Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: เหรียญ 2 ด้าน Date: ต.ค. 06, 2009, 10:43 PM
salam
เป้าหมายของการเยินยอ
ครั้งหนึ่งได้มีชาวอาหรับชนบทเข้าเฝ้าคอลีฟะห์ฮิชาม อิบนุ อับดิลมาลิกและกล่าวสรรเสริญเยินยอพระองค์ต่อหน้าพระที่นั่ง คอลีฟะห์จึงกล่าวขึ้นว่า : โอ้ท่านผู้นี้ แท้จริงการสรรเสริญเยินยอบุคคลต่อหน้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่บังควรและถูกห้ามตามหลักการของศาสนา ฉะนั้นท่านจงอย่าสรรเสริญเยินยอผู้คนต่อหน้าพวกเขา!
ชาวอาหรับชนบทจึงกล่าวขึ้นว่า : ขอสาบานต่ออัลลอฮ โอ้ท่านฮิชาม! อันตัวฉันนี้มิได้สรรเสริญเยินยอท่านเลยแม้แต่น้อย หากแต่ฉันกระตุ้นเตือนให้ท่านได้ระลึกและเกิดความสำนึกต่อความโปรดปรานอันมากมายของพระองค์อัลลอฮ (ซ.บ.) ที่มีต่อท่าน
เพื่อที่ท่านนั้นจักได้ไม่ลืมตัวและหมั่นระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เสมอ การณ์เป็นเช่นนี้ต่างหาก!
(คัดจาก อัลมุฟร่อดุ้ลอะลัม ฟี รอซมิลก่อลัม หน้า 92)
credit alisuasaming.com
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 06, 2009, 11:12 PM
salam
ขอบคุณค่ะ
วัสลามุอะลัยกุม
^_________^
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 07, 2009, 12:16 PM
เมื่อกี้ก่อนเข้าห้องสอบ5นาที เอาหนังสือขึ้นบิสมิลลัฮ เปิดได้หน้าไหนจะอ่านหน้านั้น เปิดเสร็จอ่านจบเดินเข้าห้องสอบ
เข้าห้องสอบแล้วดีใจมาก เจอข้อแรกตรงกับที่อ่านเมื่อกี้พอดีเป๊ะๆ หาปริมาตรทรงตันรูปครก
เปิดไปข้อ2 หาปริมาตรทรงตันเหมือนกัน แต่บังคับให้ใช้วิธีเปลือทรงกระบอก เจ๊งเลย แต่ยังดีที่เคยผ่านตา
มาถึงข้อกลางๆ เจอบายพาส ลืมไปแล้วว่าต้องบายพาสอะไรยังไง นั่งใจลอย5นาที และแล้ว อัลลอฮก็ได้อิลฮามวิธีบายพาสให้ 5555
แต่อิลฮามข้อนั้นข้อเดียว ข้ออื่นไม่ช่วยแล้ว โทษฐานไม่อ่านหนังสือ
ส่วนอนุกรมลู่เข้าลู่ออกยังพอที่จะมั่วๆเอาได้บ้าง
alhamdulillah
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: คนเดินดิน Date: ต.ค. 07, 2009, 12:56 PM
salam
เจอพิษแคลคูลัสเข้าแล้วหล่ะสิท่า
แล้วท่านจักหายาถอนพิษจากที่ใด?

Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 07, 2009, 01:07 PM
salam
เจอพิษแคลคูลัสเข้าแล้วหล่ะสิท่า
แล้วท่านจักหายาถอนพิษจากที่ใด?

หาจากบอร์ดนี่แหละ สอบเสร็จเที่ยงก็เข้ามาในนี้เลย 5555
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 07, 2009, 01:37 PM
และแล้ว อัลลอฮก็ได้อิลฮามวิธีบายพาสให้ 5555
แต่อิลฮามข้อนั้นข้อเดียว ข้ออื่นไม่ช่วยแล้ว โทษฐานไม่อ่านหนังสือ
ส่วนอนุกรมลู่เข้าลู่ออกยังพอที่จะมั่วๆเอาได้บ้าง
alhamdulillah
ทั้งหมดกี่ข้อหรืออิลฮาม...
ว่าแต่รอบนี้พูดจาไพเราะจริงๆ
สงสัยทำ(มั่ว)ข้อสอบได้หมดทุกข้อแหงมๆ...

