กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ข่าวสารและสังคมมุสลิม
Pages: 123456789101112131415161718192021222324252627282930313233343536373839404142434445464748495051525354555657585960616263646566676869707172737475767778798081828384858687888990919293949596979899100101102103104105106107108109110111112113114115116117118119120121122123124125126127128129130131132133134135136137138139140141142143144145146147148149150151152153154155156157158159160161162163164165166167168169170171172173174175176177178179180181182183184185186187188189
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: เหรียญ 2 ด้าน Date: ต.ค. 06, 2009, 10:43 PM
 salam

เป้าหมายของการเยินยอ
 

          ครั้งหนึ่งได้มีชาวอาหรับชนบทเข้าเฝ้าคอลีฟะห์ฮิชาม อิบนุ อับดิลมาลิกและกล่าวสรรเสริญเยินยอพระองค์ต่อหน้าพระที่นั่ง คอลีฟะห์จึงกล่าวขึ้นว่า : โอ้ท่านผู้นี้ แท้จริงการสรรเสริญเยินยอบุคคลต่อหน้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่บังควรและถูกห้ามตามหลักการของศาสนา ฉะนั้นท่านจงอย่าสรรเสริญเยินยอผู้คนต่อหน้าพวกเขา!

          ชาวอาหรับชนบทจึงกล่าวขึ้นว่า : ขอสาบานต่ออัลลอฮ โอ้ท่านฮิชาม! อันตัวฉันนี้มิได้สรรเสริญเยินยอท่านเลยแม้แต่น้อย หากแต่ฉันกระตุ้นเตือนให้ท่านได้ระลึกและเกิดความสำนึกต่อความโปรดปรานอันมากมายของพระองค์อัลลอฮ (ซ.บ.) ที่มีต่อท่าน

          เพื่อที่ท่านนั้นจักได้ไม่ลืมตัวและหมั่นระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เสมอ การณ์เป็นเช่นนี้ต่างหาก!


          (คัดจาก อัลมุฟร่อดุ้ลอะลัม ฟี รอซมิลก่อลัม หน้า 92)
 
credit  alisuasaming.com
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 06, 2009, 11:12 PM
 salam

ขอบคุณค่ะ

วัสลามุอะลัยกุม

^_________^
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 07, 2009, 12:16 PM
เมื่อกี้ก่อนเข้าห้องสอบ5นาที เอาหนังสือขึ้นบิสมิลลัฮ เปิดได้หน้าไหนจะอ่านหน้านั้น เปิดเสร็จอ่านจบเดินเข้าห้องสอบ
เข้าห้องสอบแล้วดีใจมาก เจอข้อแรกตรงกับที่อ่านเมื่อกี้พอดีเป๊ะๆ หาปริมาตรทรงตันรูปครก
เปิดไปข้อ2 หาปริมาตรทรงตันเหมือนกัน แต่บังคับให้ใช้วิธีเปลือทรงกระบอก เจ๊งเลย แต่ยังดีที่เคยผ่านตา
มาถึงข้อกลางๆ เจอบายพาส ลืมไปแล้วว่าต้องบายพาสอะไรยังไง นั่งใจลอย5นาที และแล้ว อัลลอฮก็ได้อิลฮามวิธีบายพาสให้ 5555
แต่อิลฮามข้อนั้นข้อเดียว ข้ออื่นไม่ช่วยแล้ว โทษฐานไม่อ่านหนังสือ
ส่วนอนุกรมลู่เข้าลู่ออกยังพอที่จะมั่วๆเอาได้บ้าง

alhamdulillah
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: คนเดินดิน Date: ต.ค. 07, 2009, 12:56 PM
 salam

เจอพิษแคลคูลัสเข้าแล้วหล่ะสิท่า

     แล้วท่านจักหายาถอนพิษจากที่ใด?

