Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: - ครูจริงใจ- Date: พ.ค. 07, 2008, 10:32 PM
ฮิกมะห์การบัญญัติเอี๊ยะติกาฟ
มุสลิมจำเป็นต้องเป็นผู้ที่หักห้ามอารมณ์ปรารถนาของตนเองอยู่ตลอดเวลา แม้บางครั้งเป็นปรารถนาที่ศาสนาอนุมัติก็ตาม ทั้งนี้เพื่อทำตัวให้ว่าง เพื่อการทำอีบาดัตต่ออัลลอฮ์ตาอาลา และเพื่ออารมณ์ปรารถนาของตนโน้มเอียงมาสู่ความรักในอัลลอฮฺ และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตนเองเกิดความยินดีที่จะสลัดความชั่วทิ้งไปจากอารมณ์ปรารถนาของเขา แท้ที่จริงอารมณ์ปรารถนานั้นมักคอยแต่จะบงการไปสู่ความชั่ว และเร่งเร้าไปสู่ความเลวทรามต่ำช้า
อัลลอฮฺ ตาอาลาตรัสว่า
แท้จริงอารมณ์นั้นคอยแต่จะบงการปสู่ความชั่ว เว้นแต่บุคคลที่อัลลอฮฺจะเมตตาเขา.
( ยูซุฟ : 53 )
การดิ้นรนเพื่อหาความสุขในโลกนี้ ยิ่งจะเพิ่มบทบาทของอารมณ์ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น มนุษย์จะไม่สนใจว่าปัจจัยที่ตนได้มาเพื่อหาความสุขนั้น ฮะลาลหรือฮะรอม และมนุษย์ก็จะยิ่งเตลิดไปตามอารมณ์ปรารถนาของตน อย่างยากที่จะสยบมันลงได้ นอกจากจะได้รับการเพาะบ่ม และขัดเกลาอยู่ภายในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของการตออัตและภักดีต่ออัลลอฮฺ ภายในมัสยิดอันสงบ มุสลิมสามารถเรียกจิตใจที่เตลิดของตนกลับคืนมาให้ได้รับการขัดเกลาด้วยอิบาดัตต่างๆ
ด้วยเหตุนี้การเอียะอฺติกาฟจึงถูกบัญญัติมา เพื่อให้จิตใจได้สงบ เพื่อขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์และให้สลัดทิ้งอารมณ์ปรารถนาที่เร่าร้อนต่างๆ
วัลลอฮู อะลัม

Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ม.ค. 25, 2009, 01:36 PM
ฮิกมะฮ์การอ่านดังและอ่านค่อยไปละหมาด
การที่อิมามอ่านอัลฟาติฮะฮ์และซูเราะฮ์ดังในละหมาด เพื่อให้บรรดามะมูมได้ยินเพื่อทำการใคร่ครวญพิจารณาความหมายของอัลกุรอาน ดังนั้นการผลประโยชน์ของการอ่านจึงมีแก่มะมูม ฉะนั้นการอ่านซูเราะฮ์ของอิมามจึงเสมือนว่าเป็นการอ่านของมะมูมด้วย
ดังนั้นการอ่านดังจะไม่มีในช่วงเวลาละหมาดตอนกลางวัน เพราะส่วนมากแล้วผู้คนที่ไปละหมาดญะมาอะฮ์จะอยู่ในช่วงของการทำงานประกอบอาชีพ บางครั้งหัวใจของพวกเขาจะขวักไขว่อยู่กับการงานที่เขาได้กระทำค้างคาไว้อยู่ ซึ่งดังกล่าวจึงทำการพิจารณาใคร่ครวญจะลดน้อยลงไป ยิ่งกว่าอาจจะทำให้ตกอยู่ในบาปหากได้ยินอัลกุรอานแล้วไม่ค่อยใคร่ครวญ แต่แตกต่างกับการละหมาดในช่วงกลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เสร็จสิ้นจากภาระกิจและการประกอบอาชีพแล้ว หัวใจของพวกเขาจึงพร้อมที่จะรับฟังอัลกุรอานและใคร่ครวญยิ่งกว่า
วัลลอฮุอะลัม
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-firdaus~* Date: ม.ค. 26, 2009, 09:47 AM
ฮิกมะฮ์การนอนตะแคงขวา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น เมื่อท่านต้องการที่จะนอน ท่านก็จะนอนเอียงตะแคงขวา โดยวางฝ่ามือขวาให้อยู่ใต้แก้มข้างขวาของท่าน ดังกล่าวเพราะสุนัตให้ทำการนอนตะแคงข้างขวาเพื่อทำให้ตื่นเร็ว และไม่ให้หัวใจมีการหลับไหล เนื่องจากหัวใจนั้นอยู่ข้างซ้าย