พิษอะไรหรือจะเท่าพิษคณิตฯ เอ๊ย พีชชชชชคณิต
(โทษทีพี่เคยติดร.ภาษาไทยมาก่อน...เลยอาจสับสนบ้างในบางตัวอ่ะจ้า...

)
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: เหรียญ 2 ด้าน Date: ต.ค. 07, 2009, 01:40 PM
salam
สัตว์น้ำ
โดย...อาลี เสือสมิง
ในคัมภีร์อัลกุรอาน ระบุถึงสัตว์น้ำโดยเฉพาะสัตว์ทะเลเอาไว้ในรูปคำว่า ฮูต (حُوْتٌ ) หมายถึง ปลา (اَلسَّمَكُ ) มีรูปพหูพจน์ว่า อะฮฺวาตฺ , ฮูตะฮฺ และฮีตานฺ คำว่า ฮูต ถูกระบุในอายะฮฺที่ 61 และ 63 บทอัลกะฮฺฟี่ เป็นเรื่องของปลาที่ท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) กับเด็กรับใช้ของท่านนำใส่ตะกร้าหรือข้อง ได้นำไปเป็นอาหารระหว่างการเดินทางไปพบท่านศาสดาค่อฎิรฺ (หรือคิเฎ็ร)
ปลาที่ว่านี้เป็นปลาย่าง แต่มันกลับมามีชีวิตและดิ้นออกจากข้องลงทะเลไป ซึ่งนั่นเป็นจุดนัดพบระหว่างท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) กับศาสดาค่อฎิรแต่เด็กรับใช้ของท่านศาสดามูซา คือ ยูชะอฺ บิน นูนฺ ไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบ จวบจนกระทั่งเดินทางผ่านมาได้ระยะหนึ่ง ท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) อ่อนล้าและเกิดอาการหิว จึงเรียกหาปลาที่นำมาเป็นอาหารกลางวัน
ยูชะอฺ บิน นูน จึงแจ้งให้ท่านศาสดาทราบและบอกว่า ชัยตอนทำให้ยูชะอฺลืมแจ้งเรื่องแปลกประหลาดนั้นแก่ท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) ท่านจึงบอกว่า นั่นแหล่ะ คือสิ่งที่เราสองคนกำลังแสวงหา ทั้งสองจึงย้อนกลับไปยังที่ซึ่งปลาตัวนั้นหลุดจากข้องไป แล้วทั้งสองก็พบกับศาสดาค่อฎิร (อะลัยฮิซซลาม) และเกิดเรื่องราวดังที่ถูกระบุไว้ในบทอัลกะฮฺฟี่ นับแต่อายะฮฺที่ 60 ถึงอายะฮฺที่ 82
นักวิชาการได้ระบุว่า ปลาที่ท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) ให้ยูชะอฺ บิน นูน นำใส่ข้องไปด้วยนั้นเป็นปลาย่าง ต่อมามันก็หลุดออกจากข้องไปและว่ายลงทะเล น้ำทะเลบริเวณนั้นก็หยุดไหลและจับตัวแข็งรอบๆ ตัวปลา เหมือนโขดหิน มีรายงานจากท่านอิบนุ อับบาส (ร.ฎ) ว่า เหตุที่ปลาย่างกลับมามีชีวิตเพราะมันโดนหยดน้ำจากตาน้ำแห่งหนึ่งที่นั่น เรียกกันว่า ตาน้ำแห่งชีวิต (عَيْنُ الْحَيَاةِ ) ซึ่งหยดน้ำนี้เมื่อโดนหรือสัมผัสกับสัตว์ที่ตาย มันจะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่
แต่อัลกัลบีย์ กล่าวว่า ยูชะอฺ บิน นูน ได้อาบน้ำละหมาดจากน้ำของตาน้ำแห่งชีวิต และน้ำก็หยดลงบนตัวปลาที่ถูกใส่เกลือขณะที่มันอยู่ในข้องแห้งๆ จนลงน้ำทะเลไป ตรงนั้นเรียกว่า ที่รวมของทะเลสองแห่ง (مَجْمَعُ الْبَحْرَيْنِ ) ซึ่งนักวิชาการก็กล่าวไว้แตกต่างกัน เช่น คือทะเลเปอร์เซียกับทะเลรูมถัดจากทิศตะวันออก บ้างก็บอกว่า ทะเลจอร์แดนกับทะเลกุลซุม บ้างก็ว่าเป็นทะเลที่อยู่ทางทิศตะวันตกกับทะเลที่อยู่ตรงช่องแคบ