 ;D hehe ;D
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 07, 2009, 01:07 PM
salam

เจอพิษแคลคูลัสเข้าแล้วหล่ะสิท่า

     แล้วท่านจักหายาถอนพิษจากที่ใด?

 ;D hehe ;D

หาจากบอร์ดนี่แหละ สอบเสร็จเที่ยงก็เข้ามาในนี้เลย 5555
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 07, 2009, 01:37 PM
และแล้ว อัลลอฮก็ได้อิลฮามวิธีบายพาสให้ 5555
แต่อิลฮามข้อนั้นข้อเดียว ข้ออื่นไม่ช่วยแล้ว โทษฐานไม่อ่านหนังสือ
ส่วนอนุกรมลู่เข้าลู่ออกยังพอที่จะมั่วๆเอาได้บ้าง

alhamdulillah

ทั้งหมดกี่ข้อหรืออิลฮาม...
ว่าแต่รอบนี้พูดจาไพเราะจริงๆ
สงสัยทำ(มั่ว)ข้อสอบได้หมดทุกข้อแหงมๆ... cool2:

พิษอะไรหรือจะเท่าพิษคณิตฯ เอ๊ย พีชชชชชคณิต
(โทษทีพี่เคยติดร.ภาษาไทยมาก่อน...เลยอาจสับสนบ้างในบางตัวอ่ะจ้า... ;D )


Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: เหรียญ 2 ด้าน Date: ต.ค. 07, 2009, 01:40 PM
 salam
สัตว์น้ำ
 

โดย...อาลี เสือสมิง


          ในคัมภีร์อัลกุรอาน ระบุถึงสัตว์น้ำโดยเฉพาะสัตว์ทะเลเอาไว้ในรูปคำว่า ฮูต (حُوْتٌ ) หมายถึง ปลา (اَلسَّمَكُ )  มีรูปพหูพจน์ว่า อะฮฺวาตฺ , ฮูตะฮฺ และฮีตานฺ  คำว่า ฮูต ถูกระบุในอายะฮฺที่  61 และ 63  บทอัลกะฮฺฟี่  เป็นเรื่องของปลาที่ท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) กับเด็กรับใช้ของท่านนำใส่ตะกร้าหรือข้อง  ได้นำไปเป็นอาหารระหว่างการเดินทางไปพบท่านศาสดาค่อฎิรฺ (หรือคิเฎ็ร)

 

           ปลาที่ว่านี้เป็นปลาย่าง  แต่มันกลับมามีชีวิตและดิ้นออกจากข้องลงทะเลไป  ซึ่งนั่นเป็นจุดนัดพบระหว่างท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม)  กับศาสดาค่อฎิรแต่เด็กรับใช้ของท่านศาสดามูซา คือ ยูชะอฺ บิน นูนฺ  ไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบ  จวบจนกระทั่งเดินทางผ่านมาได้ระยะหนึ่ง  ท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) อ่อนล้าและเกิดอาการหิว  จึงเรียกหาปลาที่นำมาเป็นอาหารกลางวัน 

 

           ยูชะอฺ บิน นูน จึงแจ้งให้ท่านศาสดาทราบและบอกว่า ชัยตอนทำให้ยูชะอฺลืมแจ้งเรื่องแปลกประหลาดนั้นแก่ท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) ท่านจึงบอกว่า  นั่นแหล่ะ คือสิ่งที่เราสองคนกำลังแสวงหา  ทั้งสองจึงย้อนกลับไปยังที่ซึ่งปลาตัวนั้นหลุดจากข้องไป  แล้วทั้งสองก็พบกับศาสดาค่อฎิร (อะลัยฮิซซลาม)  และเกิดเรื่องราวดังที่ถูกระบุไว้ในบทอัลกะฮฺฟี่  นับแต่อายะฮฺที่ 60  ถึงอายะฮฺที่ 82

 

