กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ชี้แจงแนวทางอะฮฺลิสสุนนะฮ์ฯ
Pages: 123456789101112
นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: almadany Date: มิ.ย. 30, 2010, 03:24 PM
 salam

ได้อ่านตำราของชีอะฮ์ที่โจมตีประวัติวะฮาบีย์ก็จะเลยเถิดเหมือนแต่งขึ้นมา...พออ่านตำราที่วะฮาบีย์แต่งเกี่ยวกับประวัติกำเนิดวะฮาบีย์เองก็จะเลยเถิดสวยหรูเพริดแพร้วเสริมเติมแต่งให้ดูดี...

แต่เท่าที่ทราบนั้นจุดกำเนิดวะฮาบีย์คือฮุกุ่มมุสลิมเป็นกาเฟรเป็นมุชริกแล้วนองเลือดรบราฆ่าฟันจนกระทั่งปราชญ์อิสลามอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ในยุคนั้นต่างต่อต้านและไม่เห็นด้วย...เรื่องราวมันเป็นข้อเท็จจริงอย่างไร...บรรดาพี่น้องที่เป็นผู้รู้โปรดนำเสนอที่อยู่ในเชิงวิชาการด้วย...เพื่อยืนยันว่าเรานำเสนอประวัติกำเนิดวะฮาบีย์ได้เป็นธรรมที่สุดและถูกต้องที่สุด...วัสลาม
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: sufriyan Date: มิ.ย. 30, 2010, 08:26 PM
 salam

สนใจติดตามต่อครับ


วัสลาม
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: cocorock Date: มิ.ย. 30, 2010, 09:27 PM
 salam
วะฮาบีย์ร่วมแจมได้ ห้ามเกรียน fouet:
วัสลามมูอะลัยกุม

Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: ILHAM Date: ก.ค. 01, 2010, 03:05 AM
เจ๊หลี ลองหาในเว็บนี้ให้หน่อยสิ เผื่อมีแล้ว
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: As-Zaleek Date: ก.ค. 05, 2010, 12:03 PM
بسم الله الرحمن الرحيم



ท่านอิมาม  อัช-ชัยค์  อัศ-ศอวีย์  กล่าวบันทึกไว้ในตัฟซีร  ของท่าน  ว่า

وَقِيْلَ هَذِهِ الأيَةُ نَزَلَتْ فِىْ الخَوَارِجِ الَّذِيْنَ يُحَرِّفُوْنَ تَأْوِيْلَ الكِتَابِ وَالسُّنَّةِ وَيَسْتَحِلُّوْنِ بِذَلِكَ دِمَاءَ الْمُسْلِمِيْنَ وأَمْوَالَهُمْ كَمَا هُوَ مُشَاهَدٌ الآنَ فِيْ نَظَائِرِهِمْ وَهُمْ فِرْقَةٌ بِأَرْضِ الحِجَازِ يُقَالُ لَهُمُ الْوَهَّابِيَّةُ يَحْسِبُوْنَ أَنَّهُمْ عَلىَ شَيْءٍ أَلاَ إِنَّهُمْ هُمُ الْكَاذِبُوْنَ

"ถูกกล่าวว่า  อายะฮ์นี้  ถูกประทาน  เกี่ยวกับพวกค่อวาริจญฺ  ซึ่งที่พวกเขา ได้ทำการบิดเบือนกับการตีความอัลกุรอานและซุนนะฮ์  โดยที่พวกเขาได้ทำการหะลาลเลือดและทรัพย์สินของบรรดามุสลิมมีน ด้วยกับสิ่งดังกล่าว  เสมือนที่ได้ปรากฏ เห็นในปัจจุบัน(คือในสมัยของท่านอัศ-ศอวีย์)  โดยที่พวกเขาเหล่านั้น  คือชนกลุ่มหนึ่ง  ที่อยู่ ณ แผ่นดินหิญาซฺ (แถบนัจญฺดีย์  มักกะฮ์ และมะดีนะฮ์ ปัจจุบัน)  ซึ่งพวกเขาถูกเรียกว่า กลุ่มวะฮาบียะฮ์  พวกเขาคิดว่าตนเองอยู่บนสิ่งหนึ่ง(ที่เป็นสัจจะธรรม) แต่พึงทราบเถิดพวกเขาคือบรรดาผู้ที่โกหกมุสา"  ดู  ฮาชียะห์อัศ-ศอวีย์  อธิบายซูเราะฮ์  อัล-ฟาฏิร  อายะฮ์ที่ 6   ตีพิมพ์ที่  มุสตอฟา  อัล-หะละบีย์ และฮาชียะฮ์ อัศศอวีย์ 3/307-308 ตีพิมพ์ ที่โรงพิมพ์อัลมัชชัดอัลฮุซัยนีย์ โคโร อียิปต์