เรื่องของปลาย่างที่กลับมามีชีวิตนี้ นับเป็นเรื่องแปลก แต่ก็รับฟังเอาไว้เพื่อประดับความรู้ก็แล้วกัน สิ่งที่จำเป็นต้องเชื่อก็คือ เจ้าปลาตัวนี้ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์อัล กุรอานในเรื่องของศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) ส่วนที่เล่าให้ฟังนั้นเป็นรายละเอียดที่ไม่รู้ไม่ทราบก็ไม่เป็นไรหรอก
มาถึงเรื่องของปลาอีกตัวหนึ่ง เป็นปลาจริงๆ คือ ไม่ใช่ปลาเค็มย่างที่ฟื้นคืนชีพ ปลาตัวนี้เรียกกันว่า ปลาของศาสดายูนุส บุตร มัธทาย (อะลัยฮิซซลาม) และเรียกศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ว่า เจ้าของปลา (صَاحِبُ الْحُوْتِ ) โดยถูกระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน บทอัซซอฟฟาต อายะฮฺที่ 142 และบทอัลก่อลัม อายะฮฺที่ 48
ศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ถูกส่งไปยังเมืองนีเนเว่ห์ ใกล้กับเมืองโมซุลในอิรักเพื่อเรียกร้องเชิญชวนชาวเมืองให้ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ) แต่ปรากฏว่า ชาวเมืองไม่ยอมศรัทธา ท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ก็ถอดใจและหนีออกจากเมืองไปโดยไม่ได้มีบัญชาของพระเจ้าให้กระทำเช่นนั้น ท่านหนีลงเรือลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้คนเป็นจำนวนมาก จนต้องมีการจับฉลากเพื่อหาคนที่สละเรือ ปรากฏว่าท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) จับฉลากได้ ชาวเรือจึงจับท่านโยนลงทะเล
นักวิชาการระบุว่า ท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ไม่สบายใจที่ชาวเมืองไม่เชื่อคำเรียกร้องของท่าน ท่านจึงเตือนพวกนั้นว่าจะถูกพระผู้เป็นเจ้าลงทัณฑ์ในเวลาอันใกล้ แล้วท่านก็ออกจากเมืองในสภาพที่ขุ่นเคืองชาวเมือง ความขุ่นเคืองได้นำพาให้ท่านออกเดินทางไปยังริมฝั่งทะเล ซึ่งที่นั่นมีเรือโดยสารที่มีผู้คนเพียบแปล้ ท่านลงเรือลำนั้นไป
ต่อมาเกิดลมพายุและคลื่นใหญ่ จนเรือเกือบจะอับปาง พวกชาวเรือจึงพากันกล่าวว่า : ในเรือลำนี้มีทาสที่กบฏต่อนายร่วมโดยสารมาด้วย และเรือลำนี้จะปลอดภัยถ้าจับทาสผู้นั้นโยนลงน้ำไปเสีย จึงจับฉลากดังที่กล่าวมา เมื่อศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ถูกจับโยนลงทะเล ก็มีปลาตัวหนึ่งมากลืนท่านลงท้องไป นักวิชาการระบุว่า พระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ) ได้มีบัญชากับปลาตัวนั้นว่า ข้ามิได้ให้ยูนุสเป็นอาหารของเจ้า เพียงแต่ทำให้ท้องของเจ้าเป็นที่เก็บและคุมขังยูนุสเอาไว้
