Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: - ครูจริงใจ- Date: ก.พ. 25, 2008, 02:38 PM
ฮิกมะฮในการบัญญัติอากีเกาะห์
ในการบัญญัติอะกีเกาะห์นั้น มีเคล็ดลับ และผลดีมากมาย สรุปได้ดังต่อไปนี้ :
1.เป็นการแสดงออกซึ่งความยินดีที่ได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺ ตาอาลา ในแง่ที่ให้การคลอดเป็นไปอย่างง่ายดาย หรือในแง่ที่พ่อแม่ได้ลูกอันเป็นที่รัก ที่ควรแก่การขอบคุณผู้ให้
อัลลอฮฺ ตาอาลา ตรัสว่า ;
“ ถ้าหากพวกท่านขอบคุณ พระองค์จะทำให้มันเป็นที่พอใจแก่พวกท่าน .” ( อัซซุมัร : 7 )
“ สาบานว่า ถ้าหากพวกท่านขอบคุณ เราจะต้องเพิ่มพูนให้แก่พวกท่านอย่างแน่นอน .” ( อิบรอฮีม : 7 )
“ ทรัพย์และลูกหลาน เป็นเครื่องประดับแห่งดุนยา .” ( อัลกะห์ฟิ : 46 )
“ การรักที่จะสนองความใคร่ จากผู้หญิงและลูกหลาน จะทำให้มนุษย์เห็นความดีงาม ”( อาลิอิมรอน : 14)
2.ควรแพร่ข่าวการได้บุตร เพื่อเป็นการประกาศว่าเป็นบุตรที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องตามบัญญัติศาสนา เพื่อป้องกันการซุบซิบนินทา ดังนั้นอากีเกาะห์จึงเป็นวิธีการเปิดเผยที่ดีที่สุด
3.ส่งเสริมให้เกิดความใจบุญ และโอบอ้อมอารีย์ และต่อต้านความตระหนี่เหนียวแน่น
อัลลอฮ์ ตาอาลา ตรัสว่า ;
“ มนุษย์นั้นมักมีนิสัยตระหนี่เหนียวแน่น .” ( อันนิซาอฺ : 128 )
“ ผู้ใดที่ถูกคุ้มครองให้พ้นจากความตระหนี่เหนียวแน่น พวกเขาเป็นพวกที่ประสบชัยชนะ .” ( อัลฮัชร์ : 9 )
4. ทำให้คนในครอบครัว ญาติมิตร และคนยากไร้เกิดความปิติยินดี โดยการแจกจ่ายอาหารพบปะกันอันเป็นเหตุให้เกิดความรัก
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 25, 2008, 09:36 PM
ฮิกมะฮ์การบัญญัติละหมาดญุมอะฮ์
ฮิกมะฮ์ในการบัญญัติละหมาดญุมอะฮ์นั้น มีเคล็ดลับและผลประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งไม่อาจนำมากล่าวไว้ในที่นี้ได้ครบถ้วน ส่วนหนึ่งก็คือ การที่พี่น้องมุสลิมทุกระดับชั้นในเมืองได้มาพบปะกันในสภานที่แห่งเดียวกัน คือ มัสยิดที่ทำญุมะห์สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง พวกเขาจะได้รับคำแนะนำและคำตักเตือนให้มีความสมัครสมานสามัคคีร่วมมือกัน เช่นเดียวกับความสนิทสนมรักใคร่ก็จะเพิ่มพูนขึ้น จะทำให้พวกเขาได้เอาใจใส่และตื่นตัวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละรอบสัปดาห์ ซึ่งผู้นำของพวกเขาจะนำมาถ่ายทอดขณะแสดงธรรมคุตบะห์ ญุมอะห์เป็นการประชุมประจำสัปดาห์ที่มุสลิมจะมาร่วมชุมนุมกันอยู่ข้างหลังผู้นำของพวกเขา ด้วยเหตุนี้เอง ผู้บัญญัติศาสนาจึงส่งเสริมให้มุสลิมมาญุมอะฮ์ และกำชับไม่ให้ละทิ้งและเห็นญุมอะฮ์เป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าว "ผู้ใดทิ้งสามละหมาดญุมอะฮ์อย่างไม่ให้ความสำคัญ อัลเลาะฮ์จะปิดผนึกเหนือหัวใจของเขา" (อัลฟิกห์ 1/182)
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 25, 2008, 10:07 PM
ฺื
ฮิกมะฮ์ผู้ทำการตอวาฟหันข้างซ้ายไปยังกะบะฮ์
บรรดาผู้ทำฮัจญ์ที่ทำการตอวาฟรอบบัยตุลลอฮ์นั้น พวกเขาจะหันข้างซ้ายเข้าหาบัยตุลลอฮ์ ซึ่งหนึ่งในฮิกมะฮ์นั้น ก็คือ หัวใจของคนเราอยู่ข้างซ้าย การที่ผู้ทำฮัจญ์หันข้างซ้ายเข้าหาบัยตุลลอฮ์แล้วทำการเวียนรอบนั้น เพื่อให้บรรดาหัวใจของพวกเขาผูกสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 26, 2008, 12:46 PM