หัวข้อบรรดาผู้ตามมุฮัมมัดบินอับดุลวะฮาบค่อวาริจญ์ในยุคสมัยของเรา

(คำ พูดของท่านอัศเศาะห์ฟะกีย์ที่ว่า : พวกค่อวาริจญ์จะยัดเยียดการเป็นกาเฟรให้กับบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านนบีของเรา นั้น) ซึ่งท่านก็รู้มาแล้วว่าหลักการนี้มิใช่เป็นกฎเกณฑ์ในการเรียกว่าพวกคอวาริญ แต่คำว่าคอวาริญก็คือคำที่อธิบายถึงบุคคลที่ขบถท่านอาลี อิบนุ ค็อตตอบ แต่มันก็เพียงพอที่จะเรียกกลุ่มวะฮฺฮาบียะฮฺว่าเป็นกลุ่มคอวาริญ เพราะหนึ่งจากความเชื่อของวะฮาบียะฮ์ที่ว่า ผู้ใดที่ออกจากการปฏิบัติตามแนวทางพวกเขาผู้นั้นถือว่าเป็นกุฟุร อย่างที่มันได้เกิดขึ้นในสมัยของเราจากกลุ่มผู้ปฏิบัติตามมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ซึ่งพวกเขาได้มาออกจากนัจดฺ และได้ทำการยึดครองอัลฮารอมัยน์ (มักกะฮฺและมะดีนะฮฺ) และพวกเขาประกาศยึดถือมัซฮับฮัมบาลีย์ แต่พวกเขาก็เชื่อว่าพวกเขาคือมุสลิมีน และ ผู้ใดที่ขัดแย้งต่อความเชื่อของเขา ถือว่าผู้นั้นเป็นพวกมุชริกีน(ตั้งภาคี) และถือเป็นที่อนุมัติให้ฆ่ากลุ่มอะฮฺลิสสุนนะฮฺ ฆ่านักวิชาการอะฮฺลิสสุนนะฮฺได้ ด้วยกับการตัดสินดังกล่าว..."

นักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์สองท่าน  คืออิมามอิบนุอาบิดีนและท่านอิมามอัศศอวีย์  ได้บันทึกแนวทางของวะฮาบีย์ไว้ในตำราอันเลื่องลือของท่านว่า

1. วะฮาบีย์เป็นมีจุดกำเนิดที่ฮะล้าลเลือดทรัพย์บรรดามุสลิมีน

2. วะฮาบีย์มีแนวทางเหมือนพวกค่อวาริจญ์

3. ในสมัยที่กำเนิดวะฮาบีย์นั้น  ผู้ใดที่ขัดแย้งกับพวกเขาถือว่าเป็นพวกมุชริกีน

4. กลุ่มวะฮาบีย์เป็นพวกลุ่มหลงโดยตีความและบิดเบือนคำสอนกิตาบุลลอฮ์เพื่อตัดสินมุสลิมีนเป็นกาเฟรและมุชริกีน

นี่คือคำยืนยันของปราชญ์แห่งอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  คำถามก็คือ  ปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์เหล่านี้  กล่าวหาวะฮาบีย์อย่างอธรรมหรือเปล่า?  เพราะมีเว็บวะฮาบีย์บางเว็บพยายามบอกในเว็บของพวกเขาว่า  การที่ทางเว็บนี้โจมตีวะฮาบีย์ก็แค่หลอกลวงพี่น้องมุสลิมเท่านั้นเอง  ก็อยากให้ผู้รู้ในเว็บนี้ทำการชี้แจงข้อเท็จจริงในเชิงวิชาการคร้าบ
cool2:

Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: ILHAM Date: ก.ค. 05, 2010, 08:13 PM
الحمدلله
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: whb Date: ต.ค. 09, 2010, 04:35 PM
ทำไมโจมตีกันจัง!
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: บาชีร Date: ต.ค. 09, 2010, 04:43 PM
ขุดๆ
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: whb Date: ต.ค. 09, 2010, 05:19 PM
salam
วะฮาบีย์ร่วมแจมได้ ห้ามเกรียน fouet:
วัสลามมูอะลัยกุม



สำรวมหน่อยครับ
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: ILHAM Date: ต.ค. 09, 2010, 05:28 PM
แลัีวมันไม่สำรวมตรงไหนหรือ
จริง วัฮบีจะแจมก็แจมได้ แต่อยากให้ขุดกระทู้เก่าๆมาอ่านก่อน
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: whb Date: ต.ค. 09, 2010, 05:32 PM
วะฮ์บีย์ที่คุณกล่าวหา ก็ยึดถือในอัลกุรอานและสุนนะห์ อัลฮะดิษซอเฮียะห์..

แล้ว มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ   ท่านก็เป็น1ในผู้ที่มาฟื้นฟูอิสลามในยุคญาฮีลียะห์ด้วย.