ในขณะที่อยู่ในท้องปลาท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ได้สำนึกผิดและกล่าวสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน แท้จริงข้าพระองค์นั้นเป็นผู้หนึ่งจากเหล่าผู้อธรรม พระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ) จึงให้ท่านรอดชีวิตจากท้องปลานั้น
นักวิชาการระบุว่า ท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) อยู่ในท้องปลาเป็นเวลา 3 วัน , 7 วัน , 20 วัน และ 40 วันตามความเห็นที่ต่างกัน บ้างก็ว่าปลาได้กลืนท่านลงท้องไปในช่วงสายและคายท่านออกมาในตอนเย็นของวันเดียวกัน (ดู ฮะยาตุ้ล ฮะยะวาน อัลกุบรอ ของ อัดดุมัยรี่ย์ 1/268) ปลาของท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) คงไม่ใช่ปลาตัวเล็กๆ แต่น่าจะเป็นปลาที่มีขนาดเขื่องเอาการ เพราะสามารถกลืนคนเป็นๆ ลงท้องไปได้
อย่างไรก็ตาม อัลกุรอานใช้คำว่า ฮูต (حُوْتٌ ) ซึ่งหมายถึง ปลา กินความหมายกว้าง ไม่เจาะจงว่าเป็นปลาชนิดใด มีเพียงท้องเรื่องที่ส่อให้เห็นว่า ปลาตัวนี้ (ปลาของศาสดายูนุส อะลัยฮิซซลาม) กลืนท่านลงท้องและสามารถอยู่ในท้องของมันได้ แสดงว่าเป็นปลาใหญ่ อาศัยอยู่ในทะเล
คิดไปคิดมาก็น่าจะเป็น วาฬ หรือ ปลาวาฬ เป็นชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับ Odontoceti และ Mysticeti มีหลายชนิดในหลายวงศ์ ขนาดใหญ่มาก หัวมนใหญ่ หางแบนเพื่อช่วยในการพุ้ยน้ำ สามารถพ่นอากาศที่มีไอน้ำออกทางจมูกได้เวลาโผล่ขึ้นมาหายใจ เช่น ปลาวาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musoulus) ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในภาษาอาหรับเรียก ปลาวาฬว่า บาลฺ (اَلْبَالُ ) แต่ในอัลกุรอานใช้คำที่มีความหมายกว้าง ๆ ว่า ฮูต (حُوْتٌ ) ซึ่งหมายถึง ฮูตกะบีร (حَوْتٌ كَبِيْرٌ ) คือ ปลาใหญ่ ซึ่งก็คือ ปลาวาฬนั่นเอง บางทีก็เรียกกันว่า นูน (نُوْنٌ ) หมายถึง ปลา
เหตุนี้จึงเรียกท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ว่า ซูนนูน (ذُوالنُّوْنِ ) -The prophet Jonah- ซึ่งมีความหมายเดียวกับคำว่า ซอฮิบุ้ลฮูต (صَاحِبُ الْحُوْتِ ) ในอัลกุรอาน อันมีความหมายว่า เจ้าของปลานั่นเอง นักวิชาการระบุว่า ปลาวาฬ เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเล ตัวที่มีขนาดใหญ่มากๆ นั้น อาจจะมีขนาดความยาวถึง 50 ศอก หรือ 500 ศอก หรือมากกว่า เวลาที่มันโผล่สีข้างเหนือน้ำจะมีลักษณะเหมือนกระโดงเรือขนาดใหญ่ ชาวเรือในสมัยก่อนกลัวปลาชนิดนี้มาก เมื่อรู้ว่ามันอยู่ใกล้ๆ กับเรือก็จะตีกลองเพื่อไล่มัน
บางทีชาวอาหรับก็เรียกปลาวาฬ ว่า อัมบัร (اَلْعَنْبَرُ ) ซึ่งมีความหมายเดียวกับ อำพัน โดยมากเรียกว่า อำพันขี้ปลา หรือ อำพันทอง เป็นวัตถุสีเทาและสีเหลือง มีกลิ่นหอม ลอยอยู่ในทะเลหรือริมฝั่งทะเลของประเทศแถบร้อน เข้าใจว่าเป็นขี้ปลาวาฬชนิดหนึ่ง ชาวอาหรับเรียกสัตว์ทะเลที่กินอำพันว่า อัมบัร ซึ่งหมายถึง ปลาวาฬนั่นเอง