           นักวิชาการได้ระบุว่า  ปลาที่ท่านศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) ให้ยูชะอฺ บิน นูน นำใส่ข้องไปด้วยนั้นเป็นปลาย่าง  ต่อมามันก็หลุดออกจากข้องไปและว่ายลงทะเล  น้ำทะเลบริเวณนั้นก็หยุดไหลและจับตัวแข็งรอบๆ ตัวปลา  เหมือนโขดหิน  มีรายงานจากท่านอิบนุ อับบาส (ร.ฎ) ว่า  เหตุที่ปลาย่างกลับมามีชีวิตเพราะมันโดนหยดน้ำจากตาน้ำแห่งหนึ่งที่นั่น  เรียกกันว่า  ตาน้ำแห่งชีวิต (عَيْنُ الْحَيَاةِ )  ซึ่งหยดน้ำนี้เมื่อโดนหรือสัมผัสกับสัตว์ที่ตาย  มันจะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ 

 

           แต่อัลกัลบีย์  กล่าวว่า  ยูชะอฺ บิน นูน ได้อาบน้ำละหมาดจากน้ำของตาน้ำแห่งชีวิต  และน้ำก็หยดลงบนตัวปลาที่ถูกใส่เกลือขณะที่มันอยู่ในข้องแห้งๆ จนลงน้ำทะเลไป  ตรงนั้นเรียกว่า  ที่รวมของทะเลสองแห่ง (مَجْمَعُ الْبَحْرَيْنِ ) ซึ่งนักวิชาการก็กล่าวไว้แตกต่างกัน เช่น คือทะเลเปอร์เซียกับทะเลรูมถัดจากทิศตะวันออก  บ้างก็บอกว่า  ทะเลจอร์แดนกับทะเลกุลซุม  บ้างก็ว่าเป็นทะเลที่อยู่ทางทิศตะวันตกกับทะเลที่อยู่ตรงช่องแคบ

 

           เรื่องของปลาย่างที่กลับมามีชีวิตนี้  นับเป็นเรื่องแปลก  แต่ก็รับฟังเอาไว้เพื่อประดับความรู้ก็แล้วกัน  สิ่งที่จำเป็นต้องเชื่อก็คือ เจ้าปลาตัวนี้ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์อัล   กุรอานในเรื่องของศาสดามูซา (อะลัยฮิซซลาม) ส่วนที่เล่าให้ฟังนั้นเป็นรายละเอียดที่ไม่รู้ไม่ทราบก็ไม่เป็นไรหรอก

 

           มาถึงเรื่องของปลาอีกตัวหนึ่ง  เป็นปลาจริงๆ คือ ไม่ใช่ปลาเค็มย่างที่ฟื้นคืนชีพ  ปลาตัวนี้เรียกกันว่า  ปลาของศาสดายูนุส บุตร มัธทาย (อะลัยฮิซซลาม) และเรียกศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ว่า เจ้าของปลา (صَاحِبُ الْحُوْتِ )  โดยถูกระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน   บทอัซซอฟฟาต  อายะฮฺที่ 142 และบทอัลก่อลัม อายะฮฺที่ 48

 

           ศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ถูกส่งไปยังเมืองนีเนเว่ห์ ใกล้กับเมืองโมซุลในอิรักเพื่อเรียกร้องเชิญชวนชาวเมืองให้ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ) แต่ปรากฏว่า ชาวเมืองไม่ยอมศรัทธา  ท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ก็ถอดใจและหนีออกจากเมืองไปโดยไม่ได้มีบัญชาของพระเจ้าให้กระทำเช่นนั้น  ท่านหนีลงเรือลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้คนเป็นจำนวนมาก  จนต้องมีการจับฉลากเพื่อหาคนที่สละเรือ  ปรากฏว่าท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) จับฉลากได้ ชาวเรือจึงจับท่านโยนลงทะเล 

 

