Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: ILHAM Date: พ.ย. 12, 2009, 11:35 PM
เคยเจอเหมือนกัน ถึงจะเขียนมั่วแบบนั้น แต่กวาดตาอ่านสบายเลย
Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: nada-yoru Date: พ.ย. 13, 2009, 12:12 AM
^
^
แสดงว่าคนที่ส่งต่อๆกันมาเค้าอ่านกันออกเนาะ...เหอๆ...
พี่ว่าคนที่คิดและทำอะไรออกมาแบบนี้ได้สุดยอดเหมือนกันนะเนี่ย...
ชอบจัง...

พี่ยังไม่เคยได้รับเมลนี้เลยค่ะ...
ขอบคุณอาเด๊ะแมวน้อยมากเลยจ้าาาาาาา...
ปล.อยากกินข้าวต้มรอบดึกมั้ย....

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: nada-yoru Date: พ.ย. 13, 2009, 12:18 AM
เติมพลังด้วยโอวัลตินอุ่นๆ
กับ
ข้าวต้มรอบดึก สำหรับผู้ที่หมดแรงข้าวต้มค่ะ


Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: ILHAM Date: พ.ย. 13, 2009, 12:59 AM
ทำไมต้องเรียกว่าแรงข้าวต้ม
Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: nada-yoru Date: พ.ย. 13, 2009, 01:05 AM
^
^
สงสัยจะเป็นเพราะคนสมัยก่อนจะทานข้าวต้มในมื้อเช้าก่อนออกไปทำงาน
พอเริ่มหิวอีกทีหรือหิวก่อนเวลาอาหารเที่ยงเพราะหมดแรง
ก็เลยพูดว่า"หมดแรงข้าวต้ม"มั้งคะ...อันนี้พี่มั่วเอานา...