1. สุนัตให้ทำการนอนตะแคงข้างขวา เพราะหลักการโดยรวมนั้นชอบข้างขวาหรือด้านขวา และการนอนข้างขวาจะทำมีสุขภาพที่ดียิ่งกว่าสำหรับร่างกาย อีกทั้งยังทำให้ตื่นง่ายอีกด้วย
2. การนอนนั้นเป็นน้องของความตาย ซึ่งการนอนตะแคงขวาเป็นลักษณะของการนอนในกุบูรขณะที่มัยยิดถูกวางลงหลุม
3. การตื่นนอนอยู่ในตำแหน่งของการฟื้นคืนชีพ
กระทู้อ้างอิง http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2678.0วิทยาการอิสลามกับการนอนตะแคงขวาอิสลามได้สอนมารยาทต่าง ๆ ในการนอน ไม่ว่าจะก่อนนอน ขณะนอน หรือหลังจากตื่นนอน และหนึ่งในคำสอนของอิสลามคือ ให้นอนตะแคงขวา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า:
إِذَا أَتَيْتَ مَضْجَعَكَ فَتَوَضَّأْ وُضُوءَكَ لِلصَّلَاةِ ثُمَّ اضْطَجِعْ عَلَى شِقِّكَ الْأَيْمَنِ
ความว่า: เมื่อท่านต้องการที่จะเข้านอนก็จงเอาน้ำละหมาดเพื่อละหมาด หลังจากนั้นก็จงนอนตะแคงขวา (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ 329)
ท่านอิบนุก็อยยิมได้กล่าวไว้ในหนังสือ ซาดุลมะอาด (4/166) ว่า: และท่านอนที่ให้ประโยชน์มากที่สุดคือ การนอนตะแคงขวา เพราะอาหารในกระเพาะจะอยู่ในท่านี้ได้ดี เพราะกระเพาะจะค่อนอยู่ทางซ้ายเล็กน้อย ... และการนอนตะแคงซ้ายบ่อย ๆ จะเป็นอันตรายต่อหัวใจ เพราะอวัยวะต่าง ๆ จะโถมทับมัน...
ท่านอนคว่ำ เป็นท่านอนที่ทำให้หายใจติดขัด ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลัง หรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นเวลานาน ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำจึงควรใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต้นคอ โดยท่านอนคว่ำนี้ถือว่าเป็นท่านอนที่ไม่ดี เพราะการนอนคว่ำนั้นจะทำให้กระดูกสันหลังส่วนเอวโค้งไปทางด้านหน้ามากขึ้น นอกจากนี้ เวลาเรานอนคว่ำก็ต้องตะแคงหน้าไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะทำให้กระดูกต้นคอบิดไปด้วย (ข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. )
และหากเราพิจารณาถึงอวัยวะที่อยู่ภายในร่างกายของมนุษย์ จะเห็นว่าอวัยวะข้างขวาของร่างกายมักมีขนาดที่ใหญ่กว่าอวัยวะที่อยู่ข้างซ้าย
สมองของมนุษย์มีสองซีก นั่นคือซีกขวาและซีกซ้าย โดยที่สมองซีกขวาจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าซีกซ้าย
ปอดเป็นอวัยวะที่ตั้งอยู่ในโพรงอกคล้ายกรวยแหลมผ่าครึ่งมี 2 ข้าง โดยข้างขวาจะมีขนาดใหญ่กว่าข้างซ้าย เพราะข้างขวามี 3 กลีบในขณะที่ข้างซ้ายมีเพียง 2 กลีบ ภายในมีถุงลมนับล้านลูก มีหน้าที่ซักฟอกอากาศ ดูดซับก๊าซออกซิเจนเข้าสู้ร่างกาย และขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออก
ตับเป็นอวัยวะเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกาย อยู่ในบริเวณช่องท้องตอนบนสุดค่อนไปทางด้านขวา ตับมีสีน้ำตาลออกแดงคล้ำ รูปร่างเป็นกลีบ 2 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน กลีบใหญ่อยู่ใต้ชายโครงขวา กลีบเล็กอยู่ใต้ชายโครงซ้าย
ถุงน้ำดีถือเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่ายกาย โดยอยู่ใต้ต่อตับบริเวณชายโครงด้านขวา ถุงน้ำดีมีรูปร่างคล้ายลูกแพร ยาวประมาณ 9 เซนติเมตร ถุงน้ำดีจะเป็นที่เก็บน้ำดีซึ่งสร้างจากตับ และจะมีท่อน้ำดีไปเปิดสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น โดยน้ำดีมีหน้าที่ย่อยอาหารประเภทไขมัน