           นักวิชาการระบุว่า  ท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ไม่สบายใจที่ชาวเมืองไม่เชื่อคำเรียกร้องของท่าน  ท่านจึงเตือนพวกนั้นว่าจะถูกพระผู้เป็นเจ้าลงทัณฑ์ในเวลาอันใกล้  แล้วท่านก็ออกจากเมืองในสภาพที่ขุ่นเคืองชาวเมือง  ความขุ่นเคืองได้นำพาให้ท่านออกเดินทางไปยังริมฝั่งทะเล  ซึ่งที่นั่นมีเรือโดยสารที่มีผู้คนเพียบแปล้  ท่านลงเรือลำนั้นไป

 

           ต่อมาเกิดลมพายุและคลื่นใหญ่ จนเรือเกือบจะอับปาง  พวกชาวเรือจึงพากันกล่าวว่า  : ในเรือลำนี้มีทาสที่กบฏต่อนายร่วมโดยสารมาด้วย  และเรือลำนี้จะปลอดภัยถ้าจับทาสผู้นั้นโยนลงน้ำไปเสีย  จึงจับฉลากดังที่กล่าวมา  เมื่อศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ถูกจับโยนลงทะเล  ก็มีปลาตัวหนึ่งมากลืนท่านลงท้องไป  นักวิชาการระบุว่า  พระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ) ได้มีบัญชากับปลาตัวนั้นว่า  ข้ามิได้ให้ยูนุสเป็นอาหารของเจ้า  เพียงแต่ทำให้ท้องของเจ้าเป็นที่เก็บและคุมขังยูนุสเอาไว้

 

           ในขณะที่อยู่ในท้องปลาท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ได้สำนึกผิดและกล่าวสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ท่าน  มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน  แท้จริงข้าพระองค์นั้นเป็นผู้หนึ่งจากเหล่าผู้อธรรม”  พระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ) จึงให้ท่านรอดชีวิตจากท้องปลานั้น

 

           นักวิชาการระบุว่า  ท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) อยู่ในท้องปลาเป็นเวลา 3 วัน , 7 วัน , 20 วัน และ 40 วันตามความเห็นที่ต่างกัน  บ้างก็ว่าปลาได้กลืนท่านลงท้องไปในช่วงสายและคายท่านออกมาในตอนเย็นของวันเดียวกัน  (ดู ฮะยาตุ้ล ฮะยะวาน อัลกุบรอ ของ อัดดุมัยรี่ย์ 1/268) ปลาของท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) คงไม่ใช่ปลาตัวเล็กๆ แต่น่าจะเป็นปลาที่มีขนาดเขื่องเอาการ  เพราะสามารถกลืนคนเป็นๆ ลงท้องไปได้

 

           อย่างไรก็ตาม  อัลกุรอานใช้คำว่า ฮูต (حُوْتٌ )  ซึ่งหมายถึง “ปลา” กินความหมายกว้าง  ไม่เจาะจงว่าเป็นปลาชนิดใด  มีเพียงท้องเรื่องที่ส่อให้เห็นว่า  ปลาตัวนี้ (ปลาของศาสดายูนุส อะลัยฮิซซลาม) กลืนท่านลงท้องและสามารถอยู่ในท้องของมันได้  แสดงว่าเป็นปลาใหญ่  อาศัยอยู่ในทะเล

 

           คิดไปคิดมาก็น่าจะเป็น “วาฬ” หรือ “ปลาวาฬ” เป็นชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับ Odontoceti   และ Mysticeti  มีหลายชนิดในหลายวงศ์  ขนาดใหญ่มาก  หัวมนใหญ่  หางแบนเพื่อช่วยในการพุ้ยน้ำ  สามารถพ่นอากาศที่มีไอน้ำออกทางจมูกได้เวลาโผล่ขึ้นมาหายใจ  เช่น ปลาวาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musoulus) ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  ในภาษาอาหรับเรียก ปลาวาฬว่า บาลฺ (اَلْبَالُ ) แต่ในอัลกุรอานใช้คำที่มีความหมายกว้าง  ๆ ว่า ฮูต (حُوْتٌ )  ซึ่งหมายถึง ฮูตกะบีร     (حَوْتٌ كَبِيْرٌ )  คือ ปลาใหญ่  ซึ่งก็คือ ปลาวาฬนั่นเอง  บางทีก็เรียกกันว่า นูน (نُوْنٌ )  หมายถึง ปลา 