มีรายงานโดยท่านบุคอรีย์ จากท่านญาบิร (ร.ฎ) ว่า ครั้งหนึ่งเหล่าสาวกจำนวน 300 ท่าน ได้ออกลาดตระเวนเพื่อเฝ้าติดตามกองคาราวานสินค้าของพวกกุรอยซ์ ในครั้งนั้นเหล่าสาวกกินอินทผลัมประทังชีวิตอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง ต่อมาก็เดินทางสู่ชายทะเล ก็พบซากปลาวาฬที่ตายเกยตื้นอยู่ มีขนาดใหญ่เหมือนภูเขาลูกย่อมๆ จึงอาศัยเนื้อและไขมันปลาวาฬกินประทังชีวิตอยู่ราว 1 เดือน
ภายหลังกลับสู่นครม่าดีนะฮฺ ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านศาสดา (ซ.ล) ทราบ ท่านก็บอกว่า นั่นเป็นอาหารที่พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ) ทรงบันดาลให้มันออกมาสำหรับพวกท่าน และท่านศาสดา (ซ.ล) ก็ถามว่า มีเนื้อของมันเหลืออยู่กับพวกท่านบ้างหรือไม่ ? เหล่าสาวกจึงนำเอาเนื้อปลาวาฬนั้นให้กับท่านศาสดา (ซ.ล) ท่านก็ทานเนื้อนั้น (ฮะยาตุ้ล ฮะยะวาน อัลกุบรอ , อัดดุมัยรี่ย์ 2/157)
ในสมัยก่อน มีการล่าปลาวาฬกันมากเพื่อเอาเนื้อมาบริโภคและนำเอาไขของปลาวาฬมาเคี่ยวทำน้ำมัน แต่ปัจจุบันประชากรปลาวาฬลดน้อยลงมาก จึงมีการรณรงค์ให้เลิกล่าปลาวาฬ แต่ดูเหมือนว่าชาวอาทิตย์อุทัยหรือญี่ปุ่นยังคงยืนกรานที่จะล่าปลาวาฬกันต่อไป
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 07, 2009, 01:44 PM
^
^
^
บอร์ดเราไม่เหมือนบอร์ดมูรีดนะ มีอะไรก็เอามารวมๆๆๆ ของที่ค่อนข้างจะมีสาระ เอาแยกต่างหากก็ได้มั้ง แบ่งเป็นหมวดหมู่ให้แล้ว
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 07, 2009, 01:44 PM
ทั้งหมดกี่ข้อหรืออิลฮาม...
ว่าแต่รอบนี้พูดจาไพเราะจริงๆ
สงสัยทำ(มั่ว)ข้อสอบได้หมดทุกข้อแหงมๆ... 
พิษอะไรหรือจะเท่าพิษคณิตฯ เอ๊ย พีชชชชชคณิต
(โทษทีพี่เคยติดร.ภาษาไทยมาก่อน...เลยอาจสับสนบ้างในบางตัวอ่ะจ้า...
)
8ข้อ 3ชั่วโมง มั่นใจแค่1ข้อครึ่ง 555
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 07, 2009, 02:46 PM
อ่านเกี่ยวกับปลาวาฬแล้วทำให้นึกถึงปลาพะยูนฝูงสุดท้ายของบ้านเรา
เพราะรู้มาว่าปลาพะยูนก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ที่แถวๆตรังเขาจะเรียกกันว่า"ปลาดูหยง"หรือ "ดูหยง"
ตอนนั้นไปเข้าค่ายที่หาดเจ้าไหม...
ซึ่งมีรายงานว่าเป็นที่เดียวที่มีปลาพะยูนฝูงสุดท้ายหลงเหลืออยู่
ซึ่งน้อยมากๆ
เคยได้ฟังเรื่องเล่าของ"เจ้าโทน"พะยูนน้อยที่มาเกยตื้นที่คลองเจ้าไหม
เป็นพะยูนเชื่องและแสนรู้ แต่ว่ามันตายไปแล้วเพราะติดอวน...
ที่เจ้าไหมจะมีแกนนำชาวประมงที่คอยช่วยเหลือพะยูน
และคอยรณรงค์เรื่องการล่าปลาพะยูนอย่างน่่าประทับใจมากค่ะ...
เคยติดตามอ่านข่าวเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งแกนนำก็เป็นมุสลิมด้วย...