ฮิกมะฮ์ที่ท่านนบีเป็นอิมามแต่ไม่ทำการอะซาน
ฮิกมะฮ์ดังกล่าวเพราะว่า หากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการอะซาน แน่นอนว่าผู้ที่ไม่ทำการตอบรับอะซานของท่านนบีก็จะกลายเป็นผู้ปฏิเสธ(กุฟุร) และหากท่านนบีทำการอะซานและกล่าวว่า "อัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดัรร่อซูลุลลอฮ์" (ขอปฏิญาณว่าแท้จริงนบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลเลาะฮ์) ก็จะทำให้คิดไปว่ายังมีนบีคนอื่นอีกคนหนึ่ง หรือเพราะว่าการอะซานนั้นมีซอฮาบะฮ์ท่านอื่นได้ฝันเห็น(เกี่ยวกับการอะซาน) ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงทำการมอบหมายให้ผู้อื่นทำการอะซาน
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 26, 2008, 01:08 PM
อะไรคือฮิกมะฮ์ที่สตรีไม่ปิดหน้าในละหมาด
ฮิกมะฮ์ดังกล่าว ก็เพื่อให้ส่วนใบหน้าได้สัมผัสบนพื้นและทำการสุหยูด เพราะการสุหยูดนั้นต้องมีความนอบน้อม ส่วนอวัยวะทั้งชายและหญิงที่มีเกียรติสุดคือส่วนของใบหน้า ดังนั้นเมื่อมันได้วางบนพื้น ย่อมชี้ถึงความนอบน้อม ฉะนั้นการวางหน้าผากบนพื้นขณะสุหยูดย่อมเป็นอิบาดะฮ์ที่ประเสริฐยิ่ง
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 26, 2008, 01:24 PM
ฮิกมะฮ์การห้ามถอนขนที่ใบหน้า
1400 ปีมาแล้ว ที่พวกเขาเพิ่งตรวจพบถึงฮิกมะฮ์การห้ามถอนขนที่ใบหน้า จากการทดลองพบว่า เส้นขนคิ้วทุก ๆ เส้นนั้นจะเชื่อต่อกับเซลล์ที่มาจากส่วนของศีรษะ การถอนขนหรือถอนขนบนใบหน้านั้น จะนำไปพาไปสู่การถอนเซลล์ออกไปจากร่างกาย
ส่วนอีกฮิกมะฮ์หนึ่งก็คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงการสรรสร้างของอัลเลาะฮ์ตะอาลา
และสตรีผู้ถอนขนที่ใบหน้าหรือขอให้ทำการถอนขนนั้นจะถูกทำให้ห่างไกลจากความเมตตาของอัลเลาะฮ์ตะอาลา และภายใต้ขนคิ้วนั้นจะไม่เซลล์ที่อาจจะก่อมะเร็ง ทุกครั้งที่ทำการถอนขนคิ้ว ก็จะนำไปสู่การกระตุ้นเซลล์ดังกล่าว วัลลอฮุอะลัม
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: - ครูจริงใจ- Date: ก.พ. 26, 2008, 05:19 PM
^
^
อัลฮัมดูลิลละห์
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: - ครูจริงใจ- Date: ก.พ. 26, 2008, 05:26 PM
เคล็ดลับในการห้ามผู้ชายใช้ผ้าไหม
สำหรับเรื่องนี้นอกจากเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งที่เรียกว่า ตะอับบุด แล้วก็คงได้แก่ การสวมใส่ผ้าไหมนั้นทำให้เกิดการโอ้อวด ทระนงตน เป็นการเลียนแบบผู้หญิงและทำให้ขาดลักษณะความเป็นชายชาตรี เพราะผู้ชายนั้นโดยธรรมชาติจะไม่ชอบการแต่งตัว ประดับประดา และไม่ชอบที่จะแสดงออกถึงความนุ่มนวลอ่อนช้อย มีจริตเหมือนผู้หญิง และย่นย่อ ต่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ แต่โดยธรรมชาติผู้ชายนั้นถูกกำเนิดขึ้นมาเพื่อการต่อสู้เอาชนะอุปสรรคต่างๆในการดำเนินชีวิต ซึ่งจำเป็นต้องแสดงออกถึงความเข้มแข็ง และการเป็นนักต่อสู้ และห่างไกลจากความเป็นคนสำอาง สุรุ่ยสุร่ายและจับจรด
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: ILHAM Date: ก.พ. 26, 2008, 05:36 PM
อะไรคือฮิกมะฮ์ในการอาบน้ำละหมาด?