(เนื่องจากว่า พี่เองก็กินข้าวต้มในมื้อเช้าก่อนไปโรงเรียนตั้งแต่เด็กอ่ะสิ
ไม่ใช่คนสมัยก่อนที่ไหนเรย...เหอๆ)
วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: ILHAM Date: พ.ย. 13, 2009, 01:47 AM
โจ๊กกับข้าวต้มต่างกันตรงไหน
Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: as-satuly Date: พ.ย. 13, 2009, 07:08 AM
ใช่แล้วครับ คำว่า "หมดแรงข้าวต้ม" คือ เป็นอาการที่บ่งบอกว่า มีอาการหิวก่อนมื้ออาหารถัดไปจะมาถึง เป็นเพราะว่า ฤทธิ์ข้าวต้มมันมีปริมาณไม่เพียงพอกับระบบน้ำย่อยในร่างกายของเรา อีกทั้งข้าวต้มเองมันก็มีปริมาณที่น้อยนิดนั้นเอง เป็นแค่เพียงข้าวไม่กี่เม็ดผสมกับน้ำนั่นเอง แล้วมันจะอิ่ม(แบบพอดิบพอดี)เหมือนกับข้าวยำหรือข้าวแกงได้อย่างไร
ดังนั้น จึงเป็นสาเหตุให้ร่างกายของเรามีความต้องการปริมาณอาหารเพิ่มเติม ณ เวลานั้นพอดี กล่าวคือ หมดแรง หรือหมดฤทธิ์ข้าวต้มเมื่อไร อาการหิวจะมาวนเวียนภายในสมองของเราทันที
ไม่เชื่อก็ลองดูดิ
แล้วจะหาว่าไม่เตือนไง
แต่บางคนบางรายก็รับประทานข้ามต้มจนเคยชินในเวลายามเช้า แบบนี้ อาการหิวคงไม่ค่อยเท่าไรนัก หรือไม่รู้สึกรู้สากับอาการหิว เพราะชินชามั่ง
แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ เราก็ต้องพยายามรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับปริมาณความต้องการของร่างกายของเราด้วย เพื่อความสมดุลย์และความอิ่มกายอิ่มใจ(อิ่มท้อง)ของเราตลอดเวลา...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม 
ส่วนความหมายระหว่างคำว่า "ข้าวต้ม" กับ "โจ๊ก" นั้น จะมีความหมายดังต่อไปนี้
"ข้าวต้ม" หมายถึง ข้าวที่ต้มให้สุก; ข้าวเหนียวที่ห่อด้วยใบไม้เช่นใบตองหรือใบมะพร้าวอ่อน แล้วต้มหรือนึ่งให้สุกอยู่ในจําพวกขนม มีชื่อต่าง ๆ เช่น ข้าวต้มมัด ข้าวต้มผัด
"โจ๊ก" หมายถึง ข้าวต้มชนิดหนึ่งที่ใช้ปลายข้าวต้มจนเละ
(ดู : พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒)
Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: JawhaR Date: พ.ย. 13, 2009, 09:02 AM
ข้าวต้มมันยังเป็นเม็ดอยู่ป่ะ
แต่โจ๊กมันจะเละๆ อะคับ
ผมชอบกินข้าวต้มกุ๊ยมากๆ
ข้าวต้มกุ๊ยจะมีกับด้วย เป็นปลา เนื้อเค็ม ยำไข่เค็ม ผัดพักบุ้ง ยำไข่เยี่ยวม้า ผัดหัวไชโป้ ฯลฯ
Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: Bangmud Date: พ.ย. 13, 2009, 10:09 AM
salam
ข้าวต้มกุ๊ย คือข้าวต้มเปล่า ๆ คำว่ากุ๊ย หรือ กุย หรือ กุ่ย ภาษาจีนแปลว่า ผี ความหมายโดนนัย คือ คนวรรณะต่ำ เช่น กรรมกร
เป็นอาหารที่จับกังหรือผู้ใช้แรงงานชาวจีนที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทยรวมทั้งชาวไทย นิยมรับประทาน เพราะ ราคาถูก
ฟังเขาเล่ามาว่า สมัยก่อน ผู้ใช้แรงงาน สั่งข้าวต้มกุ๊ยมากินอย่างเดียว กินกับก้อนกรวดที่คั่วกับน้ำเกลือให้มีรสเค็ม หรือ ใส่ซีอิ๊ว
จะได้จ่ายเฉพาะค่าข้าวต้ม ไม่ต้องจ่ายค่ากับข้าว มีตังค์ขึ้นหน่อยก็ยอมกินกับข้าวราคาถูก ๆ บ้าง บางคนถึงกับตั้งปนิธานว่า ถ้ายังไม่มีเงินหมื่น จะยังไม่กินไก่
เงินหมื่นเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว น่าจะเทียบค่าได้เป็นเงินล้านในสมัยนี้ ดังนั้น คนจีนเหล่านั้น หลายคนจึงกลายเป็นเถ้าแก่
สมัยก่อนกินข้าวต้มกุ๊ย เดี๋ยวนี้เป็นเจ้าสัว เจ้าของกิจการค้าข้าวทั้งภายในและส่งออกภายนอกประเทศ
ส่วนโจ๊กนั้น ต้มปลายข้าวจนเละและใส่เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อสับ ไก่สับ ตามที่ต้องการ บางทีก็ฉีกปาท่องโก๋ หรือ จ่าก๊วยใส่เข้าไปด้วย หรือลวกไข่ใส่เข้าไปอีก
ปรุงรสตามใจชอบ พูดแล้วน้ำลายไหล
อย่างไรก็ตาม มีโจ๊กอย่างน้อย 2 อย่างที่ห้ามมุสลิมกิน
คือ โจ๊กหมูใส่ไข่ไก่ กับ โจ๊กไก่ใส่ไข่หมู
Just kidding !
Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: JawhaR Date: พ.ย. 13, 2009, 10:43 AM
salam
ข้าวต้มกุ๊ย คือข้าวต้มเปล่า ๆ คำว่ากุ๊ย หรือ กุย หรือ กุ่ย ภาษาจีนแปลว่า ผี ความหมายโดนนัย คือ คนวรรณะต่ำ เช่น กรรมกร
เป็นอาหารที่จับกังหรือผู้ใช้แรงงานชาวจีนที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทยรวมทั้งชาวไทย นิยมรับประทาน เพราะ ราคาถูก
ฟังเขาเล่ามาว่า สมัยก่อน ผู้ใช้แรงงาน สั่งข้าวต้มกุ๊ยมากินอย่างเดียว กินกับก้อนกรวดที่คั่วกับน้ำเกลือให้มีรสเค็ม หรือ ใส่ซีอิ๊ว
จะได้จ่ายเฉพาะค่าข้าวต้ม ไม่ต้องจ่ายค่ากับข้าว มีตังค์ขึ้นหน่อยก็ยอมกินกับข้าวราคาถูก ๆ บ้าง บางคนถึงกับตั้งปนิธานว่า ถ้ายังไม่มีเงินหมื่น จะยังไม่กินไก่
เงินหมื่นเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว น่าจะเทียบค่าได้เป็นเงินล้านในสมัยนี้ ดังนั้น คนจีนเหล่านั้น หลายคนจึงกลายเป็นเถ้าแก่
สมัยก่อนกินข้าวต้มกุ๊ย เดี๋ยวนี้เป็นเจ้าสัว เจ้าของกิจการค้าข้าวทั้งภายในและส่งออกภายนอกประเทศ
ส่วนโจ๊กนั้น ต้มปลายข้าวจนเละและใส่เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อสับ ไก่สับ ตามที่ต้องการ บางทีก็ฉีกปาท่องโก๋ หรือ จ่าก๊วยใส่เข้าไปด้วย หรือลวกไข่ใส่เข้าไปอีก
ปรุงรสตามใจชอบ พูดแล้วน้ำลายไหล
อย่างไรก็ตาม มีโจ๊กอย่างน้อย 2 อย่างที่ห้ามมุสลิมกิน
คือ โจ๊กหมูใส่ไข่ไก่ กับ โจ๊กไก่ใส่ไข่หมูJust kidding !
เฮ้อ.......

Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: nada-yoru Date: พ.ย. 13, 2009, 12:25 PM
ข้าวต้มมันยังเป็นเม็ดอยู่ป่ะ
แต่โจ๊กมันจะเละๆ อะคับ
ผมชอบกินข้าวต้มกุ๊ยมากๆ
ข้าวต้มกุ๊ยจะมีกับด้วย เป็นปลา เนื้อเค็ม ยำไข่เค็ม ผัดพักบุ้ง ยำไข่เยี่ยวม้า ผัดหัวไชโป้ ฯลฯ
ช่ายยยยยยยยแล้วค่ะ...
เช่น คำว่า เละเป็นโจ๊กค่ะ...

เช้าๆชอบกินข้าวต้มค่ะ กินคล่อง เร็วด้วย(ไม่ต้องเคี้ยวนาน)
เบาท้องดีค่ะ(คือวิ่งลงเขาได้สะดวกค่ะ)...

...
แบบว่ารีบๆกินจะได้รีบๆไป...แต่ถ้าวันไหนต้องใช้แรงในการรบกับ
เรื่องงานเรื่องเรียนมากหน่อยก็ต้องข้าวเหนียวหรือไม่ก็ข้าวเจ้าหนักๆค่ะ...
เวลารีบมากๆก็จะต้มน้ำให้เดือด ใส่โน่นใส่นี่ลงไป
(กุ้งบ้างหมึกบ้างสารพัดผักบ้าง คือใส่ทุกอย่างที่อยากจะกินหรือในตู้เย็นมี)
แล้วค่อยใส่ข้าวเย็นในหม้อลงไปในน้ำซุปนั้น...กลายเป็นข้าวต้มอะไรไม่รู้ค่ะ
รู้แต่ว่าอร่อยไม่แพ้กัน...เร็วอีกต่างหาก...
แถมไม่ต้องทนกินข้าวเย็นที่เหลืออีกค่ะ...เหอๆ

Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: GaDiRy Date: พ.ย. 13, 2009, 12:45 PM
ของเหลือๆในตู้ + ข้าวเย็นที่เหลือไว้
น้ำพริกกะปิยังเหลือเต็มถ้วยเลย TT_TT
สงสัยมื้อนี้คงได้กิน ข้าวคลุก(น้ำพริก)กะปิซะแร้ว

Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: nada-yoru Date: พ.ย. 13, 2009, 01:03 PM
ของเหลือๆในตู้ + ข้าวเย็นที่เหลือไว้
น้ำพริกกะปิยังเหลือเต็มถ้วยเลย TT_TT
สงสัยมื้อนี้คงได้กิน ข้าวคลุก(น้ำพริก)กะปิซะแร้ว

ข้าน้อยยึดคติที่ว่า...ในของเหลือมีของดี...งิงิ
ก็เลยใช้วิธีทำดังข้างบนน่ะค่ะ...เพราะข้าวเหลือยิ่งอุ่นยิ่งแข็ง
ก็เลยเอามาต้มซะเลย...นิ่มเชียวค่ะแถมได้ข้าวร้อนๆกรุ่นๆ...
ยิ่งหนาวๆยิ่งสบายอุรา....บางทีก็ต้มใส่เกลือเฉยๆคล้ายๆข้าวต้มกุ๊ย...
แล้วกินกับกับอย่างอื่น...
บางทีก็เอาของเหลือที่มีทั้งหมดมารวมตัวกันในหม้อ
(คือถ้าทิ้งไปเดี๋ยวมันจะน้อยใจที่เราไม่กินมันอีก...สงสารค่ะ...บาปปปปด้วย)
กลายเป็นเมนูพิสดารมานักต่อนักแล้วค่ะ...

ไม่ได้โม้...

ปล.ถ้าที่เหลือคือข้าวเย็นกับน้ำพริกนี่...ลองเอาสองอย่างลงไปผัดหรือคั่วดูสิคะ...
พรมน้ำสักหน่อย ข้าวที่ว่าแข็งๆจะอ่อนตัวลงค่ะ...
ได้กินข้าวคลุกน้ำพริกกะปิร้อนๆเลยล่ะค่ะ...หากมีอย่างอื่นเหลืออีก
ก็ลองเอาลงไปใส่ๆดูสิคะ...ความอร่อยอาจจะเกิดขึ้นโดยมิได้ตั้งใจก็ได้ค่ะ...เหอๆ
เพราะน้ำพริกก็อร่อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วใช่มั้ยคะ...

Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: nada-yoru Date: พ.ย. 13, 2009, 01:33 PM
โกโก้เย็นๆจาก711ร้อนๆมาแล้วจ้าโคลงเคลง
Re: เสวนาร้านน้ำชาออนไลน์ By: JawhaR Date: พ.ย. 13, 2009, 02:10 PM
โกโก้เย็นๆจาก711ร้อนๆมาแล้วจ้าโคลงเคลง
ตกลง ร้อน หรือ เย็น จ๊ะ 