โปรด ทำความเข้าใจใหม่ในประวัติของท่าน


Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: ILHAM Date: ต.ค. 09, 2010, 05:36 PM
ยุคญาฮีลียะห์ คือยุคก่อนนาบี อย่ามามั่ว คุณกำลังกล่าวหาว่าคนนั้นยุคนั้นญาเฮล โง่เขลา หรือไม่ก็ คุณกำลังจะบอกว่าวัฮบี อยู่ในยุคนบี
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: As-Zaleek Date: ต.ค. 09, 2010, 05:53 PM
วะฮ์บีย์ที่คุณกล่าวหา ก็ยึดถือในอัลกุรอานและสุนนะห์ อัลฮะดิษซอเฮียะห์..

พูดไปเุถอะว่า ยึดถืออัลกุรอานและซุนนะฮ์ ฮะดีษซอเฮียะห์  แต่หากอะกีดะฮ์บิดอะฮ์เบี่ยงเบน  คำพูดมันก็ไม่อาจจยืนยันว่าเป็นอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ของแท้ได้หรอก   พวกค่อวาริจญ์ในยุคสะลัฟยังตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์เลย แถมยังมีความเคร่งครัดในเรื่องหลักปฏิบัติเสียด้วยซ้ำ  แต่อะกีดะฮ์เพวกเขาีบิดอะฮ์เบี่ยงเบน  คำพูดที่ว่า ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ซอเฮียะห์จึงไร้น้ำหนัก แม้จะพูดกันเป็นพ้นๆ ครั้งในทุกวันก็ตาม 
Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: whb Date: ต.ค. 09, 2010, 06:56 PM
ชีวประวัติ เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ


          เชคมุฮัมมัด เป็นบุตรของอับดุลวะฮ์ฮาบ บุตรของสุไลมาน บุตรของอาลี บุตรของมุฮัมมัด บุตรของอะห์มัด บุตรของรอชิด บุตรของบุรอยด์ อัตตะมีมีย์ อันนัจดีย์

          ท่านเชคมุฮัมมัด สืบเชื้อสายมาจากเผ่าตะมีมแห่งแค้วนนัจด์ บรรดานักประวัติทางสายพันธ์ต่างลงความเห็นว่า ตระกูลตะมีมเป็นลูกหลานของอิสลาม บุตรมุฏ็อร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เชื้อสายของท่านบรรจบลงกับเชื้อสายของท่านนะบีมุฮัมมัด  ที่ อิลยาส อิบนุมุฏ็อร ปู่ลำดับที่ 16 ของท่านนะบีมุฮัมมัด

         เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ เกิดในปี ฮ.ศ.1115 / ค.ศ.1703 ณ เมืองอุยัยนะฮ์ ในหุบเขาฮะนีฟะฮ์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของแค้วนนัจด์ และทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอัรริยาฏ เมืองอุนัยยะฮ์ในสมัยนั้นมีสองตระกูล ตระกูลที่มีอำนาจในการปกครองได้แก่ตระกูลมุอัมมัร อีกตระกูลเป็นตระกูลทางด้านวิชาการและทางศาสนา คือ ตระกูลมุชัรรอฟ ซึ่งเป็นตระกูลที่  เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ สังกัดอยู่ บิดาของท่านเป็นตุลาการของเมืองอุยัยนะฮ์ และเป็นนักฟิกฮ์ ตามแนวทางของอิหม่ามอะห์มัด อิบนุ ฮัมบัล ขณะเดียวกันท่านเชคมุฮัมมัด ได้ทำการสอนวิชาฟิกฮ์และหะดิษให้แก่ผู้สนใจ ในเมืองอุนัยยะฮ์ ทั้งในมัสยิดและในบ้านของท่าน ซึ่งการศึกษาในสมัยนั้นยังไม่เป็นระบบเช่นปัจจุบัน

          เชคอับดุลวะฮ์ฮาบ มีบุตร 2 คน คือ มุฮัมมัด และ สุไลมาน อัลลอฮ์ทรงเปิดหัวใจให้มุฮัมมัด ได้มีความรู้แตกฉานจนได้รับฉายานามว่า "ชัยคุลอิสลาม" เป็นผู้ฟื้นฟูการเผยแพร่ศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง และทำการปฏิรูปสังคมมุสลิมที่ยิ่งใหญ่ในแคว้นนัจด์ ซึ่งต่อมาได้แผ่ขยายออกไปยังทั่วคาบสมุทรอาหรับ และกลุ่มประเทศอิสลาม

          การเผยแพร่อิสลามของเชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ เป็นการเผยแพร่ในแนวสลัฟ โดยยึดแนวทางมัซฮับ ฮัมบาลีย์ทางด้านฟิกซ์ และแนวทางอัลกุรอานและซุนนะฮ์ทางด้านอะกีดะฮ์ ส่วนสุไลมานเป็นนักวิชาการ ดำรงตำแหน่งคุลาการในเมืองหุรอยมิลาอ์