"ความสะอาดเป็นสาเหตุสำคัญท่จะทำให้มนุษย์ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่ ที่แพร่กระจายไปในหมู่ผู้คนนั้น ก็เนื่องจากความสกปรกเป็นต้นเหตุ ดังนั้นการอาบน้ำละหมาด ด้วยการล้างหน้า มือทั้งสองข้าง จมูก เท้าทั้งสองข้าง ทุกวัน ๆ ละหลายครั้ง ย่อมทำให้ร่างกายปราศจากโรคต่าง ๆ
ขอโทษครับ ผมเป็นคนขี้เกียจเอาน้ำละหมาด เพราะขี้เกียจถอดถุงเท้า+รองเท้า เลยเก็บน้ำละหมาดไว้ตั้งแต่ไปเรียนตอนเช้าถึงเลิกเรียน ระหว่สางนั้นถ้ามีการละหมาดก็ขี้เกียจถอดถุงเท้า ผมจะได้ฮิกมะจากการเอาน้ำละหมาดมั๊ยครับ
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: - ครูจริงใจ- Date: ก.พ. 27, 2008, 06:28 PM
รอฟังคำตอบเป็นเพื่อน น้องอิลฮาม

Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: - ครูจริงใจ- Date: ก.พ. 27, 2008, 07:52 PM
ฮิกมะห์ในการห้ามย้อมผมดำ[/b
]
เคล็ดลับในการห้ามย้อมผมดำนั้นอาจเป็นไปได้ว่า เป็นการบิดเบือนความจริงและหลอกลวง เพราะการย้อมผมดำจะทำให้คนแก่ดูเป็นหนุ่ม คนมีอายุมากดูเป็นคนมีอายุน้อย ในสายตาของคนทั่วๆ ไป ซึ่งจะทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
ส่วนการย้อมผมเป็นสีอื่นจะไม่มีการบิดเบือนความจริง ( ย้อมด้วยเฮนน่า ) และหลอกลวงได้ถึงขั้นที่ย้อมดำเพราะดูผิดไปจากธรรมชาติมาก
คงจะกล่าวได้หลังจากนี้ว่า เรื่องต่างๆ เหล่านี้มีข้อยืนหยัดที่ยืนอยู่บนหลัก ตะอับบุด คือ ปฏิบัติตามคำบัญชาของศาสนาโดยไม่ลังเลสงสัย
วัลลอฮูอะลัม
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: - ครูจริงใจ- Date: ก.พ. 27, 2008, 11:31 PM
ฮิกมะห์ที่ต้องเชือดสัตว์
ดังที่ได้ทราบมาแล้วว่า การเชือดสัตว์เพื่อให้ได้รับประทานได้อย่างถูกต้องตามบัญญัติศาสนานั้น อยู่ในหลักการที่เรียกว่า ตะอับบุดียะห์ คือ เป็นการปฏิบัติตามที่ศาสนาใช้ แต่ยังมีเคล็ดลับอีกหลายประการที่นอกเหนือไปจากเป็นเพียงการปฏิบัติตามศาสนาใช้เท่านั้น ที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขของการเชือดดังต่อไปนี้
1.ศาสนาและลัทธิต่างๆทั้งหมดถือว่า ซากสัตว์ที่ตายเป็นสิ่งต้องห้าม และตัดสินว่าเป็นสิ่งโสโครก และจำเป็น และจำเป็นต้องแยกระหว่างสัตว์ตายที่เป็นน่ายิส เพราะสาเหตุที่มันตายกับสัตว์ที่ตายโดยไม่เป็นน่ายิส ดังนั้นการเชือดตามหลักศาสนาจึงเป็นสาเหตุหลักที่จะแยกระหว่างสัตว์ทั้งสองนั้น
2.ศาสนาอิสลามได้บัญญัติว่า เลือดเป็นน่ายิส จำเป็นต้องออกห่าง เพราะเป็นสิ่งที่มีอันตราย และการเชือดจะทำให้สัตว์สะอาดจากพิษของเลือด - สัตว์ที่ตายโดยการรัดคอ เป็นต้นจะทำให้เลือดในตัวสัตว์นั้นเป็นพิษ
วัลลอฮูอะลัม
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 28, 2008, 08:03 AM
อะไรคือฮิกมะฮ์ที่มารดาชอบอุ้มบุตรด้วยมือซ้าย?