 

           เหตุนี้จึงเรียกท่านศาสดายูนุส (อะลัยฮิซซลาม) ว่า ซูนนูน (ذُوالنُّوْنِ )  -The prophet Jonah- ซึ่งมีความหมายเดียวกับคำว่า ซอฮิบุ้ลฮูต (صَاحِبُ الْحُوْتِ ) ในอัลกุรอาน  อันมีความหมายว่า เจ้าของปลานั่นเอง  นักวิชาการระบุว่า ปลาวาฬ เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเล  ตัวที่มีขนาดใหญ่มากๆ นั้น  อาจจะมีขนาดความยาวถึง 50 ศอก หรือ 500 ศอก หรือมากกว่า  เวลาที่มันโผล่สีข้างเหนือน้ำจะมีลักษณะเหมือนกระโดงเรือขนาดใหญ่  ชาวเรือในสมัยก่อนกลัวปลาชนิดนี้มาก  เมื่อรู้ว่ามันอยู่ใกล้ๆ กับเรือก็จะตีกลองเพื่อไล่มัน 

 

           บางทีชาวอาหรับก็เรียกปลาวาฬ ว่า อัมบัร (اَلْعَنْبَرُ )  ซึ่งมีความหมายเดียวกับ อำพัน  โดยมากเรียกว่า อำพันขี้ปลา หรือ อำพันทอง  เป็นวัตถุสีเทาและสีเหลือง มีกลิ่นหอม ลอยอยู่ในทะเลหรือริมฝั่งทะเลของประเทศแถบร้อน  เข้าใจว่าเป็นขี้ปลาวาฬชนิดหนึ่ง  ชาวอาหรับเรียกสัตว์ทะเลที่กินอำพันว่า “อัมบัร” ซึ่งหมายถึง ปลาวาฬนั่นเอง




           มีรายงานโดยท่านบุคอรีย์  จากท่านญาบิร (ร.ฎ) ว่า ครั้งหนึ่งเหล่าสาวกจำนวน 300 ท่าน ได้ออกลาดตระเวนเพื่อเฝ้าติดตามกองคาราวานสินค้าของพวกกุรอยซ์  ในครั้งนั้นเหล่าสาวกกินอินทผลัมประทังชีวิตอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง  ต่อมาก็เดินทางสู่ชายทะเล ก็พบซากปลาวาฬที่ตายเกยตื้นอยู่  มีขนาดใหญ่เหมือนภูเขาลูกย่อมๆ จึงอาศัยเนื้อและไขมันปลาวาฬกินประทังชีวิตอยู่ราว 1 เดือน 

 

           ภายหลังกลับสู่นครม่าดีนะฮฺ  ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านศาสดา (ซ.ล) ทราบ  ท่านก็บอกว่า  นั่นเป็นอาหารที่พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ) ทรงบันดาลให้มันออกมาสำหรับพวกท่าน  และท่านศาสดา (ซ.ล) ก็ถามว่า มีเนื้อของมันเหลืออยู่กับพวกท่านบ้างหรือไม่ ?  เหล่าสาวกจึงนำเอาเนื้อปลาวาฬนั้นให้กับท่านศาสดา (ซ.ล) ท่านก็ทานเนื้อนั้น (ฮะยาตุ้ล ฮะยะวาน อัลกุบรอ , อัดดุมัยรี่ย์ 2/157)

 