การเจริญวัย

          เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ เติบโตในบ้านแห่งวิชาการ และมีความเคร่งครัดทางด้านศาสนา บิดาของท่านได้ทำหน้าที่อบรมและเลี้ยงดู ทั้งยังได้สั่งสอนวิชาศาสนา และภาษาอาหรับให้กับท่าน รวมทั้งฟิกฮ์ในแนวทางของอิหม่ามอะห์มัด อิบนุ ฮัมบัล ท่านเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด มีความจำเป็นเยี่ยม โดยที่ท่านท่องจำอัลกุรอานได้จบเล่มเมื่ออายุได้ 10 ปี

          ท่านอ่านหนังสือทุกชนิดที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือฟิกฮ์ ตัฟซีร หะดิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำราที่เขียนโดย เชคตะกียุดดีน อิบนุตัยมียะฮ์ และตำราของลูกศิษย์ของอิบนุตัยมียะฮ์ คือ อิบนุกอยยิม อัลเญาซียะฮ์ เตาฮีดที่ถูกต้อง และหลักการที่ตรงกันข้ามกับเตาฮีด จึงทำให้ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับการจารึกชื่อ ร่วมกับอิหม่ามทั้งสามท่าน ซึ่งเรียกร้องให้ฟื้นฟู นามว่า "นาซิรุซซุนนะฮ์" (ผู้สนับสนุนซุนนะฮ์) อิหม่ามชัยคุอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ์ และอิหม่ามอิบนุกอยยิม อัลเญาซียะฮ์ ซึ่งอยู่ในบรรดานักฏิรูป และนักเผยแพร่ในประวัติศาสตร์อิสลาม



การเดินทางแสวงหาความรู้

          เชคอับดุลวะฮ์ฮาบ ทราบดีถึงความต้องการของบุตรชาย คือเชคมุฮัมมัด ในการแสวงหาวิชาความรู้เพิ่มเติม ท่านจึงอนุญาตให้เชคมุฮัมมัดออกเดินทางไปเพื่อแสวงหาวิชาความรู้ โดยที่ท่านได้เดินทางไปยังมักกะฮ์เพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองมะดีนะฮ์ และพำนักอยู่ที่นั่นเพื่อแสวงหาความรู้ อาจารย์คนสำคัญของท่านได้แก่ เชคมุฮัมมัด หะยาต์ อัซซินดีย์ อัลมะดะนีย์ ผู้เขียนคำอธิบายโดยสรุปในหนังสือซอเฮี๊ยะฮ์อิหม่ามอัลบุคคอรีย์

          ต่อมาท่านได้เดินทางกลับเมืองอุยัยนะฮ์ และเดินทางไปยังเมืองบัศเราะฮ์ โดยได้ติดต่อกับนักวิชาการในเมืองนั้น และได้มีการอภิปรายกันเกี่ยวกับรากฐานทางอะกีดะฮ์ และเตาฮีด ในที่สุดท่านก็ได้จากเมืองนั้น โดยเดินทางไปยังเมืองอะห์ซาอ์ ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมของนักวิชาการและนักปราชญ์ ซึ่งท่านได้รับความรู้อย่างมากมายจากบรรดานักวิชาการเหล่านั้น ต่อจากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองหุรอยมิลาอ์ ซึ่งบิดาของท่านได้อพยพไปอาศัยอยู่ในเมืองนี้

         ระหว่างที่ท่านอยู่ในเมืองหุรอยมิลาอ์ ท่านได้พบปะกับผู้คนและได้เห็นขนบธรรมเนียมทางด้านสังคม และหลักความเชื่อถือในศาสนาที่ผิดๆ ซึ่งไม่มีความแตกต่างกับเมืองอื่นๆ ในแคว้นนัจด์ ท่านจึงตั้งใจที่จะแก้ไขหลักการศรัทธาของชาวเมืองให้ถูกต้อง พร้อมกับให้ยึดมั่นในแนวทางคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะฮ์ของท่านเราะซูล  ท่านได้นำเสนอทัศนะ อภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นกับบรรดานักวิชาการ ท่านคัดค้านท่าทีของนักวิชาการที่นิ่งเฉย โดยไม่ต่อต้านการกระทำที่เป็นบิดอะฮ์ (อุตริกรรม) และการกระทำชิริก(ตั้งภาคี) แต่พวกเขาไม่ตอบสนองคำเรียกร้องของเชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ เพราะเกรงกลัวการกลั่นแกล้งของบรรดาผู้ปกครองเมือง ซึ่งพวกเขาต้องการที่จะรักษาประเพณีเดิมๆเอาไว้ โดยไม่ยอมรับการพัฒนาและแก้ไข