ในขณะที่เด็กทารกกำลังส่งเสียงร้องไห้จอแจอย่างจ้าละหวั่น เชื่อผมไหมครับว่าพวกเราจะได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเสมอๆ เธอคนนี้มาพร้อมกับวิธีการโอบอุ้มทารกน้อยอย่างทะนุถนอมยากจะหาใครเปรียบได้ และคอยตระกองกอดเจ้าตัวเล็กไว้ที่อ้อมอกจนกระทั่งเสียงนั้นสงบลง แล้วคุณผู้อ่านเชื่ออีกไหมครับว่าเจ้าตัวเล็กทั้งหลายจะหยุดงอแงทุกครั้งเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของเธอคนนี้ แน่นอนครับว่าผู้หญิงที่มีความสามารถพิเศษที่ผมพูดถึงอยู่นั้น คงไม่ใช่ใครอื่นไกลนอกจากผู้เป็น”มารดา”นั่นเอง
แล้วคุณผู้อ่านเคยสังเกตไหมครับว่า ผู้เป็นมารดาจะอุ้มบุตรของตนให้แนบอยู่บนหน้าอกซีกซ้าย คุณเคยสังเกตเห็นฮิกมะฮ์ในสิ่งดังกล่าวหรือไม่ครับ ?
นั่นล่ะครับ.. เพราะว่าแท้จริงแล้ว มารดาจะอุ้มบุตรของตนโดยวิธีการวางบุตรให้อยู่ใกล้กับหัวใจของนาง ว่าแต่...คุณผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรครับ เกี่ยวกับความเป็นความจำเป็นในการกระทำสิ่งดังกล่าว ?
ผมจะนำเสนอบรรดาข้อบ่งชี้ดังต่อไปนี้ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นไปได้ที่ว่า “เสียงเต้นของหัวใจมารดา คือเสียงแรกที่ทารกได้ยินก่อนคลอดออกมา”
ตลอดระยะเวลาที่มารดาตั้งครรภ์ ทารกนั้นจะอยู่ในครรภ์มดลูกซึ่งอยู่ใกล้กับการเต้นของหัวใจผู้เป็นมารดา ดังนั้นน้ำคร่ำที่อยู่รอบๆ ตัวทารกในมดลูกนั้น จะเป็นสิ่งที่ทำให้ทารกมีระบบการเต้นของหัวใจ จากจุดนี้เองได้ทำให้เราทราบว่าสถานภาพที่ทารกมีชีวิตอยู่ในครรภ์นั้น เขาจะได้ยินระบบการเต้นของหัวใจผู้เป็นมารดา
ทารกจะได้รับสารอาหารมาหล่อเลี้ยง โดยไม่รู้สึกหิวและกระหาย ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพอากาศหนาวร้อนภายนอกครรภ์ หลังจากทารกถึงคราวคลอดนั้น ทารกจะมีความรู้สึกหนาวและร้อนเกิดขึ้น มีความรู้สึกหิวกระหาย และสำคัญที่สุดคือทารกจะขาดจากการได้ยินเสียงระบบการเต้นของหัวใจมารดาเช่นในระยะเวลาที่เขาเคยอยู่อย่างสุขสบายในครรภ์
ตามหลักการดังกล่าวนี้ ความเกี่ยวพันจากการที่ทารกเคยได้ยินเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจผู้เป็นมารดา พร้อมกับความรู้สึกสบายก่อนหน้านั้น ทำให้ทารกรู้สึกคิดถึงคะนึงหาเสียงเต้นของหัวใจมารดาในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
เช่นนี้ผู้เป็นมารดาสมควรตระหนักถึงฮิกมะฮ์ข้างต้น ในขณะที่ได้โอบอุ้ม ตระกองกอดบุตรของตน และนี่แหละคือความน่าอัศจรรย์ใจอย่างแท้จริง ความผูกพันจากจังหวะการเต้นของหัวใจ จากแม่สู่ลูก..
มาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านรู้ไหมครับว่าผมกำลังคิดอะไร ? ผมเฉลยให้ก็ได้ครับ เพราะว่าคุณคงเดากันไม่ถูกหรอก ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ผู้หญิงคนที่ผมรักมากๆในชีวิต นั่นแน่ะ...อย่าตกใจไปนะครับว่าสาวที่ไหนกัน ก็ ........ “แม่” ของผม
Re: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 28, 2008, 09:21 AM
ขอโทษครับ ผมเป็นคนขี้เกียจเอาน้ำละหมาด เพราะขี้เกียจถอดถุงเท้า+รองเท้า เลยเก็บน้ำละหมาดไว้ตั้งแต่ไปเรียนตอนเช้าถึงเลิกเรียน ระหว่สางนั้นถ้ามีการละหมาดก็ขี้เกียจถอดถุงเท้า ผมจะได้ฮิกมะจากการเอาน้ำละหมาดมั๊ยครับ
ฮิกมะฮ์อาบน้ำละหมาด น้องจะไำด้ัรับขนาดที่น้องได้ทำการอาบน้ำละหมาดครับ ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวกับท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ว่า "ผลการตอบแทนของเธอ อยู่บนขนาดความบากบั่นของเธอ"
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม By: al-azhary Date: ก.พ. 29, 2008, 08:22 AM
ฮิกมะฮ์การนำเสนออะมัลของมุมินในวันจันทร์และวันพฤหัสบดี
ซุนนะฮ์ให้มุมินทำการถือศีลอดในวันจันทร์และวันพฤหัสบดี และจะมีการนำเสนออะมัลของเขาต่ออัลเลาะฮ์ จุดมุ่งหมาย คือ การนำเสนออะมัลต่ออัลเลาะฮ์ ตาอาลา โดยมะลาอิกะฮ์จะทำการยกนำเสนอในช่วงกลางคืนหนึ่งครั้งและช่วงกลางวันหนึ่งครั้ง (มุฆนีลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/195)
บรรดามะลาอิกะฮ์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในยามค่ำคืนและยามกลางวันนั้น จะรวมตัวกันในช่วงละหมาดอัสริ หลังจากนั้น บรรดามะลาอิกะฮ์ที่ปฏิบัติหน้าที่ยามกลางวันจะขึ้นไปนำเสนออะมัลของบรรดามุสลิมีน โดยคงเหลือมะลาอิกะฮ์ที่ปฏิบัติงานยามกลางคืน เมื่อถือเวลาละหมาดซุบฮิ พวกเขาก็จะขึ้นไปนำเสนอบรรดาอะมัลโดยคงเหลือมะลาอิกะฮ์ยามกลางวัน และนี้ก็คือความหมายของฮะดิษนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่ว่า "ในหมู่บรรดาผู้ศรัทธานั้น บรรดามะลาอิกะฮ์ในยามค่ำคืนและกลางวันจะพลัดกันทำการแยกย้าย(เพื่อขึ้นไปนำเสนออะมัล) โดยที่พวกเขาได้ทำการรวมตัวกันในช่วงเวลาละหมาดซุบฮิและละหมาดอัสริ" รายงานโดยบุคอรี แม้ว่าอัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงรอบรู้เกี่ยวกับอะมัลของบรรดามัคโลคเป็นอย่างดี
แต่การนำเสนออะมัลของบรรดาผู้ศรัทธานั้น ก็เพื่อ ให้เกียรติแก่บรรดาผู้ฏออัตต่ออัลเลาะฮ์นั่นเอง ( ดู หนังสือบุรออัลกะรีม 2/82)