           ในสมัยก่อน มีการล่าปลาวาฬกันมากเพื่อเอาเนื้อมาบริโภคและนำเอาไขของปลาวาฬมาเคี่ยวทำน้ำมัน แต่ปัจจุบันประชากรปลาวาฬลดน้อยลงมาก  จึงมีการรณรงค์ให้เลิกล่าปลาวาฬ  แต่ดูเหมือนว่าชาวอาทิตย์อุทัยหรือญี่ปุ่นยังคงยืนกรานที่จะล่าปลาวาฬกันต่อไป
 




Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 07, 2009, 01:44 PM
^
^
^
บอร์ดเราไม่เหมือนบอร์ดมูรีดนะ มีอะไรก็เอามารวมๆๆๆ ของที่ค่อนข้างจะมีสาระ เอาแยกต่างหากก็ได้มั้ง แบ่งเป็นหมวดหมู่ให้แล้ว
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 07, 2009, 01:44 PM


ทั้งหมดกี่ข้อหรืออิลฮาม...
ว่าแต่รอบนี้พูดจาไพเราะจริงๆ
สงสัยทำ(มั่ว)ข้อสอบได้หมดทุกข้อแหงมๆ... cool2:

พิษอะไรหรือจะเท่าพิษคณิตฯ เอ๊ย พีชชชชชคณิต
(โทษทีพี่เคยติดร.ภาษาไทยมาก่อน...เลยอาจสับสนบ้างในบางตัวอ่ะจ้า... ;D )



8ข้อ 3ชั่วโมง มั่นใจแค่1ข้อครึ่ง 555
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 07, 2009, 02:46 PM



อ่านเกี่ยวกับปลาวาฬแล้วทำให้นึกถึงปลาพะยูนฝูงสุดท้ายของบ้านเรา

เพราะรู้มาว่าปลาพะยูนก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ที่แถวๆตรังเขาจะเรียกกันว่า"ปลาดูหยง"หรือ "ดูหยง"
ตอนนั้นไปเข้าค่ายที่หาดเจ้าไหม...
ซึ่งมีรายงานว่าเป็นที่เดียวที่มีปลาพะยูนฝูงสุดท้ายหลงเหลืออยู่
ซึ่งน้อยมากๆ

เคยได้ฟังเรื่องเล่าของ"เจ้าโทน"พะยูนน้อยที่มาเกยตื้นที่คลองเจ้าไหม
เป็นพะยูนเชื่องและแสนรู้ แต่ว่ามันตายไปแล้วเพราะติดอวน...

ที่เจ้าไหมจะมีแกนนำชาวประมงที่คอยช่วยเหลือพะยูน
และคอยรณรงค์เรื่องการล่าปลาพะยูนอย่างน่่าประทับใจมากค่ะ...
เคยติดตามอ่านข่าวเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งแกนนำก็เป็นมุสลิมด้วย...  loveit:

เพราะความเชื่อของคนบางกลุ่มที่ชอบล่าปลาพะยูนหรือปลาดูหยง
เพื่อเอาน้ำตาของมัน ทารุณมันให้มันเจ็บเพื่อให้มันร้องไห้ออกมา
ซึ่งน้ำตาที่ได้ก็แค่นิดเดียว...แล้วทิ้งซากของพะยูนเอาไว้บนหาด
เพราะนิสัยของปลาพะยูนจะรักใคร่กันมาก หากลูกหายไป แม่ก็จะว่ายน้ำ
วนหาลูกจนถูกจับได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่พอจับลูกได้ก็จะได้แม่พะยูนมาด้วยค่ะ...


