอ่อนแอและตายได้ (อัลฟิกห์ 1/88-89)
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 25, 2008, 12:16 PM
ฮิกมะฮ์ในการบัญญัติละหมาดเคาฟ์(ละหมาดในยามหวาดกลัว)


ฮิกมะฮ์จากบัญญัติ  วิธีการต่าง ๆ เหล่านี้ในละหมาดก็เพื่อให้เกิดความสะดวกและกว้างขวางแก่มุกัลลัฟ  เพื่อให้สามารถปฏิบัติฟัรดูนี้ได้  โดยที่เขามีความต้องการอย่างยิ่ง  ที่จะติดต่อกับองค์อภิบาลของเขาผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรเพื่อขอความช่วยเหลือ  และชัยชนะจากพระองค์  เขาจะสามารถข่มขวัญพวกผู้ไร้ศรัทธาได้ในสมรภูมิ  หัวใจของเขาจะสงบนิ่งอยู่กับการรำลึกถึงองค์อภิบาลของเขา  และจะเกิดความมั่นในชัยชนะ  เขาจะสามารถยืนหยัดมั่นคงในสมรภูมิ  จนกระทั่งความโป้ปดมดเท็จพินาจย่อยยับและชัยตอนตกเป็นของฝ่ายสัจจธรรม  อัลเลาะฮ์ทรงสัจจะที่พระองค์ได้ตรัสว่า

"โอ้บรรดาผู้มีศรัทธา  เมื่อพวกเขาพบกับพวกศัตรู  พวกเจ้าจงยืนหยัดอย่างมั่นคง  และรำลึกถึงอัลเลาะฮ์อย่างมากมาย  แน่นอนพวกเจ้าจะชนะ" อัลอันฟาล 45

และที่สมควรกล่าวถึง  ก็คือ  การละหมาดในยามหวาดกลัว  ด้วยวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ ดังได้กล่าวมาแล้วนั้น  ทหารมุสลิมสามารถจะดำรงละหมาดไว้ไดว้โดยไม่ยากลำบาก  ไม่ว่ารูปแบบ  และสื่อในการรบจะเป็นเช่นไร  และไม่ว่าจะเป็นเวลาใดและในถานที่ใดก็ตาม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การสู้รบที่ไม่ต้องมีการเผชิญหน้ากันโดยตรงของทหาร  ดังเช่นในปัจจุบัน  ในการสู้รบสมัยใหม่
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 25, 2008, 12:18 PM
อะไรคือฮิกมะฮ์ในการอาบน้ำละหมาด?


"ความสะอาดเป็นสาเหตุสำคัญท่จะทำให้มนุษย์ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่  ที่แพร่กระจายไปในหมู่ผู้คนนั้น  ก็เนื่องจากความสกปรกเป็นต้นเหตุ  ดังนั้นการอาบน้ำละหมาด  ด้วยการล้างหน้า  มือทั้งสองข้าง  จมูก  เท้าทั้งสองข้าง  ทุกวัน ๆ ละหลายครั้ง  ย่อมทำให้ร่างกายปราศจากโรคต่าง ๆ