หัวใจส่วนหัวใจนั้นถือเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะมีหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายโดยอาศัยโครงสร้างของกล้ามเนื้อหัวใจและระบบนำไฟฟ้าภายในหัวใจซึ่งสร้างและควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยหัวใจของมนุษย์นั้นจะอยู่ข้างซ้ายของช่องอก และนี้อาจคือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การนอนตะแคงขวาเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพ เพราะจะไม่ทำให้น้ำหนักไปกดทับอวัยวะที่อยู่ข้างซ้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจ
วัลลอฮฺอะลัม

Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: กูปีเยาะฮฺสะอื้น Date: ม.ค. 26, 2009, 03:33 PM
อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ม.ค. 26, 2009, 04:16 PM
ฮิกมะฮ์การอ่านดังและอ่านค่อยไปละหมาด
อีกฮิกมะฮ์หนึ่งจากสิ่งดังกล่าวก็คือ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะทำการอ่านดังในละหมาด พวกมุชริกีนจึงทำการด่าทอผู้ที่ประทานอัลกุรอานและผู้ที่ถูกประทานอัลกุรอาน ดังนั้นอัลเลาะฮ์ก็ทรงประทางโองการลงมาว่า "เจ้าอย่าให้ดัง(การอ่าน)อัลกุรอาน และเจ้าอย่าทำให้ค่อย(การอ่าน)มัน และเจ้าจงแสวงหาหนทางที่อยู่ระหว่างสิ่งดังกล่าว(คือวิถีที่อยู่ระหว่างกลาง)" ดังนั้นท่านก็อย่าอ่านดังในละหมาดทั้งหมดและอย่าอ่านค่อยในละหมาดทั้งหมด แต่ให้อ่านดังในละหมาดบางส่วนและอ่านค่อยในละหมาดบางส่วน (หนังสือฮาชียะฮ์อัลบาญูรีย์ 1/173)
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-firdaus~* Date: เม.ย. 18, 2009, 12:00 PM
salam
ฮิกมะฮฺของการละหมาดอิสติคอเราะฮฺ
เพื่อแทนที่พฤติกรรมที่เป็นญาฮิลียะห์ ที่กำหนดทางเลือกโดยการใช้นก หรือลูกศรเสี่ยงทาย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงาน การเลือกคู่ครอง
เดินทางไกลหรือทำกิจการงานใดงานหนึ่ง สำหรับผู้ที่มีอีหม่านแล้วการกระทำเช่นนั้นย่อมไม่ถูกต้อง ส่วนการทำละหมาดอิสติคอเราะฮฺนั้นเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่า พวกเขากลับคืนสู่พระผู้อภิบาลในกิจการต่างๆ
มันสามารถทำให้ความกระวนกระวาย หรือความสับสนในการเลือกสิ่งที่ถูกต้องหมดไป โดยการทำให้ความคิด และจิตใจว่างเปล่าพร้อมกับมอบหมายกิจการทุกอย่างต่ออัลลอฮฺ จะได้รับการชี้นำทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและศาสนา
เราจะไม่ท้อแท้ ถ้าหากว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่ดีเกิดขึ้นในการเลือกของเรา เพราะเรามั่นใจว่านั้นคือประสงค์ของอัลลอฮฺที่มีฮิกมะฮฺต่างๆ ถ้าหากว่าไม่ใช่ดุนยาก็ที่อาคิเราะฮฺ
และมันคือเครื่องหมายบ่งบอกความบริสุทธิใจของบ่าวคนหนึ่งต่อพระผู้อภิบาลของเขา เพราะการทำละหมาดนี้ หมายความว่า เขาได้ปฏิเสธความต้องการส่วนตัว และมอบหมายตัวเองและกิจการงานต่างๆของเขาต่ออัลลอฮฺ
วัลลอฮฺอะลัมวิธีละหมาดอิสติคอเราะฮฺ 
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: ILHAM Date: เม.ย. 18, 2009, 01:34 PM