นี่ค่ะรูป(ไปจิ๊กของเขามา hehe)







ปล.ชาวประมงในอดีต เขาคิดว่าพะยูนคือนางเงือกด้วยค่ะ...
สงสัยอาจเป็นเพราะท่่าทางเวลามันให้นมลูกกลางทะเลแน่เลยค่ะ

"เล่าสู่กันฟัง"ค่ะ ;D

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^____________^


Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 08, 2009, 04:02 PM
 salam

เมื่อคืนพายุไต้ฝุ่น หมายเลข18(เลขสวยมาก เพราะเป็นเลขวันเกิดเรา ;D)
ถล่มญี่ปุ่น

ปีที่แล้วโดนแค่หาง ปีนี้โดนเต็มๆทั้งตัวทั้งหัวพร้อมตวัดหางใส่อีกระลอกในตอนเช้า
คานของบ้านสั่นสะเทือน นึกว่าจะถล่มเสียแล้ว
เปล่าเรยยยยย คานเราทนทานยิ่งนัก...อัลฮัมดุลิลละฮฺ...

นั่งปั่นงานส่งอาจารย์ทั้งคืน(ช้าไม่ได้ค่ะ มันเป็นกฎ)
พร้อมกับคุยกับโคลงเคลงน้อยและอิลฮามในบอร์ดไปด้วย...ตาสว่างเชียว...
เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ฝันไปว่า
มีเด็กสาวตัวน้อยน่ารักๆมาสอนเราเต้นรำ เต้นไปเต้นมาตกเวที!!!
และก็ตกใจตื่น...เห็นนาฬิกาอยู่ในระดับสายตาพอดี ที่ว่าพายุถล่มคงไม่น่ากลัว
เท่าตัวเลขที่เข็มสั้นมันชี้โด่ชี้เด่อยู่แน่ๆ เหลือเวลาแค่สามสิบนาทีต้องเข้าห้องเรียน
สายไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว อาจารย์ท่านไม่ยอมรับ มันเป็นกฎ...

คำนวณในหัวเสร็จสรรพเรื่องกิจวัตรตอนเช้าว่าไม่ทันแน่...แต่ต้องลอง
และก็เป็นอีกวันที่ต้องวิ่งไล่รถไฟ เกือบโดนประตูรถไฟหนีบเสียแล้ว
ยังไม่พอ ลงจากรถไฟก็ต้องวิ่งไล่รถมหาลัยอีก...เห็นป้ายสีแดงๆของรถมอเรา
แล้วใจหาย วิ่งไปโบกมือไป คนขับใจดีหยุดให้ ตอนนั้นไม่สนใครจะมอง
ขอให้ทันก่อนอาจารย์เข้าห้องแค่นั้นเป็นพอ...

ลงจากรถมาได้ ก็วิ่งอีก คราวนี้ไม่สนใครจะทักแล้ว...
สายตาจับไปที่อาคารที่อยู่ในสุด รีบวิ่งขึ้นทางบันได ไม่รอลิฟท์แล้ว...
จับลูกบิดด้วยใจที่เต้นตูมตาม...มองนาฬิกาข้อมือพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
มีเวลาเหลือตั้งสองนาทีแน่ะ รอดตายแล้วเรา... ;D
เปิดประตูเข้าไป คาดว่าอาจารย์และเพื่อนๆคงนั่งพร้อมหน้าพร้อมตา
และหันมามองทางเราชัวร์ๆ เปล่าเรยยยยย...ไม่มีคน มีแต่โต๊ะและเก้าอี...
เกิดอะไรขึ้น...เราเข้าห้องผิดหรือ...เป็นไปไม่ได้ นี่มันห้องวิจัยของเรา

วางกระเป๋าใส่งานเขียนแบบอันใหญ่กับสัมภาระบรรจุโมเดลตัวอย่าง
พร้อมวัสดุที่ใช้ทำงานอันแสนหนักอึ้ง
ที่ไม่รู้ว่าเม่ื่อกี้หอบมันมาในเวลาจำกัดได้อย่างไร(ไม่ทันได้คิดถึงมันเรยตอนนั้น)...
ไม่ทันได้นั่งพักหายเหนื่อย...ก็หันไปเห็น...ตัวอักษรตัวโตๆสีเหลืองๆ
บนกระดานสีเขียวๆที่มีการ์ตูนน่ารักๆคล้ายๆโคนันชี้ไปที่คำๆนั้นที่เขียนว่า

"วันนี้หยุดสอนหนึ่งวัน แล้วจะชดเชยคาบนี้ให้ในเดือนมกราคมปีหน้า จากอาจารย์...."