จรรยามารยาทของท่าน

          เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ เป็นผู้ที่มีจรรยามารยาทที่ดีงาม มีความสนใจในการอ่านตำรา พูดจาฉะฉาน เป็นผู้ที่มีเหตุผลและมีหลักการในการหาหลักฐานมายืนยันเมื่อมีการอภิปรายและโต้แย้งกัน ท่านอุทิศชีวิตของท่านในการเผยแพร่ศาสนาอิสลามด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความจริงจัง ท่านมีความมั่นใจในความรู้ของท่าน หลังจากที่ท่านได้ท่องจำอัลกุรอาน ท่านได้ให้ความสนใจในการศึกษาตำราของบรรดานักวิชาการผู้ปฏิรูปจำนวนมาก จึงทำให้ท่านมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาทางด้านความคิด ขจัดสิ่งที่เป็นอุตริกรรม และสิ่งไร้สาระออกจากคาบสมุทรอาหรับ

         ด้วยความกล้าหาญ มีความฉลาดและมีไหวพริบ ทำให้บรรดานักวิชาการและผู้นำในสำนักต่างๆ ไม่อาจจะเอาชนะท่านได้ในทุกครั้งที่มีการอภิปรายกัน ทำให้นักศึกษาและผู้แสวงหาความรู้ตามแนวทางสลัฟให้การสนับสนุนท่าน จึงทำให้ชื่อเสียงของท่านขจรขจายไปทั่วคาบสมุทรอาหรับและในโลกอิสลาม ในฐานะเป็นผู้ปฏิรูปและเรียกร้องเชิญชวนบรรดามุสลิมให้กลับมายึดมั่นในคำสอนของอิสลามที่ถูกต้องจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ของท่านเราะซูล



 ขั้นตอนในการปฏิรูปของเชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ

         ปัจจัยที่ทำให้เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ กลายเป็นนักเผยแพร่อิสลาม นักต่อสู้และนักปฏิรูป ได้แก่

1. ครอบครัว

         เป็นที่ทราบดีว่า เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ เติบโตภายในครอบครัวของนักวิชาการ นักการศาสนา และเป็นครอบครัวที่ดำรงธรรม บิดาของท่านเป็นตุลาการที่มีชื่อเสียง เป็นนักนิติบัญญัติอิสลามในแนวทางของอิหม่ามอะห์มัด อิบนุ ฮัมบัล และด้วยความเมตตาของอัลลอฮ์ ที่ทรงประทานจิตสำนึกและสติปัญญาอันเฉียบแหลม ทำให้ท่านมีความศรัทธาอย่างแรงกล้า และหนักแน่น มีจิตใจที่แน่วแน่ในการเผยแพร่บัญญัติอิสลามที่ถูกต้อง และมีจิตใจมุ่งมั่นในการปฏิรูปสังคมมุสลิมสู่แนวทางที่เที่ยงตรง

2. สภาพแวดล้อม

          การที่เห็นหลักความเชื่อมั่นที่ไม่ถูกต้อง การปฏิบัติตามประเพณี และการกระทำที่เป็นอุตริกรรม การสาบานต่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์  โดยที่บรรดาผู้ปกครองและนักวิชาการต่างๆละเลย ไม่ตักเตือนและชี้แนะสู่ความถูกต้อง ความเสียหายเช่นนี้ทำให้เชคมุฮัมมัด ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง

3. การศึกษา

         เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ได้เริ่มทำการศึกษาด้วยการอ่านตำราของเชคตะกียุดดีน อิบนุ ตัยมียะฮ์ จึงทำให้แนวคิดของท่านได้ซึมซับแนวทางปฏิรูปจาก อิบนุ ตัยมียะฮ์ แม้ว่ายุคของอิบนุ ตัยมียะฮ์ จะห่างไกลกันมากกับยุคของท่านก็ตาม แต่ทว่าสภาพทางสังคมของยุคของท่านมีความคล้ายคลึงกัน ขณะเดียวกัน ตำราและความเห็นของ อิบนุ กอยยิม ก็มีผลอย่างมากในการเผยแพร่ศาสนาอิสลามของ เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ

4. การเดินทางไปแสวงหาความรู้ตามหัวเมืองต่างๆ

        ซึ่งทำให้ท่านเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ พร้อมกับได้เห็นสภาพสังคมมุสลิม ที่ยึดมั่นในบัญญัติอิสลาม และละเลยบัญญัติอิสลาม



การเริ่มเผยแพร่อิสลาม

         หลังจากที่  เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ออกเดินทางจากเมือง"อัลอะห์ซาอ์"ไปยังเมือง"หุรอยมีลาอ์" ท่านก็เริ่มเผยแพร่อิสลามที่ถูกต้อง และได้สั่งสอนประชาชนถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า "เตาฮีด" อันเป็นความหมายที่ถูกต้อง สูงส่ง พร้อมกับเรียกร้องให้ละทิ้งจากการวิงวอนขอจากกุโบร ขจัดสิ่งที่เป็นอุตริกรรม (บิดอะฮ์) และสิ่งไร้สาระ พร้อมกับหลีกห่างจากการทำบาปใหญ่และการทำชิริก