เพราะความเชื่อของคนบางกลุ่มที่ชอบล่าปลาพะยูนหรือปลาดูหยง
เพื่อเอาน้ำตาของมัน ทารุณมันให้มันเจ็บเพื่อให้มันร้องไห้ออกมา
ซึ่งน้ำตาที่ได้ก็แค่นิดเดียว...แล้วทิ้งซากของพะยูนเอาไว้บนหาด
เพราะนิสัยของปลาพะยูนจะรักใคร่กันมาก หากลูกหายไป แม่ก็จะว่ายน้ำ
วนหาลูกจนถูกจับได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่พอจับลูกได้ก็จะได้แม่พะยูนมาด้วยค่ะ...
นี่ค่ะรูป(ไปจิ๊กของเขามา

)


ปล.ชาวประมงในอดีต เขาคิดว่าพะยูนคือนางเงือกด้วยค่ะ...
สงสัยอาจเป็นเพราะท่่าทางเวลามันให้นมลูกกลางทะเลแน่เลยค่ะ
"เล่าสู่กันฟัง"ค่ะ

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
^____________^
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 08, 2009, 04:02 PM
salam
เมื่อคืนพายุไต้ฝุ่น หมายเลข18(เลขสวยมาก เพราะเป็นเลขวันเกิดเรา

)
ถล่มญี่ปุ่น
ปีที่แล้วโดนแค่หาง ปีนี้โดนเต็มๆทั้งตัวทั้งหัวพร้อมตวัดหางใส่อีกระลอกในตอนเช้า
คานของบ้านสั่นสะเทือน นึกว่าจะถล่มเสียแล้ว
เปล่าเรยยยยย คานเราทนทานยิ่งนัก...อัลฮัมดุลิลละฮฺ...
นั่งปั่นงานส่งอาจารย์ทั้งคืน(ช้าไม่ได้ค่ะ มันเป็นกฎ)
พร้อมกับคุยกับโคลงเคลงน้อยและอิลฮามในบอร์ดไปด้วย...ตาสว่างเชียว...
เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ฝันไปว่า
มีเด็กสาวตัวน้อยน่ารักๆมาสอนเราเต้นรำ เต้นไปเต้นมาตกเวที!!!
และก็ตกใจตื่น...เห็นนาฬิกาอยู่ในระดับสายตาพอดี ที่ว่าพายุถล่มคงไม่น่ากลัว
เท่าตัวเลขที่เข็มสั้นมันชี้โด่ชี้เด่อยู่แน่ๆ เหลือเวลาแค่สามสิบนาทีต้องเข้าห้องเรียน
สายไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว อาจารย์ท่านไม่ยอมรับ มันเป็นกฎ...
คำนวณในหัวเสร็จสรรพเรื่องกิจวัตรตอนเช้าว่าไม่ทันแน่...แต่ต้องลอง
และก็เป็นอีกวันที่ต้องวิ่งไล่รถไฟ เกือบโดนประตูรถไฟหนีบเสียแล้ว
ยังไม่พอ ลงจากรถไฟก็ต้องวิ่งไล่รถมหาลัยอีก...เห็นป้ายสีแดงๆของรถมอเรา
แล้วใจหาย วิ่งไปโบกมือไป คนขับใจดีหยุดให้ ตอนนั้นไม่สนใครจะมอง
ขอให้ทันก่อนอาจารย์เข้าห้องแค่นั้นเป็นพอ...
ลงจากรถมาได้ ก็วิ่งอีก คราวนี้ไม่สนใครจะทักแล้ว...
สายตาจับไปที่อาคารที่อยู่ในสุด รีบวิ่งขึ้นทางบันได ไม่รอลิฟท์แล้ว...
จับลูกบิดด้วยใจที่เต้นตูมตาม...มองนาฬิกาข้อมือพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
มีเวลาเหลือตั้งสองนาทีแน่ะ รอดตายแล้วเรา...