จานนนนนนนน...ทิ้งกันอย่่างนี้เลยหรือออออ...

ทรุดเข่่านั่งลงบนเก้าอี้ของเรา ไม่เป็นไร ได๋โจบุ...

และแล้วก็ต้องแบกงานพร้อมสัมภาระกลับไปบ้านพัก...
คราวนี้ทำไมมันหนักเหลือเกิน...แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยก็มีเวลากลับไปแก้งาน
อีกหนึ่งสัปดาห์...แล้วหน้าของเพื่อนร่วมห้องที่เราวิ่งสวนเมื่อกี้ก็แว้บเข้ามา
ถ้าฉุกคิดและหยุดทักทายเพื่อนสักนิด เราคงไม่เหนื่อยวิ่งขึ้นบันไดอย่างนี้...

เฮ้อ...ดีจัง...ได้หยุดเรียนด้วย...

ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า

...ในเรื่องร้ายนั้นมีเรื่องที่ร้ายกว่่า แต่ในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดี
และในเรื่องดีก็มีเรื่องที่ดีกว่า"

อัมฮัมดุลิลละฮฺ

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^____________^

 loveit: loveit:
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 08, 2009, 04:21 PM
ได้กลับไปอาบน้ำ
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 08, 2009, 04:59 PM

ใช่แล้วโคลงเคลงน้อย
เพราะว่าบ้านพักพี่อยู่บนเนินเขาที่อยู่หลังเขา รอบๆมองไปมีแต่เขา
วิ่งขึ้นวิ่งลงแทบทุกวัน อัลฮัมดุลิลละฮ์ แข็งแรงไม่มีพุง คอนเฟิร์ม!!!
(ที่เลือกอยู่บนเนินเขาเพราะอยากออกกำลังกายมันนี่แหล่ะจ้า555)
แต่ลืมสังเกตเขาหลังบ้านพักไปนิด สุสานทั้งเพ...
เพื่อนพี่มันถึงไม่อยากมานอนค้างที่บ้านด้วยนั้น... mycry

^
^
ถึงอิลฮาม....

ใช่...วิ่งซะขนาดนั้น...แต่เหงื่อไม่ออกหรอกค่ะ เพราะเริ่มหนาวแล้ว...
อีกอย่างเมื่อเช้าวิ่งผ่านน้ำเอา hihi: hihi:


วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^___________^

Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: ILHAM Date: ต.ค. 08, 2009, 05:14 PM
แสดงว่าไม่อาบไปโรงเรียอจริงๆด้วย 555

ผมบางวันตื่นไม่ทันสอบก็ไปทั้งแบบนั้นแหละ
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า... By: nada-yoru Date: ต.ค. 08, 2009, 05:24 PM
แสดงว่าไม่อาบไปโรงเรียอจริงๆด้วย 555

ผมบางวันตื่นไม่ทันสอบก็ไปทั้งแบบนั้นแหละ

อาบจิ...เวลาก่อนไปรบหรือออกศึกเขายังต้องอาบน้ำเลย...
ก่อนออกจากบ้านก็ต้องอาบน้ำเอาฤกษ์เอาชัย จะได้สดใสพร้อมเริ่มวันใหม่
...จำไว้นะอิลฮามเอ๋ย...แม้จะวิ่งผ่านน้ำก็ตาม...  ;D

ปล.แล้วทุกอย่างจะไปด้วยดี เหมือนวันนี้และหลายๆครั้งที่พี่ก็ไปทัน...
อัลฮัมดุลิละฮฺ