          ณ ตำบลหุรอยมีลาอ์ บางคนก็ดำเนินตามคำเชิญชวนของท่าน บางคนก็คัดค้านการเผยแพร่ของท่าน ผู้ที่เป็นศัตรูได้วางแผนทำร้ายท่าน โดยให้พวกอันธพาลวางแผนฆ่า ท่านจึงหลบออกจากเมืองหุรอยมิลาอ์



การทำลายกุบูร(หลุมฝังศพ)

         เป็นที่ทราบกันดีว่า ที่เมือง อัลอุยัยนะฮ์ มีกุบูรอยู่มากมาย โดยที่บางแห่งมีการสร้างโดมครอบไว้ ขณะเดียวกันก็มีการเยี่ยมเยือนกุบูร เพื่อแสดงการให้เกียรติและเทิดทูนยกย่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกุบรูของบรรดาศอฮาบะฮ์และบรรดาคนวะลี  ในบรรดากุบูรเหล่านี้ได้แก่กุบูรของท่าน อิบนุ คอฏฏอบ ซึ่งเป็นศอฮาบะฮ์ท่านหนึงของท่านเราะซูล  เป็นน้องชายของคอลีฟะฮ์ อุมัร เสียชีวิตลงในสงครามริดดะฮ์ ฮ.ศ.12 กุบูรซึ่งอยู่ใกล้ตำบลอัลญุบัยละฮ์ ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองอัดดริอียะฮ์ และเมืองอัลอุยัยนะฮ์

          ประชาชนได้มาเยี่ยมกุบูรของท่าน อิบนุ คอฏฏอบ มาบนบานและแก้บน ซึ่งเป็นการแสดงถึงการทำชิริก(ตั้งภาคี) อย่างเปิดเผย  ท่าน เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ จึงได้ออกไปที่กุบรูพร้อมทหารขอเจ้าชาย อุสมาน อิบนุ มุอัมมัร ผู้ปกครองเมือง อัลอุยัยนะฮ์ โดยได้ทำลายโดมที่ครอบกุบรู และทำลายกุบูร พร้อมกับปรับพื้นดินให้ราบเรียบ

         การกระทำของ เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ เป็นที่โจษจันท์กันอย่างกว้างขวางในแคว้นนัจด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มของผู้ที่ไม่มีความรู้ เพราะพวกเขาเชื่อว่าการทำลายโดมและกุบูรของท่านอิบนุ คอฏฏอบ จะต้องเกิดภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงแน่นอน และเชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ จะต้องประสบกับความหายนะ ครั้นเมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปหลายวัน หลายสัปดาห์ ก็ไม่ปรากฏว่ามีภัยพิบัติใดๆเกิดขึ้น และเชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ก็ยังคงปกติดีอยู่ จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากมีความนิยมเลื่อใสในตัวท่าน และเชื่อว่าหลักการศาสนาที่ท่านได้นำมาเสนอนั้นมีความถูกต้อง



การตัดต้นไม้มงคล

          ประชาชนในสมัยนั้น ไม่เพียงแต่จะงวอนขอพรและขอความช่วยเหลือจากกุบูรเท่านั้น และพวกเขายังได้วิงวอนขอจากต้นไม้มงคลทั้งหลาย มีการนำผ้าไปห่มเพื่อเอาบารอกัต หรือเด็ดใบไม้และหักกิ่งไม้มาเก็บไว้เพื่อเป็นสิริมงคล ในเมืองอุยัยนะฮ์ มีต้นไม้ต้นหนึ่ง มีชื่อว่า"อัซซีบ" เป็นต้นไม้ที่ได้รับการเคารพยกย่องอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ที่ไม่มีความรู้ และไม่มีผู้ใดกล้าที่จะตัดต้นไม้นี้ เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ จึงออกไปด้วยตนเอง แล้วตัดมันทิ้ง จึงทำให้ความขลังของมันหมดไป



การขว้างหญิงทำซินา

          หญิงผู้หนึ่งได้มาหา เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ และกล่าวยอมรับว่านางทำซินา และนางแต่งงานแล้ว นางได้เพียรมาหา เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ หลายครั้งโดยสารภาพว่านางทำซินา นางมีปฏิสัมปชัญญะครบสมบูรณ์ เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ จึงทำการสอบสวนนาง จึงแน่ใจว่านางมีสติดีมิได้เป็นคนวิกลจริต ขณะเดียวกันท่านก็ไม่รีบด่วนในการลงโทษ ท่านยังคงทำการสอบสวนนางต่อไป โดยคิดว่านางอาจจะถูกฉุดคร่าอนาจาร แต่นางก็ยืนกรานว่านางสมัครใจในการทำซินามิได้ถูกบังคับขู่เข็ญ หรือฉุดคร่าอนาจารแต่อย่างใด