ตอนเลือกภาคจะลง ผมละหมาศอิสตีคอเราะห์ แต่ก็ไม่ได้ทำตามผลที่ได้ ทำตามใจตัวเอง ผิดหรือเปล่า
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: ฮัยฟาอ์ Date: เม.ย. 19, 2009, 06:57 PM
นั่นแหละ
อัลเลาะห์ประสงค์

Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: As-Zaleek Date: เม.ย. 26, 2009, 08:11 AM
بسم الله الرحمن الرحيم
ฮิกมะฮ์การแต่งงาน
ท่านอิมามอิบนุอับดิสสลามกล่าวว่า ในชะรีอะฮ์ของนบีมูซา อะลัยฮิสลาม อนุญาติให้แต่งงานกับสตรีได้โดยไม่จำกัดเพื่อยังประโยชน์แก่ผู้ชาย ส่วนชะรีอดัตของนบีอีซา อะลัยฮิสลาม นั้นไม่อนุญาตให้แต่งงานนอกจากภรรยาคนเดียวเท่านั้นเพื่อยังประโยชน์แก่สตรี และสำหรับชะรีอัตนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้นรักษาผลประโยชน์ทั้งหญิงและชาย
ฮิกมะฮ์ดังกล่าวก็คือ นบีมูซา อะลัยฮิสลามนั้นจะให้น้ำหนักทางผลประโยชน์ทางผู้ชายมากกว่า เพราะฟิรอูนนั้นสั่งฆ่าบรรดาเด็กผู้ชายและไว้ชีวิตเด็กสตรีของพวกเขา จึงเหมาะสมที่จะต้องรักษาผลประโชน์แก่ผู้ชายเนื่องจากพวกเขามีน้อย ส่วนผู้หญิงมีมาก
ส่วนฮิกมะฮ์ในสมัยนบีอีซา อะลัยฮิสลามนั้นผลประโยชน์จะให้น้ำหนักไปทางผู้หญิง เพราะอัลเลาะฮ์ทรงสร้างนบีอีซามาจากมารดาโดยไม่มีบิดา จึงเหมาะสมที่ผู้ชายมีภรรยาได้เพียงคนเดียวเท่านั้นเพื่อยังให้ผลประโยชน์หนักไปทางผู้หญิง เพราะผู้หญิงนั้นคือรากกำเนิดเดิมของนบีอีซาที่มาจากมารดาเท่านั้น
สำหรับฮิกมะฮ์ในการอนุญาตให้ภรรยาได้สี่คนตามชะรีอะฮ์ของนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือบุคคลหนึ่งจากมีธรรมชาติที่มีสี่คน เป้าหมายของการนิกะฮ์ก็เพื่อสร้างความรักอาทร สนิทสนมเกลื้อกูล ซึ่งดังกล่าวจะขาดหายไปหามีมากกว่าสี่คน เพราะเมื่อสามีพลัดเปลี่ยนแบ่งเวรภรรยาคนละวันนั้น สามีก็จะไม่อยู่กับภรรยาแต่ละคนโดยห่างคนละสามคืนเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ถูกผ่อนปรนให้ตามหลักศาสนา
หนังสือฮาชียะฮ์อัลบัยญูรี เล่ม 2 หน้า 95
والله سبحانه وتعالي أعلم
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-firdaus~* Date: เม.ย. 26, 2009, 12:51 PM
รักษาอีหม่าน ด้วยกับการนิกะห์
การนิกะห์มีฮิกมะห์เช่นนี้ อย่าได้ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยนะคะ 
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: พ.ค. 06, 2009, 01:42 PM
ฮิมะฮ์การขอดุอา
การขอดุอานั้น เป้าหมายเพื่อเป็นอิบาดะฮ์ เพื่อให้มุสลิมแสดงถึงความเป็นทาสบ่าว แสดงถึงความต้องการ ปรารถนาพึ่งพาต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา แม้อัลเลาะฮ์จะทรงประวิงเวลาในการตอบรับดุอาก็ตาม แต่ในขณะขอดุอานั้น ผลบุญจะถูกเก็บสะสมไว้ การขอดุอามาก ๆ ทำให้พ้นจากภัยบะลอ ทำให้อัลเลาะฮ์ทรงรักต่อผู้ขอดุอา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขอดุอานั้นทำให้มุสลิมมีความนอบน้อมต่ออัลเลาะฮ์ ทำให้ระลึกถึงพระองค์อย่างเสมอ
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: khata Date: พ.ค. 06, 2009, 02:45 PM
ได้ความรู้เยอะมากเลยค่ะ......ญาซากัลลออฮฺฮุคอยรอน...ค่ะ......
