อ.อารีฟีน แสงวิมาน

เมื่อร่อมะฎอนได้ผ่านพ้นไป และอัลเลาะฮ์ตะอาลาก็ทรงประทานความเมตตาและความโปรดปรานให้เราถือศีลอดอย่างลุล่วงไปด้วยดีนั้น เราก็จงบากบั่นปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่อไปเพื่อชุกูร (ขอบคุณ) อัลเลาะฮ์ต่อเนี๊ยะอฺมัตอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้ทรงประทานให้ และหนึ่งในอิบาดะฮ์หลังจากร่อมะฎอนนั้น คือซุนนะฮ์ให้ทำการถือศีลอด 6 วันของเดือนเชาวาลนั่นเอง

มุสลิมนั้นย่อมมีความแตกต่างกันตามอะมัลที่พวกเขาได้ปฏิบัติ หากเรากลับไปศึกษาซูเราะฮ์อัลวากิอะฮ์ ก็จะพบว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงแบ่งมนุษย์ออกเป็น 3 ประเภท

ความประเสริฐของเดือนร่อมะฎอน

อัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงเจาะจงเดือนร่อมะฎอนอันจำเริญนี้ด้วยความประเสริฐ ความดีงาม และบะร่อกะฮ์อันมากมาย

ปราชญ์บางท่านกล่าวว่า เดือนทั้งสิบสองนั้น เปรียบเสมือนกับบรรดาลูกๆ ของท่านนบียะอฺกู้บ อะลัยฮิสสลาม  และเดือนร่อมะฎอนในหมู่เดือนอื่นๆ นั้น เปรียบเสมือนกับท่านนบียูซุฟในหมู่พี่น้องของท่าน  ดังนั้น เฉกเช่นที่ท่านนบียูซุฟเป็นบุตรสุดที่รักยิ่งของท่านนบียะอฺกู้บ ร่อมะฎอนก็เช่นกัน เป็นเดือนอันเป็นที่รักยิ่ง ณ อัลเลาะฮ์ตะอาลา

ข้อคิดดีๆ สำหรับอุมมะฮ์ของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็คือ หากว่าในตัวท่านนบียูซุฟนั้นมีความอ่อนโยนไม่ถือโทษ (ฮิลม์) มีการให้อภัยครั้งแล้วครั้งเล่า (อัฟวุ์) ที่ทำให้ความแห้งแล้งของพวกเขาเจิ่งนองขึ้นมาในขณะที่ท่านได้กล่าวว่า  

อัลบะร่อกะฮ์: คือการเพิ่มพูนความดีงามที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงให้คงอยู่ในสิ่งหนึ่ง (ดู อัรรอฆิบ อัลอัสฟะฮานีย์,มุฟร่อดาต อัลฟาซิลกุรอาน,เล่ม1 หน้า 83) 

ส่วนคำว่า “อัตตะบัรรุก” ย่อมหมายถึง การแสวงหาความดีงามอันมากมายที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาให้คงอยู่ในสิ่งนั้น