         เมื่อแน่ใจว่านางทำผิด จึงนำนางมาที่สนามกลางเมืองแล้วทำการลงโทษโดยการขว้างด้วยหินจนตาย เจ้าชายอุสมาน อิบนุมุอัมมัร เป็นบุคคลแรกที่ทำการขว้างนาง ติดตามด้วยการขว้างของประชาชนจนนางถึงแก่ความตาย อันเป็นการปฏิบัติตามบัญญัติการลงโทษในอิสลามของผู้ที่แต่งงานแล้ว ที่ทำซินา(ผิดประเวณี) ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม จะต้องถูกขว้างด้วยหินจนตาย

         การลงอาญาตามบัญญัติอิสลามจะต้องทำด้วยความรอบครอบถี่ถ้วน และต้องพิสูจน์ว่ามีการทำผิดอย่างแท้จริง มิใช่ตัดสินพิพากษาด้วยความรวบรัด หรือรีบด่วน หากแต่ว่าต้องสอบสวนอย่างละเอียด มีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน มีน้ำหนักอย่างเพียงพอในการลงโทษผู้ต้องหา แม้ว่าบัญญัติอิสลามจะมีบทลงโทษอย่างรุนแรงเฉียบขาดก็ตาม แต่มิได้หมายความว่า จะนำผู้ต้องหามาลงโทษด้วยหลักฐานที่เลื่อนลอย

Re: นำเสนอประวัติจุดกำเนิดวะฮาบีย์ที่เป็นธรรม By: whb Date: ต.ค. 09, 2010, 07:08 PM
ความสับสนเกี่ยวกับการเผยแพร่ศาสนาอิสลามของ

เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ



          การเผยแพร่อิสลามของเชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ต้องประสบกับภัยการขัดขวางของผู้ทีทีความอิจฉาริษยา และการต่อต้านของผู้ที่ไม่รู้ในศาสนา และอันธพาลชน โดยมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางการเผยแพร่ของท่านทุกวิถีทาง

          ความพยายามในการต่อต้านการเผยแพร่ของเชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ จุดชนวนขึ้นจากบรรดาเจ้าเมืองต่างๆ ในแคว้นนัจด์ และบรรดานักวิชาการบางคน เนื่องจากลัวว่าจะสูญเสียอำนาจ อิทธิพล และผลประโยชน์ พวกเขาพยายามกล่าวหา เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ว่าได้เรียกร้องไปสู่ความหลงผิด และลบล้างความเชื่อมั่นของบรรดาบรรพบุรุษ พวกเขาได้เรียบเรียงตำราเพื่อตอบโต้ เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ และประโคมการโฆษณาเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงต่างๆ

          ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนที่ขาดความรู้ ในแคว้นนัจด์ต่างต่อต้านการเผยแพร่ของ เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ เพราะพวกเขาไม่ได้ศึกษาในศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง และยึดมั่นหลักการศรัทธาที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง พวกเขาคิดว่าหลักศาสนาคือการปฏิบัติตามประเพณีที่บรรพบุรุษได้ปฏิบัติสืบทอดกันมา

         เมื่อ เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ได้นำเอาบัญญัติอิสลามที่ถูกต้องมาเสนอจึงเกิดกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันบรรดาอุละมาอ์ที่มีส่วนในการรับผลประโยชน์ ได้ออกมาเรียกร้องให้ต่อต้านการเผยแพร่ของ เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ เนื่องจากความอิจฉาริษยา และหวงแหนในผลประโยชน์ทางด้านวัตถุ เกียรติยศ ชื่อเสียง อำนาจ และบารมี ซึ่งได้จากการทำพิธีกรรม การบนบาน ค่าธรรมเนียมในการเยี่ยมเยือนกุบูร(หลุมฝังศพ) ของศอฮาบะฮ์ และคนวะลีทั้งหลาย

          ประเด็นที่ เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ถูกกล่าวหาได้แก่

     1. เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ทำลายกุบูร(หลุมฝังศพ) ของบรรดาศอฮาบะฮ์ และบรรดาผู้ที่เสียชีวิตในสงครามริดดะฮ์ โดยกล่าวหาว่าท่านกระทำโดยปราศจากหลักฐานทางบัญญัติศาสนามาสนับสนุน

     2. เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ   ถูกกล่าวหาว่าผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเผยแพร่ศาสนาอิสลามของตนเป็นกาฟิร

     3. เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ปฏิเสธการชะฟาอะฮ์ ของนะบีมุฮัมมัด

          ด้วยความศรัทธาอย่างแน่นแฟ้น และการมีหลักฐานอย่างครบถ้วน เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ได้ตอบโต้ข้อกล่าวหาของพวกเขาทั้งหมดดังนี้ คือ

     1. การทำลายกุบูร(หลุมฝังศพ)ของบรรดาศอฮาบะฮ์ และผู้ที่ตายชะฮีด ก็เนื่องจากว่าประชาชนทั้งหลาย ต่างไปวิงวอนขอความช่วยเหลือจากเจ้าของกุบูร ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทำชิริก

     2. เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ ไม่เคยยืนยันว่าผู้ใดเป็นชาวสวรรค์ หรือชาวนรก นอกจากผู้ที่ท่านเราะซูล  ได้ยืนยันไว้แล้วเท่านั้น ขณะเดียวกันท่านก็วิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ ให้ทรงตอบแทนผู้ประกอบความดีด้วยสรวงสวรรค์ และตักเตือนผู้ทำชั่วให้ยุติการทำชั่ว มิเช่นนั้นแล้วเขาจะต้องถูกลงโทษในนรก

     3. เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ มิได้ปฏิเสธการชะฟาอะฮ์(การขอบรรเทาโทษ) ของท่านนะบีมุฮัมมัด ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังหวังที่จะได้รับการชะฟาอะฮ์จากท่านนะบีมุฮัมมัด  สิ่งที่ท่านกล่าวยืนยันก็คือ การชะฟาอะฮ์จะต้องได้รับการอนุญาตจากอัลลอฮ์ เท่านั้น และพระองค์ทรงตรัสว่า

"(มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า การชะฟาอะฮ์ทั้งหมดนั้นเป็นของอัลลอฮ์" (อัซซุมัย / 44)

          กล่าวคือ การชะฟาอะฮ์จะมีขึ้นได้ก็ด้วยการอนุญาตจากอัลลอฮ์ ไม่ว่าจะเป็นนะบีมุฮัมมัด  หรือนะบีคนใดก็ตาม หรือบุคคลใดก็ไม่มีการขอชะฟาอะฮ์ นอกจากต้องได้รับการอนุมัติจากพระองค์อัลลอฮ์  และอัลลอฮ์  จะทรงไม่อนุญาตให้แก่ใครนอกจากผู้ที่เป็นมุสลิมเท่านั้น

          เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ จะตอบโต้ผู้ที่กล่าวหาท่านโดยการหยิบยกเอาตัวบทจากอัลกุรอาน และซุนนะฮ์มายืนยัน ท่านได้แต่งหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "กัชฟุชชุบุฮาต" เปิดเผยสิ่งที่คลุมเครือ เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว



ความสัมพันธ์ระหว่าง เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ และเจ้าเมืองอัดดิรอียะฮ์

          เป็นที่ทราบดีว่า เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ เจ้าชายมุฮัมมัด อิบนุุสะอูด เจ้าเมืองอัดดิรอียะฮ์ และเห็นด้วยกับการเผยแพร่หลักการอิสลามที่ถูกต้องของ เชค มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ มาโดยตลอด ทำให้มีผู้ดำเนินตามท่านอย่างมากมาย ซึ่งเป็นผลทำให้ราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย สามารถรวบรวมดินแดนในคาบสมุทรอาหรับให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ขณะเดียวกันการเผยแพร่อิสลามในแนวสลัฟ ซึ่งยึดถือตามแนวกิตาบุลลอฮ์ และซุนนะฮ์มีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น

แนวสลัฟแพร่หลายเข้าไปในโลกอิสลาม

          เพียงระยะเวลาไม่กี่ปี หลักอะกีดะฮ์ที่ถูกต้องได้แพร่กระจายไปยังหัวเมืองต่างๆ ของแคว้นนัจด์ เช่น เมืองอัลอาริฏ, สุดัยร, ฮาอิล, อัลวัชม, อัลคอรญ, อัลหะรีก, อัลอัฟลาจญ และยังแพร่กระจายไปยังแคว้นต่างๆ และประเทศใกล้เคียงอีกด้วย เช่น อัลอะห์ซาอ์, อุมาน, หิญาซ, เยเมน, ดินแดนทางตอนใต้ของอิรัค และนอกคาบสมุทรอาหรับ อันเป็นผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ที่สำคัญคือ

     1. เกิดความตื่นตัวของมุสลิมในการพัฒนา และลุกขึ้นมาแสดงพลัง หลังจากที่ตกอยู่ในความอ่อนแอ ไร้เกียรติมาโดยตลอด

     2. เรียกร้องให้บรรดานักวิชาการหวนกลับมายึดรากฐานของศาสนาอิสลามที่ถูกต้ง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการศรัทธา หรือหลักปฏิบัติ

     3. ขจัดความเชื่อถือและความคิดที่งมงายออกไปจากจิตใจของมุสลิม

     4. ปลุกเร้าให้มุสลิมมีความสนใจทางด้านการศึกษา เพื่อยกระดับฐานะให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ

     5. ทำให้มีนักปฏิรูปที่สำคัญเกิดขึ้นในโลกอิสลาม เพื่อเรียกร้องบรรดามุสลิมให้มีความรัก ความหวงแหนศาสนาอิสลาม และมีความตระหนักว่ามุสลิมเป็นพี่น้องกัน

บุคคลเหล่านี้ได้แก่ เชคญะมาลุดดีน อัลอัฟฆอนี และ เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮ์ฮาบ

 



จาก : สารดาริสสลาม