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: พ.ค. 26, 2009, 03:06 PM
salam
ฮิกมะฮ์การเยี่ยมสุสาน(กุโบร)
มนุษย์อาจจะมีจิตใจที่แข็งกระด้างติดตนมา ก็เยี่ยมกุบูรจะทำให้จิตใจของอ่อนน้อม เนื่องจากว่าสิ่งดังกล่าวทำให้เรารำลึกถึงอาคิเราะฮ์ รำลึกถึงความตาย ตระหนักอยู่เสมอว่าต่อไปเขาก็ต้องกลับกลายเป็นกระดูกที่ผุเปลื่อย ผู้ที่มีความร่ำรวยสุขสบายมีตำแหน่งในสังคม ก็ต้องดินกลบหน้า ความสุขที่เคยได้รับย่อมไม่จีรัง และทำให้ผู้เยี่ยมกุบูรตระหนักว่า ตัวตนจริง ๆ ของเขานั้นอ่อนแอ เขาถูกสร้างมาในสภาพที่อ่อนแอ
วัลลอฮุอะลัม
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: As-Zaleek Date: ก.ค. 22, 2009, 06:14 PM
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
ฮิกมะฮ์ในการถือศีลอดตอนกลางวัน
อะมัลที่ดีเลิศที่สุดตามทัศนะของอัลเลาะฮ์ คืออะมัลที่มีมีการทุ่มเท ไม่ว่าอะมัลนั้นจะกระทำด้วยอวัยวะร่างกายหรืออื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ ท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.)กล่าวว่า "อิบาดะฮ์ที่ดีเลิศ คืออิบาดะฮ์ที่มีการทุ่มเทความยากลำบากที่สุด" อนึ่ง ในยามค่ำคืนนั้น ผู้คนจะอยู่ในบ้านเพื่อพักผ่อนร่างกาย ดังนั้นอัลเลาะฮ์จึงไม่บัญญัติให้ถือศีลอดในตอนกลางคืน เพราะหากมีการถือศีลอดตอนกลางคืนก็จะไม่เกิดความยากลำบากตามที่เป้าหมายของศาสนา และด้วยความยากลำบากดังกล่าว ทำให้ได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่และได้รับการอภัยโทษจากอัลเลาะฮ์เสมอ
อ้างอิงจากหนังสือ ฮิกมะฮ์ อัตตัชรี๊ วะฟัลซะฟะติฮี 1/150 ด็อกเตอร์ อะลี อะห์มัด อัลญัรญาวี
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: As-Zaleek Date: ก.ค. 22, 2009, 06:30 PM
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
ฮิกมะฮ์ในการแต่งงานกับภรรยาที่หย่าขาด 3 ครั้ง
ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยานั้น เป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เมื่อเกิดการแยกทางระหว่างทั้งสอง ความเจ็บปวดแห่งความห่างเหินและความทุกข์ระทมที่ต้องแยกทางนั้น ทำให้ทั้งสองไม่กระทำการอันใดให้ความความขุ่นเคืองซึ่งกันและกัน แต่ถ้าหากเกิดการหย่าขาด 3 ครั้ง สามีไม่สามารถแต่งงานกับภรรยาที่ถูกหย่าได้ นอกจากภรรยาที่ถูกหย่าไปแต่งงานกับคนอื่นเสียก่อน หากทั้งหากมีการแยกทางกัน สามีคนแรกก็สามารถแต่งงานกับภรรยาคนแรกของตนได้
การหย่าที่เกิดจากความโกรธอย่างไร้สติ ทำให้สามีต้องเสียใจ เมื่อภรรยาต้องแต่งงานใหม่โดยไปร่วมหลับนอนกับสามีคนใหม่ของนาง ย่อมทำให้สามีคนแรกมีความเจ็บปวดใจลึก ๆ ดังนั้นการที่อัลเลาะฮ์ทรงห้ามให้แต่งงานกับภรรยาที่ถูกหย่า นอกจากต้องไปแต่งงานกับคนอื่นก่อนนั้น เพื่อเป็นการห้ามสามีไม่ให้มีความมักง่ายในการหย่า เพราะการหย่าเป็นสิ่งที่น่ารักเกียจในศาสนา
อ้างอิงจากหนังสือ ฮิกมะฮ์ อัตตัชรี๊ วะฟัลซะฟะติฮี 2/42