เปิดประตูเข้าไป คาดว่าอาจารย์และเพื่อนๆคงนั่งพร้อมหน้าพร้อมตา
และหันมามองทางเราชัวร์ๆ เปล่าเรยยยยย...ไม่มีคน มีแต่โต๊ะและเก้าอี...
เกิดอะไรขึ้น...เราเข้าห้องผิดหรือ...เป็นไปไม่ได้ นี่มันห้องวิจัยของเรา
วางกระเป๋าใส่งานเขียนแบบอันใหญ่กับสัมภาระบรรจุโมเดลตัวอย่าง
พร้อมวัสดุที่ใช้ทำงานอันแสนหนักอึ้ง
ที่ไม่รู้ว่าเม่ื่อกี้หอบมันมาในเวลาจำกัดได้อย่างไร(ไม่ทันได้คิดถึงมันเรยตอนนั้น)...
ไม่ทันได้นั่งพักหายเหนื่อย...ก็หันไปเห็น...ตัวอักษรตัวโตๆสีเหลืองๆ
บนกระดานสีเขียวๆที่มีการ์ตูนน่ารักๆคล้ายๆโคนันชี้ไปที่คำๆนั้นที่เขียนว่า
"วันนี้หยุดสอนหนึ่งวัน แล้วจะชดเชยคาบนี้ให้ในเดือนมกราคมปีหน้า จากอาจารย์...."
จานนนนนนนน...ทิ้งกันอย่่างนี้เลยหรือออออ...
ทรุดเข่่านั่งลงบนเก้าอี้ของเรา ไม่เป็นไร ได๋โจบุ...
และแล้วก็ต้องแบกงานพร้อมสัมภาระกลับไปบ้านพัก...
คราวนี้ทำไมมันหนักเหลือเกิน...แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยก็มีเวลากลับไปแก้งาน
อีกหนึ่งสัปดาห์...แล้วหน้าของเพื่อนร่วมห้องที่เราวิ่งสวนเมื่อกี้ก็แว้บเข้ามา
ถ้าฉุกคิดและหยุดทักทายเพื่อนสักนิด เราคงไม่เหนื่อยวิ่งขึ้นบันไดอย่างนี้...
เฮ้อ...ดีจัง...ได้หยุดเรียนด้วย...
ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า
...ในเรื่องร้ายนั้นมีเรื่องที่ร้ายกว่่า แต่ในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดี
และในเรื่องดีก็มีเรื่องที่ดีกว่า"
อัมฮัมดุลิลละฮฺ
วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
^____________^

Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 08, 2009, 04:21 PM
ได้กลับไปอาบน้ำ
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 08, 2009, 04:59 PM
ใช่แล้วโคลงเคลงน้อย
เพราะว่าบ้านพักพี่อยู่บนเนินเขาที่อยู่หลังเขา รอบๆมองไปมีแต่เขา
วิ่งขึ้นวิ่งลงแทบทุกวัน อัลฮัมดุลิลละฮ์ แข็งแรงไม่มีพุง คอนเฟิร์ม!!!
(ที่เลือกอยู่บนเนินเขาเพราะอยากออกกำลังกายมันนี่แหล่ะจ้า555)
แต่ลืมสังเกตเขาหลังบ้านพักไปนิด สุสานทั้งเพ...
เพื่อนพี่มันถึงไม่อยากมานอนค้างที่บ้านด้วยนั้น...

^
^
ถึงอิลฮาม....
ใช่...วิ่งซะขนาดนั้น...แต่เหงื่อไม่ออกหรอกค่ะ เพราะเริ่มหนาวแล้ว...
อีกอย่างเมื่อเช้าวิ่งผ่านน้ำเอา

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
^___________^
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 08, 2009, 05:14 PM
แสดงว่าไม่อาบไปโรงเรียอจริงๆด้วย 555
ผมบางวันตื่นไม่ทันสอบก็ไปทั้งแบบนั้นแหละ
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 08, 2009, 05:24 PM
แสดงว่าไม่อาบไปโรงเรียอจริงๆด้วย 555
ผมบางวันตื่นไม่ทันสอบก็ไปทั้งแบบนั้นแหละ
อาบจิ...เวลาก่อนไปรบหรือออกศึกเขายังต้องอาบน้ำเลย...
ก่อนออกจากบ้านก็ต้องอาบน้ำเอาฤกษ์เอาชัย จะได้สดใสพร้อมเริ่มวันใหม่
...จำไว้นะอิลฮามเอ๋ย...แม้จะวิ่งผ่านน้ำก็ตาม...

ปล.แล้วทุกอย่างจะไปด้วยดี เหมือนวันนี้และหลายๆครั้งที่พี่ก็ไปทัน...
อัลฮัมดุลิละฮฺ